ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 242 ไม่เอาก็ทิ้งไป

ตอนที่ 242 ไม่เอาก็ทิ้งไป

ลู่กุ้ยฉีกยิ้มกว้างเซ่อซ่าอีกแล้ว ในใจรู้สึกซาบซึ้งจนพูดไม่ออก เจ้าหนูน้อยทั้งสี่น่ารักเหลือเกิน แม้แต่น้าเล็กก็ไม่ลืม 

 

 

ลู่เจียวหรี่ตามองเขา อยากบอกมากว่า น้องข้า เจ้าอย่ายิ้มโง่ๆ แบบนี้ได้ไหม เหมือนพวกปัญญาอ่อน  

 

 

แต่ลู่เจียวไม่ได้พูด เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับพูดว่า “ได้ ทำตามพวกเจ้าว่า”  

 

 

เขาตัดสินใจวาดภาพลานบ้านเก่า แม้ว่าลานบ้านเก่าเมื่อก่อนจะซอมซ่อ แต่พวกเขาได้พบกับลู่เจียวที่นั่น ลู่เจียวเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขา  

 

 

ลานบ้านแม้ว่าถูกรื้อถอนแล้ว แต่อยู่ในความทรงจำของพวกเขา ดังนั้นเขาตัดสินใจจะวาดภาพลานบ้านเก่าเก็บไว้วันหน้าก็ไม่เลว 

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดแล้วก็หันไปมองลู่เจียว ยัดห่อผ้าในมือใส่มือนาง 

 

 

ลู่เจียวมองเขาสีหน้าแปลกใจ “นี่คืออะไร” 

 

 

สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นแอบเขินอายเล็กน้อย พยายามรักษาท่าทีสงบนิ่ง “ซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับให้เจ้า” 

 

 

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พอได้ฟังว่าท่านพ่อซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ท่านแม่ก็พากันล้อมวงเข้ามา ยิ้มกล่าวว่า “ท่านแม่ รีบเปิดออกมาดูเร็วๆ” 

 

 

ลู่เจียวได้ยินเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เรียกร้องก็นึกขำเปิดห่อผ้าออก ปรากฏพอเห็นในห่อผ้าไม่เพียงแต่มีเสื้อผ้าหลายชุด ยังถึงกับมีเครื่องประดับไม่น้อย 

 

 

ของพวกนี้วางอยู่บนเตียงละลานตาอย่างมาก 

 

 

ไม่เพียงแต่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่มองตาค้าง ลู่เจียวเองก็มองตาค้าง 

 

 

ของพวกนี้เกรงว่าราคาคงไม่น้อยกระมัง เซี่ยอวิ๋นจิ่นอยู่ดีๆ มอบของราคาแพงขนาดนี้ให้นางทำไม เขาเสียสติไปแล้วหรือ 

 

 

ลู่เจียวเงยหน้ามองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นทันที “เจ้าอยู่ดีๆ มอบของมากมายอย่างนี้ให้ข้าทำไม” 

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเสื้อผ้าบนตัวลู่เจียวก่อนจะกล่าวว่า “เสื้อผ้าเจ้าเก่ามากแล้ว ควรซื้อเสื้อผ้าใหม่สักหน่อย อีกอย่างเจ้าไม่มีเครื่องประดับ พวกนี้ก็เข้ากับเสื้อผ้าพอดี” 

 

 

ก่อนหน้านี้ลู่เจียวเองก็เตรียมตัวว่าอีกสองวันจะไปซื้อ วันหน้าใช้ชีวิตในอำเภอ นางไม่อาจสวมเสื้อผ้าเก่าๆ ตามสบายเหมือนเมื่อก่อนตอนอยู่หมู่บ้านตระกูลเซี่ยอีกแล้ว 

 

 

คนอาศัยเสื้อผ้า ม้าอาศัยอาน นางไม่อาจปล่อยให้คนอื่นมาดูแคลนได้ 

 

 

นับประสาอันใดกับตอนนี้นางผอมมากแล้ว ไม่ได้อ้วนเหมือนก่อนหน้านี้ สวมเสื้อผ้าย่อมสวย 

 

 

เพียงแต่นางคิดไม่ถึงว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะแย่งไปซื้อกลับมาก่อนก้าวหนึ่ง 

 

 

ลู่เจียวคิดไปก็เก็บเสื้อผ้าและเครื่องประดับไป เตรียมนำไปเรือนนอนตะวันออก 

 

 

ที่ประตู เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นสีหน้านางเหมือนไม่ได้มีอาการดีใจ ในใจก็แอบเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาทันที “เจ้าไม่ชอบเสื้อผ้าพวกนี้หรือ” 

 

 

ลู่เจียวคิดดูแล้ว ความจริงของพวกนี้นางก็ชอบมาก ไม่กล่าวไม่ได้ว่าชายผู้นี้เลือกเป็นจริงๆ 

 

 

ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ชอบมาก” 

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินลู่เจียวกล่าว ในใจก็พลันมีความดีใจล้นทะลักขึ้นมา เหมือนตนเองทำดีแล้วได้รับการยอมรับ 

 

 

เพียงแต่พอทั้งสองคนเพิ่งเดินออกจากเรือนนอนตะวันตก ลู่เจียวก็กระซิบเบาๆ ถามว่า “ของพวกนี้ เจ้าซื้อมาเท่าไร ไว้ข้าให้เจ้า”  

 

 

พอนางกล่าว ความดีใจบนใบหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ถูกฟาดแตกกระจาย ใจที่เบิกบานพลันเจ็บปวดราวกับถูกน้ำสาด เขาก้มหน้าเงียบเป็นนานก่อนจะเงยหน้ากล่าวว่า 

 

 

“ทำไมต้องคิดกันละเอียดอย่างนี้ด้วย ก่อนหน้านี้เจ้าซื้อนี่นั่นให้พวกเรา ข้าก็ไม่ได้คิดละเอียดอะไรอย่างนี้กับเจ้า” 

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจนสุดท้ายรู้สึกว่าตนเองหงุดหงิดใจขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เขาเงยหน้าจ้องมองลู่เจียวกล่าวว่า “หากเจ้าเอ่ยถึงเงินอีก ก็โยนเสื้อผ้าและเครื่องประดับทิ้งไปเลย” 

 

 

เขากล่าวจบก็หันหลังก้าวเท้าออกไปทันที แผ่นหลังเปล่งประกายไฟโทสะอย่างไม่อาจบรรยาย 

 

 

 ลู่เจียวยืนอยู่บนขั้นบันไดด้านหลังมองตามแผ่นหลังเขาจากไป อยู่ๆ ไม่รู้ว่าพูดอะไรดี นางก้มหน้ามองห่อผ้าที่นางถืออยู่ในมือ ในใจพลันรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนขึ้นมา 

 

 

โตจนป่านนี้แล้ว ภพก่อนถึงภพนี้ ยังไม่เคยมีคนซื้อของมามอบให้นางโดยเฉพาะ ยังมอบของแพงขนาดนี้ หากบอกว่านางไม่ดีใจนั่นคือความเท็จ นางดีใจมาก 

 

 

เพียงแต่นางไม่อยากเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเซี่ยอวิ๋นจิ่นมากไปเท่านั้น 

 

 

ลู่เจียวคิดไปก็ถือห่อเสื้อผ้าและเครื่องประดับไปวางในเรือนนอนตะวันออกไป 

 

 

ตอนบ่ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นเอาแต่เก็บตัว จนตอนเย็นลู่เจียวทำอาหารเย็นเสร็จ เขาจึงได้ปรากฏตัว สีหน้ากลับเป็นปกติแล้ว เหมือนว่าตอนบ่ายไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นทั้งนั้น 

 

 

ลู่เจียวเองก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องตอนบ่าย ทั้งครอบครัวกินอาหารเย็นกันอย่างเบิกบานใจ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติของท่านพ่อและท่านแม่ตนเองแม้แต่น้อย กลับกัน เย็นนี้พวกเขาดีใจกันอย่างมาก 

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวยังคิดว่าพวกลูกๆ ได้เข้ามาอยู่บ้านใหญ่เช่นนี้จึงเบิกบานใจ ไม่ได้คิดไปถึงเรื่องอื่น 

 

 

หลังอาหารเย็น ลู่เจียวกับลู่กุ้ยเก็บจานชามไปไว้ครัว ตอนนี้ครัวไม่ได้อยู่ด้านข้างเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่อยู่เรือนด้านหลังที่ไกลมาก ลู่เจียวอุ้มจานชามไปก็แอบตัดสินใจไปว่าจะต้องรีบหาคนสักสองสามคนมาทำงานโดยเร็วแล้ว 

 

 

สถานที่ใหญ่ก็มีข้อดีของสถานที่ใหญ่ แต่ม่มีคนรับใช้ไม่ได้ งานปัดกวาดทำความสะอาดที่นี่และงานแต่ละอย่างต้องการคนช่วยทำงาน 

 

 

ลู่เจียวกับลู่กุ้ยเอาจานชามไปไว้ในครัว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ตามมาห่างๆ  

 

 

ลู่เจียวรู้ว่าเขากำลังโมโห ก็ไม่ได้สนใจเขา พวกเขาสามคนเดินเข้าไปในครัวล้างจาน 

 

 

ลู่กุ้ยมองพี่เขยทำงานบ้านกับพวกเขาอย่างตกใจมาก พี่เขยถึงกับทำงานบ้าน ทั้งยังทำได้คล่องแคล่วเช่นนี้ พี่สาวเขากลับไม่รั้งไว้? 

 

 

ลู่กุ้ยอดไม่ได้ “พี่เขยไม่ต้อง รวมๆ ไม่กี่ใบ พี่กับพี่เจียวกลับไปก่อนเถอะ ให้ข้าทำก็พอ”  

 

 

ลู่เจียวไม่ได้สนใจเขา สั่งว่า “เจ้ารีบไปต้มน้ำร้อนสองหม้อ อีกเดี๋ยวข้าจะอาบน้ำให้เด็กๆ” 

 

 

ลู่กุ้ยมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นสั่งว่า “ไปเถอะ” 

 

 

ลู่กุ้ยได้แต่ไปต้มน้ำ ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นสองคนล้างจานต่อไปไม่พูดไม่จา  

 

 

สุดท้ายยังคงเป็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นทนไม่ได้เอ่ยก่อน “ตอนบ่ายข้าไปที่ทำการอำเภอกับหันถงจัดการขั้นตอนการจดชื่อในทะเบียนบ้าน อีกสักครู่ข้าเอาสัญญากรรมสิทธิ์บ้านให้เจ้า” 

 

 

เพราะตอนบ่ายเขาโมโหจึงลืมเรื่องนี้ไป ตอนนี้เพิ่งนึกขึ้นได้ 

 

 

พูดถึงสัญญาบ้าน ลู่เจียวก็ดีใจขึ้นมา ยิ้มมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ขอบคุณ” 

 

 

แม้ว่าคำพูดเหมือนเหินห่าง แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้ว่าลู่เจียวมีนิสัยเช่นนี้ ขี้เกียจจะไปเสียอารมณ์อีก เขาหันมองสาวน้อยงามราวบุปผา ยามนี้ในใจถึงกับเกิดความละโมบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เขาจะหาข้ออ้างรั้งนางไว้ได้ไหม 

 

 

ลู่เจียวไม่รู้ว่าความคิดในใจเขา มองเขาพลางยิ้มกล่าวว่า “ทำไมหรือ” 

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้สติ ไม่ได้ เขาเป็นวิญญูชน นางไม่ยอมอยู่ต่อ เขาจะบังคับให้นางอยู่ต่อได้อย่างไร ที่สำคัญก็คือแม้แต่หนังสือหย่าเขาก็เขียนไปแล้ว 

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเงียบไปอีก ลู่เจียวเห็นเขาไม่พูด ก็ไม่ได้ถามต่อ เปลี่ยนเป็นคุยเรื่องอื่นแทน 

 

 

“พวกเราเพิ่งซื้อบ้าน ย้ายมาแล้ว ต้องเชิญบรรดาสหายร่วมชั้นเรียนเจ้ามากินข้าวไหม” 

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าเขากับลู่เจียวรู้ว่าพวกเขาหย่าแล้ว แต่คนอื่นยังไม่รู้ เขาซื้อบ้าน ตามหลักแล้วก็ควรเชิญแขกมาเลี้ยง เมื่อก่อนบรรดาสหายร่วมชั้นเรียนก็เลี้ยงเขาไม่น้อย 

 

 

“จะรบกวนเจ้าไหม” 

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวอย่างเกรงใจมาก ลู่เจียวยิ้มรับคำทันที กล่าวว่า “ไม่รบกวน” 

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า “งั้นได้ แต่รอให้ที่บ้านซื้อคนรับใช้มาก่อนค่อยว่ากัน มีคนรับใช้ช่วยงาน ก็ไม่ต้องให้เจ้าทำกับข้าวเองแล้ว เจ้ารับหน้าที่แค่คอยสั่งการก็พอ” 

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท