ลู่เจียวก็มองม่อเป่ยด้วยสีหน้าอึ้งไป คนผู้นี้เมื่อก่อนไม่ได้เอาแต่มองว่านางเป็นพวกละโมบหรือไง ตอนนี้ถึงกับเอ่ยให้ห้าพันตำลึงเงินเอง
แต่เงินมาถึงหน้าบ้านไม่รับก็ไม่ได้
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ดีมาก”
ม่อเป่ยเห็นสีหน้ายิ้มแย้มของนาง ในใจก็แอบนินทา วิชาการแพทย์ร้ายกาจก็จริง ละโมบเงินทองก็ละโมบจริงเช่นกัน
แต่เขาไม่อาจล่วงเกินท่านนี้ได้ ไม่งั้นวันหน้าเขาพาคนมาอีก นางอาจไม่ยอมรักษา
ม่อเป่ยมองจ้าวหลิงเฟิงกล่าวว่า “อย่าลืมมอบให้ลู่เหนียงจื่อห้าพันตำลึงเงิน”
จ้าวหลิงเฟิงสีหน้าเหมือนอยากทุบเขาสักที เจ้ารับปากให้คนเขาห้าพันตำลึงเงิน ทำไมมาให้ข้าออกเงิน
ม่อเป่ยส่งสีหน้าเหมือนบอกว่าเงินเจ้าก็ไม่ใช่เงินนายท่านหรือไง คนผู้นี้เป็นคนของนายท่าน เจ้าจ่ายเงินไม่เหมือนกันหรือไง
จ้าวหลิงเฟิงจะพูดอะไรได้ รีบมองลู่เจียวกล่าวว่า “วางใจ ไว้ข้าส่งไปให้เจ้า”
ลู่เจียวยิ้มตาหยีพยักหน้า “ได้ ข้าออกไปก่อน ดูว่ามีผู้ป่วยไหม”
จ้าวหลิงเฟิงเห็นสีหน้านางไม่ค่อยดี รีบกล่าวว่า “เที่ยงแล้ว เจ้าพักสักหน่อย กินข้าวเสร็จค่อยตรวจต่อ”
ลู่เจียวเห็นด้วย ผ่าตัดมาสองชั่วยามเหนื่อยมากจริงๆ กลับไปพักผ่อนสักหน่อย ตอนบ่ายค่อยมา
“ได้ งั้นข้ากลับก่อน”
จ้าวหลิงเฟิงรีบกล่าวว่า “วันนี้หอยาเป่าเหอเปิดกิจการ จองโต๊ะที่ร้านอาหารไว้หลายโต๊ะ ลู่เหนียงจื่อกับเซี่ยซิ่วไฉอยู่กินข้าวกันก่อน”
ลู่เจียวได้ยินเซี่ยซิ่วไฉสามคำ ก็อดถามไม่ได้ว่า “ท่านพี่ข้ายังไม่กลับหรือ”
นางคิดว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับไปแล้ว
จ้าวหลิงเฟิงเลิกคิ้วแอบบ่นพึมพำ ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายบ้านเจ้าเกิดลมเพลมพัดอะไรขึ้นมา อยู่ดีๆ ก็มาช่วยนี่นั่นขึ้นมา เขาเองก็ไม่รู้ว่าคนผู้นี้ยังมีน้ำใจกระตือรือร้นเช่นนี้ด้วย
จ้าวหลิงเฟิงครุ่นคิดมองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “เซี่ยซิ่วไฉกำลังช่วยผู้จัดการหลี่ดูแลผู้ป่วยอยู่ด้านหน้า เขายุ่งมาตลอดเช้าแล้ว”
ลู่เจียวสีหน้าไม่ดีนัก ขาเซี่ยอวิ๋นจิ่นยังหายไม่ถึงสองเดือน นี่เล่นวิ่งไปวิ่งมา ใช้งานหนักมากถึงไหนกัน
ลู่เจียวเดินไปด้านหน้า ไม่สนใจจ้าวหลิงเฟิงกับม่อเป่ยอีก พอก้าวออกไปก็เห็นเฝิงจือเข้ามารอรับ
พอเฝิงจือเดินมาเห็นท่าทางเหน็ดเหนื่อยของลู่เจียว ก็รีบเข้าไปประคองนาง
“เหนียงจื่อ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ต้องการกลับไปพักผ่อนสักครู่ไหม”
“ได้”
ลู่เจียวรับคำแล้วก็ถามเฝิงจือว่า “คุณชายล่ะ”
“คุณชายยุ่งอยู่ด้านหน้า วันนี้ผู้ป่วยมากมาย หมอและคนงานในร้านยุ่งกันไปหมด คุณชายก็เลยไปช่วยผู้จัดการหลี่ดูแลผู้ป่วย ยุ่งมาตั้งแต่เช้าเลย ก่อนหน้านี้บ่าวก็เข้าไปช่วยคุณชายมา”
หอยาเป่าเหอเป็นกิจการส่วนหนึ่งของเหนียงจื่อ นี่ไม่ใช่ร้านตนเองหรือ พวกเขาจะไม่ช่วยได้อย่างไร
ลู่เจียวขมวดคิ้ว ให้เฝิงจือประคองเดินไปด้านหน้า ก็เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังช่วยผู้จัดการหลี่จัดลำดับผู้ป่วยอยู่ แยกผู้ป่วยให้หมอสองคน จากนั้นก็ยังนำไปจัดยาด้านหน้า
สรุปเขาไม่ได้ว่างแม้แต่นาทีเดียว ลู่เจียวอดเรียกไม่ได้ “เซี่ยอวิ๋นจิ่น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันมาก็เห็นลู่เจียว สีหน้าลู่เจียวเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นแล้วก็สงสารจับใจ
แต่เขาไม่ได้แสดงออก ตอนนี้เขากับลู่เจียวอยู่ในสถานะหย่า เขาร้อนใจมากเกินไป ลู่เจียวก็จะระแวง ดังนั้นเขาต้องค่อยๆ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดแล้วก็เดินไปหา กล่าวน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าเสร็จแล้วหรือ ดูท่าทางเจ้าเหนื่อยมาก จะกลับไปพักผ่อนสักหน่อยไหม”
ลู่เจียวพยักหน้า จากนั้นก็มองเขากล่าวว่า “เจ้าก็กลับด้วยกันสิ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองสภาพภายในร้าน กล่าวว่า “คนมากขนาดนี้ คนทำงานไม่พอ”
“ไม่พอก็ค่อยเป็นค่อยไป วันนี้คนเยอะขนาดนี้ เพราะไม่เก็บเงิน รอพรุ่งนี้เก็บเงิน ก็ไม่ได้มากขนาดนี้แล้ว”
ลู่เจียวกล่าวจบมองไปยังขาเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ขาเจ้ายังไม่หายดี อย่าเหนื่อยเกินไป พวกเรากลับกันเถอะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียว มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
เป็นดังที่เขาคาดเดาไว้ ลู่เจียวปากแข็งใจอ่อน และชอบไม้อ่อนไม่ชอบไม้แข็ง เจ้าใส่ใจนาง นางก็จะใส่ใจเจ้า และเจ้าห้ามมีท่าทีแข็งใส่นาง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้แล้วว่าตนเองวันหน้าควรทำเช่นไรแล้ว ก็อารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก สีหน้าเผยแววอ่อนโยน ทั้งตัวราวกับหยกงาม ใบหน้าหล่อเหลางามสง่าอย่างไม่อาจบรรยาย
คนในร้านไม่น้อยมองมาพากันอึ้งไป ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา
“คุณชายผู้นี้ใครกัน หน้าตาดีมาก”
“ข้ารู้จักเขา เขาเป็นซิ่วไฉสำนักศึกษาของอำเภอ ได้ยินว่าสอบได้ที่หนึ่งด้วย”
“อา ที่แท้ก็บัณฑิตร่ำเรียน ร้ายกาจเพียงนี้ วันหน้าเกรงว่าคงได้เป็นขุนนาง”
“แน่นอน”
พูดจาอะไรก็ล้วนมีหมด ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นเหมือนไม่ได้ยิน ทั้งสองคนพาเฝิงจือเดินจากหอยาเป่าเหอกลับบ้าน
ตอนบ่าย ลู่เจียวมานั่งตรวจที่หอยาเป่าเหอต่อ เซี่ยอวิ๋นจิ่นพาหลินตงไปให้คำชี้แนะการเรียนกับนักเรียน
ตกค่ำเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้กลับมากินอาหารเย็น แต่ให้หลินตงกลับมาบอกลู่เจียวว่าเขามีธุระ สักพักจะกลับมา
ลู่เจียวยุ่งมาทั้งวัน ตอนนี้เหนื่อยมาก พยักหน้าแสดงการรับรู้ หลังอาหารเย็น นางเล่านิทานให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ฟัง จัดพวกเขาเข้านอนแล้วก็เข้านอนเร็วเช่นกัน
ยามเที่ยงคืน เรือนด้านหน้ามีเสียงเคาะประตูร้อนใจ
แม้ว่าลู่เจียวอยู่เรือนด้านหลัง แต่ยังถูกเสียงเคลื่อนไหวเรือนด้านหน้าทำเอาตกใจตื่น คลุมเสื้อลงจากเตียงจะเดินออกไป เฝิงจือก็เดินเข้าประตูมา
เฝิงจือตอนกลางคืนพักอยู่ในเรือนข้างของเรือนด้านหลัง เผื่อลู่เจียวต้องการใช้อะไร
“เหนียงจื่อ”
“ไปดูด้านหน้าว่าเกิดอะไรขึ้น”
นางกลัวเกิดเหตุกะทันหันอะไร ก่อนหน้านี้ล่วงเกินเหลียงจื่อเหวินไป ไม่งั้นพวกเขาเพิ่งย้ายมา น่าจะไม่มีใครมาหาถึงจะถูก นับประสาอันใดกับมาดึกดื่นเที่ยงคืนเช่นนี้
เฝิงจือรับคำออกไป แต่นางเดินไปได้ไม่ไกลก็เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นพาลู่กุ้ยเดินมา ข้างๆ ทั้งสองคนยังมีจางเอ้อร์คนงานจากหอยาเป่าเหอ
เฝิงจือรีบเข้าไปคำนับเซี่ยอวิ๋นจิ่น “คุณชาย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเล็กน้อย ถามว่า “ทำเหนียงจื่อตื่นแล้วหรือ”
เฝิงจือรับคำ “เจ้าค่ะ เหนียงจื่อให้บ่าวมาดูด้านหน้า”
ทุกคนพูดไปก็เดินไปเรือนด้านหลัง ลู่เจียวสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยกำลังยืนอยู่บนขั้นบันไดมองมา พอเงยหน้าเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่กุ้ยมา ด้านหลังยังมีคนงานจากหอยาเป่าเหอตามมาด้วย
เห็นคนงานหอยาเป่าเหอ ลู่เจียวก็วางใจ เพียงแค่รับผู้ป่วยมา ไม่มีอะไร
นางแค่กลัวเจ้าเหลียงจื่อเหวินนั่นจะหาเรื่องอะไรมาจัดการครอบครัวนาง
“หอยาเป่าเหอรับผู้ป่วยมา?”
ลู่เจียวถามจางเอ้อร์ จางเอ้อร์รีบตอบว่า “เรียนเหนียงจื่อ ผู้ป่วยที่รับมาก็คือคุณชายตระกูลเหลียงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่อำเภอชิงเหอเรา”
พอจางเอ้อร์กล่าว ลู่เจียวก็จ้องมองเขาทันที “เจ้าว่าใครนะ”
“คุณชายตระกูลเหลียง เหลียงจื่อเหวิน”
ลู่เจียวหันพรึ่บไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น นางคิดถึงว่าตอนค่ำเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้กลับมากินอาหารเย็น บอกว่ามีธุระต้องออกไปทำ
หรือว่าเหลียงจื่อเหวินบาดเจ็บเกี่ยวข้องกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น