ลู่เจียวยังมองไปยังฮวาเสิ่นภรรยาหลินต้า ฮวาเสิ่นกับหลินต้าที่ตรงข้ามกันพอดี นางร่างสูงใหญ่แข็งแรง ก่อนหน้านี้นางบอกตนเองทำอาหารได้ และยังทำได้อร่อย เคยเป็นแม่ครัวดูแลในบ้านขุนนางที่กระทำผิด
“ฮวาเสิ่นวันหน้าก็รับหน้าที่ดูแลงานในครัว”
ฮวาเสิ่นรีบตอบรับ “บ่าวทราบแล้ว”
ลู่เจียวยังมองไปบุตรชายสองคนของหลินต้าและฮวาเสิ่น หลินต้ากับฮวาเสิ่นแอบเกร็ง ไม่รู้ว่านายหญิงจะจัดให้บุตรชายตนทำอะไร
ลู่เจียวเห็นบุตรชายคนโตหลินต้า แม้ว่าตัวผอมเล็ก แต่ดูแล้วฉลาดไม่น้อย เจ้าหมอนี่เอาไปเป็นเด็กรับใช้ติดตามเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ไม่เลว
ลู่เจียวมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ท่านพี่ ให้หลินตงเป็นเด็กรับใช้ติดตามท่านพี่ ท่านพี่ว่าอย่างไร”
หลินต้ากับฮวาเสิ่นจ้องมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หากเป็นเด็กรับใช้คุณชายได้ บุตรชายคนโตวันหน้าไม่แน่อาจมีอนาคต ตอนนี้ติดตามคุณชายและเหนียงจื่อ วันหน้าคุณชายและเหนียงจื่อรุ่งเรือง บุตรชายเขาก็มีอนาคตไปด้วย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองหลินตง รู้สึกว่าฉลาดไม่น้อย แค่มองก็รู้ว่าฉลาดว่องไว แต่เขาใช้คนนั้นสำคัญที่สุดก็คือความซื่อสัตย์ภักดี ใช้ชั่วคราวไปก่อนละกัน ดูว่าเจ้าหมอนี่ใช้ได้หรือไม่ หากใช้ได้ ก็อบรมสั่งสอนให้เขาเป็นคนสนิทติดตามเขา
“ได้ งั้นให้เขาเป็นคนรับใช้คอยช่วยงานข้าละกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ มองไปยังหลินตงสอนว่า “วันหน้าข้าก็คือเจ้านายเจ้า ต้องฟังคำสั่งข้าปฏิบัติงาน”
หลินต้ากับฮวาเสิ่นรีบมองไปยังหลินตงกล่าวว่า “ลูกตง วันหน้าเจ้าก็คือคนของคุณชาย จำไว้ต้องฟังคำสั่งคุณชาย คุณชายให้เจ้าทำอะไรก็ทำอันนั้น”
หลินตงเดิมก็ฉลาด กอปรกับในใจเขาเองก็ซาบซึ้งใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว พวกเขาก่อนหน้านี้ถูกขายให้หลายครอบครัว แต่ไม่มีคนต้องการพวกเขา มีเพียงครอบครัวนี้ที่ต้องการพวกเขา ทำไมเขาจะไม่ฟังคำสั่งเล่า วันหน้าเขาไม่อาจทำให้ท่านพ่อท่านแม่ต้องเสียใจ
หลินตงรีบพยักหน้าแสดงท่าทีว่า “วันหน้าข้าจะฟังคำสั่งคุณชาย คุณชายให้ข้าไปตะวันออกข้าไม่ไปตะวันตกเด็ดขาด คุณชายให้ข้าตีสุนัข ข้าจะไม่ไล่ตีไก่เด็ดขาด”
ลู่เจียวฟังแล้วมุมปากก็แอบกระตุก สุดท้ายก็ขี้เกียจจะสนใจ หันไปมองหลินซีที่อายุน้อยที่สุด หลินซีอายุแค่แปดขวบ เพราะติดตามบิดามารดาเร่ร่อน เหมือนจะขาดสารอาหารอยู่ไม่น้อย ตัวผอมแกร็นมาก ให้ทำงานไม่ได้จริงๆ
ลู่เจียวจึงให้เขาคอยเล่นเป็นเพื่อนเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ “วันหน้าเจ้าก็เป็นเพื่อนเล่นคุณชายน้อยทั้งสี่”
ครอบครัวตระกูลหลินดีใจอย่างมาก พากันโขกศีรษะให้ลู่เจียว
“เอาละ ลู่กุ้ยพาพวกเขาไปทำความคุ้นเคยกับบ้าน”
ลู่กุ้ยพอได้ฟังลู่เจียว ก็เริ่มทำตัวเป็นการเป็นงาน “พวกเจ้าตามข้ามา”
ทุกคนเดินตามลู่กุ้ยออกไป แม้แต่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ตามลู่กุ้ยไป ในบ้านอยู่ๆ ก็มีคนมากันมากมาย ครึกครื้นยิ่ง
ในห้องโถงสุดท้ายก็เหลือแค่ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น ทั้งสองคนสบตากัน ลู่เจียวเอ่ยอย่างนึกขำว่า “ที่บ้านอยู่ๆ มีคนมากันมากมายเช่นนี้ พวกลูกทั้งสี่ก็ดีใจมาก ปล่อยลูกๆ เล่นไปสองสามวันก่อน รอไว้เรือนด้านหน้าปรับปรุงเสร็จค่อยเรียนหนังสือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า มองลู่เจียวกล่าวว่า “เจ้าจัดการได้ดีกว่าข้า ทุกอย่างฟังเจ้า”
ลู่เจียวได้ยินวาจาเขา ก็รู้สึกเหมือนทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน
นางพลันรู้สึกอึดอัด รีบกล่าวว่า “ที่บ้านไม่ต้องให้เจ้าคอยกังวล เจ้ารีบไปสำนักศึกษาจัดการเรื่องนักเรียนที่ก่อนหน้านี้รับปากอาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังไว้เถอะ”
“ได้ ข้าไปทำงานก่อน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นลุกขึ้นเดินออกไป ตัดสินใจว่าจะไปดูก่อนว่าละแวกนี้มีบ้านให้เช่าไหม รีบเช่าบ้านให้เรียบร้อย จากนั้นก็เริ่มให้คำชี้แนะทบทวนการเรียนแก่บรรดาถงเซิงพวกนั้น ตอนนี้เดือนแปด อีกราวเดือนกว่าก็จะเริ่มสอบย่วนซื่อแล้ว
ตอนเที่ยงลู่เจียวก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอาหารกลางวัน งานในครัวมอบให้ฮวาเสิ่นแล้ว
นางจัดรายการอาหารประจำวันของเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ย่อมต้องดื่มนมแพะ กินไข่ไก่หนึ่งถึงสองลูก ทุกวันต้องได้กินเนื้อ เนื้อไก่หรือเนื้อหมูก็ได้ แต่ปลาต้องทุกวัน ให้ดีที่สุดก็ทำเป็นลูกชิ้นปลา อีกอย่างผักสดและผลไม้ไม่อาจขาดได้
นางจัดสรรเสร็จ ฮวาเสิ่นก็เข้าใจว่าควรทำเช่นไรแล้ว
ตอนเที่ยงผัดอาหารที่ถนัดสองสามอย่างก่อน
ไข่ตุ๋นเนื้อสับ หมูผัดเผ็ด น้ำแกงเห็ดลูกชิ้นปลา หัวปลาน้ำแดง น้ำแกงไชเท้ากระดูกหมู
อย่าว่าแต่ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ต่างก็รู้สึกว่าอร่อยมาก ก็นับว่าวางใจได้แล้ว
ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นและเจ้าหนูน้อยทั้งสี่พร้อมกับลู่กุ้ยกินโต๊ะเดียวกัน คนรับใช้ก็จัดโต๊ะหนึ่งกินกันที่เรือนข้างในเรือนด้านหน้า
ลู่เจียวเองไม่จำเป็นต้องให้คนคอยรับใช้ข้างกาย ให้คนรับใช้ไปกินข้าวด้วยกัน กินเสร็จก็ไปทำงานของตนเอง และนางสั่งฮวาเสิ่นว่า วันหน้าอาหารคนรับใช้ก็ให้กับสามอย่างน้ำแกงหนึ่งอย่างเป็นมาตรฐาน ทุกมื้อให้มีเนื้อสัตว์หนึ่งอย่าง ผักสองอย่างกับน้ำแกง
ฮวาเสิ่นนำเรื่องนี้ไปบอกหลินต้ากับยายเฒ่าชิว ทุกคนต่างยิ้มแย้มดีใจ ยามนี้ทุกคนรู้สึกเหมือนตนเองได้กำไรก้อนโตเข้าแล้ว
เจ้านายใจกว้างจริงๆ พวกเขาช่างโชคดีเหลือเกิน
ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งกินอาหารกลางวันเสร็จ
หันถงก็พาคนงานมา มีช่างไม้และช่างกระเบื้อง
ลู่เจียวแสดงท่าทางบอกให้ลู่กุ้ยพาบรรดาช่างออกไปหาที่พักให้เรียบร้อย ให้อยู่ห้องปีกตะวันตกเรือนด้านหน้า
ลู่กุ้ยรับคำไปจัดการเรื่องพวกนี้ ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นต้อนรับหันถงในห้องโถง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงว่าพักนี้เอาแต่รบกวนหันถง ก็รู้สึกเกรงใจ มองหันถงกล่าวว่า “พรุ่งนี้บ้านเราจัดเลี้ยง เจ้าอย่าลืมมา พรุ่งนี้ผ่านไปแล้ว ข้าก็จะเริ่มให้คำชี้แนะแก่บรรดาถงเซิงแล้ว เจ้าเองก็มาเรียนส่วนตัวกับข้า ข้าเตรียมห้องไว้ให้เจ้าเรียนคนเดียว การสอบย่วนซื่อครั้งนี้ต้องสอบให้ผ่าน”
หันถงดีใจอย่างมากทันที อวิ๋นจิ่นจะสอนเขาโดยเฉพาะ มีเขาคอยสอน หากยังสอบไม่ติดอีก ก็ผิดต่อเขาแล้ว
“ตกลง”
หันถงยิ้มกว้างอย่างดีใจ
ลู่เจียวในห้องโถงก็เชื้อเชิญครอบครัวหันถง ภรรยาและลูกๆ มาเป็นแขก บ้านนี้หันถงขายราคาถูกให้นาง ตอนนี้เขายังหาช่างมาให้นางอีก
ลู่เจียวซาบซึ้งใจหันถงมาก แม้วันหน้านางไม่ใช่ภรรยาเซี่ยอวิ๋นจิ่น แต่ตอนนี้ภายนอกยังคงเป็น ดังนั้นควรคบค้าสมาคมกับภรรยาของสหายสนิทเซี่ยอวิ๋นจิ่นพวกนั้นสักหน่อย
หันถงรีบรับคำทันที “ได้ พรุ่งนี้ข้าจะพาภรรยาและลูกๆ สองคนมาด้วยกัน”
หันถงคิดอยากให้ภรรยาเอกตนได้คบหาสมาคมกับลู่เจียวนานแล้ว ไม่หวังว่านางจะเรียนรู้ได้สิบเต็มสิบ อย่างไรสักส่วนสองส่วนให้สอนสั่งลูกๆ เป็นสักหน่อย ลูกเขาสองคนก็คือรากฐานตระกูลหันเลยนะ
ลู่เจียวยังหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เจ้าเชิญแขกมา ก็เชิญภรรยากับลูกๆ เขามาด้วย แขกผู้หญิงกับเด็กๆ ข้าต้อนรับเอง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ ในใจก็ดีใจบอกไม่ถูก สีหน้ายิ้มแย้ม น้ำเสียงอดอ่อนโยนนุ่มนวลไม่ได้ว่า “ตกลง”
ขณะคนในห้องโถงกำลังคุยกันอยู่นั้น ลู่กุ้ยก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“พี่เจียว พี่เขย ท่านจ้าวกับหมอฉีหอยาเป่าเหอมาเยี่ยมเยือน”
ความจริงพวกเขามาเยี่ยมเยือนแค่พี่สาวตนเอง แต่ลู่กุ้ยฉลาดไม่ได้ระบุออกมา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังลู่กุ้ย สีหน้าก็เย็นเยียบลงทันที แววตาดำเผยความไม่พอใจอย่างมาก คนจากหอยาเป่าเหอช่างราวกับวิญญาณตามราวีไม่เลิกจริงๆ พวกเขาหาทางมาถึงที่นี่ได้อย่างไร