เจิ้งจื้อซิ่งแอบปวดใจ นี่เวลานานเท่าไรเอง เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่เพียงแต่ขาหายดี ยังซื้อบ้านใหญ่ขนาดนี้ที่ตรอกกุ้ยฮวาได้อีก
ครอบครัวพวกเขาล่ะ เป็นชนชั้นระดับบน อยู่ชนบทก็นับว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลแล้ว สะสมมาหลายชั่วอายุคนก็หาได้แค่เงินทุนเท่านั้น แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นล่ะ ก่อนหน้านี้ยังยากไร้ราวกับถูกน้ำชะล้าง พริบตาก็ถึงกับซื้อบ้านใหญ่ขนาดนี้ได้
เจิ้งจื้อซิ่งคิดขึ้นมาได้ทันทีว่าบ้านนั้นเป็นของหันถง คงไม่ใช่หันถงมอบให้ตระกูลเซี่ยกระมัง
เจิ้งจื้อซิ่งเข้าไปใกล้เซี่ยอวิ๋นจิ่นทันที กระซิบกล่าวว่า “คงไม่ใช่เจ้าหันถงมอบให้เจ้ากระมัง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบทันที “เจ้าคิดมากไปแล้ว”
จู้เป่าจูภรรยาเจิ้งจื้อซิ่งรู้สึกเก้กังอย่างมาก ยื่นมือไปคว้าแขนท่านพี่ตนไว้ มองลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น อย่างเกรงใจ กล่าวว่า “จื้อซิ่งชอบล้อเล่น พวกเจ้าอย่าได้คิดมาก”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยทักทายจู้เป่าจูกับบุตรสาวนาง “นี่คือบุตรสาวพวกเจ้าหรือ หน้าตางดงามมาก”
จู้เป่าจูรีบให้บุตรสาวเรียกลู่เจียวอย่างดีใจ “เมี่ยวเมี่ยว เรียกท่านน้าสิ”
เจิ้งเมี่ยวส่งเสียงเรียกอ้อแอ้ว่า “ท่านน้า”
ลู่เจียวเองก็แนะนำลูกๆ ทั้งสี่คนให้จู้เป่าจู จู้เป่าจูได้ยินมานานแล้วว่าครอบครัวเซี่ยอวิ๋นจิ่นมีแฝดสี่ ตอนนี้พอได้เห็น ก็ตกใจมาก และยังมองจนรู้สึกชอบอย่างบอกไม่ถูก
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูจริง จู้เป่าจูวางบุตรสาวตนลงพื้น ยื่นมือไปดึงเจ้าหนูน้อยทั้งสี่มาดู
ต้าเป่าพี่ใหญ่ในบรรดาพี่น้องสี่คนฉลาดมาก ส่งเสียงเรียกน้าเป่าจู
ผู้หญิงสองคนนำลูกๆ เดินเข้าไปในเรือนด้านหลัง ลู่เจียวให้เฝิงจืออยู่รอต้อนรับบรรดาผู้หญิง หากพวกนางมาก็ให้พาที่เรือนด้านหลัง
หลังจากเจิ้งจื้อซิ่งกับภรรยามา ตู้อี้ หลี่เหวินปิน เจียงหยวนเซิง หลัวซินซื่อก็พากันมาถึง
แต่หลี่เหวินปินไม่ได้พาภรรยามา ส่วนภรรยาเจียงหยวนเซิงว่ากันว่าล้มป่วยตายไปแล้ว
ดังนั้นฝ่ายหญิงที่มากันครั้งนี้ มีแต่ภรรยาและบุตรสาวเจิ้งจื้อซิ่ง ภรรยาและบุตรชายตู้อี้ ยังมีภรรยาหลัวซินซื่อ
ภรรยาเจิ้งจื้อซิ่งชื่อจู้เป่าจู หน้าตาน่ารัก นิสัยไม่ซับซ้อน แม้ว่านางไม่ใช่มาจากตระกูลใหญ่ แต่ที่บ้านก็เป็นเจ้าของที่ดินเล็กๆ ดังนั้นจึงเลี้ยงดูนางมาให้มีนิสัยไม่ซับซ้อนเท่าไร
ภรรยาตู้อี้ชื่อถันเสี่ยวยา ชาติกำเนิดจากหมู่บ้านชนบท ดังนั้นจึงแอบแสดงท่าทีต้อยต่ำและหวาดกลัว ลูกๆ พวกเขานิสัยก็ไม่แสดงออก ไม่ค่อยกล้าพูดจา
ภรรยาหลัวซินซื่อชื่อหลิ่วไหลตี้ ก็มีชาติกำเนิดจากหมู่บ้านชนบท หลิ่วเหนียงจื่อรูปร่างสูงและผอม สีหน้าไม่ค่อยดีนัก ดูเหลืองไปหมด ยังเหมือนมีอาการป่วย
ลู่เจียวสงสัยว่านางจะป่วย อยากจะจับชีพจรให้นางมาก แต่พอคิดถึงว่าคนเขามาเป็นแขก ก็อดใจไว้ได้
แต่นางมองหลิ่วเหนียงจื่ออย่างห่วงใยถามว่า “ทำไมไม่พาลูกๆ มาเล่นด้วยกัน”
หลิ่วเหนียงจื่อขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าวว่า “ลูกๆ ไม่ได้ตามมาอยู่อำเภอกับพวกเรา ให้บิดามารดาสามีดูแลอยู่ที่หมู่บ้าน มีข้าคนเดียวที่มาอยู่อำเภอคอยดูแลท่านพี่”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย สั่งให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดูแลเพื่อนที่มากันในวันนี้
เด็กๆ ที่มากันในวันนี้ทั้งหมดมีแค่สองคน คือเจิ้งเมี่ยว บุตรสาวเจิ้งจื้อซิ่ง ชื่อเล่นเมี่ยวเมี่ยว ตู้คัง บุตรชายตู้อี้ ชื่อเล่นคังคัง
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดีใจพาเพื่อนไปเล่น ของเล่นพวกเขาที่ห้องข้างๆ พวกลูกทั้งสี่สนิทสนมกับเจิ้งเมี่ยว อย่างรวดเร็ว คำก็พี่ชาย สองคำก็พี่ชาย
ผู้ใหญ่ทางนี้คุยกันเรื่องสภาพทั่วไปในอำเภอชิงเหอ เพราะลู่เจียวเพิ่งมาถึง ดังนั้นพวกจู้เป่าจูจึงได้เล่าสภาพการณ์ในอำเภอชิงเหอให้ลู่เจียวฟัง
ในจำนวนนี้จู้เป่าจูคุยเก่งสุด นิสัยเปิดเผยสุด ส่วนใหญ่เป็นนางพูด ภรรยาตู้อี้กับภรรยาหลัวซินซื่อไม่ค่อยพูดอะไร ได้แต่ตอบรับบ้างเป็นครั้งคราว
“พี่ลู่ บ้านพวกเราอยู่ตรอกหลิ่วข้างๆ ห่างจากบ้านพี่ไม่ไกล หากพี่เบื่อหรือว่าง ก็มาเที่ยวบ้านข้าได้ ข้าอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ เบื่อจะตาย”
ลู่เจียวยิ้มพยักหน้ารับคำ กล่าวตามตรง นางยุ่งมาก ไม่มีเวลาไปเที่ยวเล่นหรอก
แต่จู้เป่าจูไม่รู้ ดึงนางมาพูดไม่หยุดกล่าวว่า “หากเจ้าซื้อเสื้อผ้าเดินเล่นอะไร ต้องบอกข้านะ”
“ได้” ลู่เจียวชอบนิสัยจู้เป่าจูมาก ดังนั้นยิ้มตาหยีกล่าวตอบรับนาง
ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่นั้น เฝิงจือก็พาเด็กสองคนเข้ามา
“เหนียงจื่อ นี่คือบุตรชายครอบครัวคุณชายหัน คุณชายหันว่าภรรยาเขาวันนี้สุขภาพไม่ดี จึงพาบุตรชายมาแค่สองคน ขอให้เหนียงจื่อช่วยดูแลด้วย”
ลู่เจียวเลิกคิ้ว หากภรรยาหันถงป่วยจริง หันถงจะพาลูกสองคนมาได้อย่างไร ดังนั้นภรรยาหันถงไม่อยากมา นี่ดูแคลนชาติกำเนิดพวกนาง หรือว่าคิดไม่พอใจอะไรพวกนางกัน
ในใจลู่เจียวคาดเดา สีหน้ายังคงนิ่ง ยิ้มมองเด็กสองคนถามว่า “พวกเจ้าชื่ออะไร”
เด็กน้อยสองคนตระกูลหันทำปากพองท่าทางไม่พอใจ
ลู่เจียวยังอดทนถามอีกว่า “พวกเจ้าอายุเท่าไรแล้ว”
เด็กสองคนยังคงไม่ยอมพูด ลู่เจียวแอบปวดหัว ให้เฝิงจือพาไปให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ห้องข้างๆ
“นี่คือพี่ชายกับน้องชายบุตรชายท่านอาหัน”
ลู่เจียวเดาว่าเด็กสองคนนี้ คนหนึ่งโตกว่าแฝดสี่ คนหนึ่งเล็กกว่าแฝดสี่ ดังนั้นจึงแนะนำเช่นนี้
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รีบพยักหน้า “ขอรับ ท่านแม่”
สี่คนกล่าวจบก็วิ่งไปตรงหน้าเด็กน้อยสองคนตระกูลหัน “ข้าพาพวกเจ้าไปเล่น พวกเรามีของเล่นมากมาย”
สองเด็กน้อยตระกูลหันได้ยินต้าเป่า ก็หันเดินตามพวกเขาไปทันที
ลู่เจียวด้านหลังก็โล่งอก จู้เป่าจูกล่าวว่า “ลูกๆ หันถงไร้การอบรมจริง ล้วนเรียนรู้จากมารดามา”
กล่าวจบนางมองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “พี่ลู่ เจ้ากับนางคงเข้ากันไม่ได้แน่ นางชื่อตู้หลันจู เป็นบุตรสาวเจ้าของโรงธัญพืชและน้ำมันรายใหญ่ในอำเภอ ครอบครัวนางมีนางคนเดียวที่นิสัยไม่ดีอย่างมาก ปกติชอบที่สุดก็คือออกมาเดินเล่นซื้อเสื้อผ้า พวกเราเห็นนางบ่อยๆ”
ลู่เจียวพอได้ฟังก็รู้ว่าภรรยาหันถงไม่ใช่แนวของนางจริงๆ และนางเองก็ไม่ใช่แนวของอีกฝ่ายเช่นกัน เห็นท่าวันนี้นางไม่มาก็รู้แล้ว
“อืม ข้ารู้แล้ว”
ลู่เจียวถามเฝิงจือ “ด้านหน้าคนมากับครบหรือยัง”
สายแล้ว คนมากันครบแล้วก็เริ่มงานเลี้ยงได้แล้ว เฝิงจือมองลู่เจียวอยากพูดแต่ก็ไม่พูด
ลู่เจียวถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”
“เหนียงจื่อ มีแขกไม่ได้เชิญมาสองคน คุณชายให้บ่าวมาบอกเหนียงจื่อ ให้เหนียงจื่อรู้ไว้ก่อน”
ลู่เจียวถามอย่างไม่ใส่นักว่า “คนที่มาคือใคร”
“คนหนึ่งคือคุณชายหูซ่าน อีกคนคือคุณชายเหลียงจื่อเหวิน”
เฝิงจือกล่าวจบ จู้เป่าจูก็เอ่ยอย่างไม่พอใจ “สองคนนี้มาได้อย่างไร ปกติอยู่สำนักศึกษาก็เอาแต่รังแกท่านพี่พวกเรา ตอนนี้ถึงกับมีหน้ามาที่นี่”
จู้เป่าจูกล่าวจบ สีหน้าถันเหนียงจื่อก็ไม่ดีนัก กล่าวต่อว่า “คุณชายนายอำเภอยังดีหน่อย เหลียง จื่อเหวินนั่นชั่วร้ายจริงๆ มักจะอาศัยว่ามีสายสัมพันธ์ดีกับคุณชายนายอำเภอก็อวดเบ่งวางอำนาจไปทั่ว”
ลู่เจียวขมวดคิ้ว ดูท่าเรื่องราวในอำเภอนี้ลึกไม่เบา