ลู่เจียวถูกคำพูดพวกเขาทั้งสองคนทำเอาเขิน นางก็แค่เอาภูมิปัญญาในอนาคตมาใช้ก็เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนาง
ลู่เจียวเบี่ยงเบนความขัดเขินด้วยการหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ท่านพี่ ท่านมีข้อเสนออะไรไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินนางถามก็ยิ้มทันที กล่าวว่า “พวกเจ้าควรแยกพื้นที่เดี่ยวออกมาผืนหนึ่ง สร้างเรือนพักให้ดีๆ วันหน้าสามโรงผลิตย่อมต้องมีพ่อค้าจากต่างถิ่นมากันมากมาย อาหารการกินและที่พักพวกเขา โรงผลิตก็ควรดูแลให้อย่างดี เช่นนี้จึงจะเป็นผลดีต่อการร่วมมือกันในวันหน้า”
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าว จ้าวหลิงเฟิงกับลู่เจียวก็พยักหน้าพร้อมกัน โดยเฉพาะลู่เจียวถึงกับโพล่งออกมา “ข้าก็ว่า ก่อนหน้านี้ที่นี่มีอะไรขาดไป ที่แท้อันนี้นี่เอง”
นางกล่าวจบหันไปมองจ้าวหลิงเฟิงกล่าวว่า “แยกพื้นที่หน้าประตูใหญ่ออกมาสร้างที่พักและห้องอาหารไว้ต้อนรับบรรดาพ่อค้าที่มา อีกอย่างข้างๆ ให้สร้างโถงใหญ่ไว้ด้วย วันหน้าพวกเรากับพ่อบ้านก็จะได้ใช้ประชุมกัน”
จ้าวหลิงเฟิงมองไปยังเฉิงเสียงกล่าวว่า “ได้ยินแล้วหรือยัง”
เฉิงเสียงรีบตอบอย่างนอบน้อมว่า “ข้าน้อยจดจำไว้แล้ว ไว้จะเติมเรื่องนี้เข้าไป”
จ้าวหลิงเฟิงพยักหน้ารับรู้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นข้างลู่เจียวพลันหันไปมองลู่เจียวกล่าวว่า “หลังพวกเจ้าเปิดสามโรงผลิต ไม่ใช้ว่าต้องใช้วัตถุดิบมากๆ หรอกหรือ เช่นหีบน้ำมันที่เจ้าว่าย่อมต้องใช้ไหม”
ลู่เจียวพอได้ฟังคำเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รู้ว่าเขาคิดจะช่วยนายอำเภอหูให้คนในอำเภอชิงเหอหลุดพ้นจากความยากจน
ความจริงนี่ก็เป็นโอกาสยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “หีบน้ำมันต้องใช้ถั่วเหลือง ถั่วลิสง เมล็ดพืชน้ำมัน งาอะไรพวกนี้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังก็พยักหน้าหงึกๆ จ้าวหลิงเฟิงได้ฟังคำเขาก็เข้าใจความหมายเขา ยิ้มมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “หากเจ้าสามารถกล่อมให้นายอำเภอชิงเหอให้ชาวบ้านในอำเภอชิงเหอปลูกพืชวัตถุดิบพวกนี้ได้ สามโรงผลิตเราก็จะรับซื้อทั้งหมดในราคาสูง”
ก่อนหน้านี้จ้าวหลิงเฟิงเองก็คิดจะไปเสนอนายอำเภอหูให้ชาวบ้านในอำเภอเพาะปลูกสมุนไพร แต่ต่อมาเขาค้นพบว่าเส้นสายอิทธิพลในอำเภอชิงเหอลึกมาก และนายอำเภอไม่อาจแตะต้องได้ แถมตัวเองยังถูกคนแขวนไว้บนตำแหน่งเฉยๆ หากเขาเสนอให้นายอำเภอหู ย่อมต้องทำให้พ่อค้าในอำเภอชิงเหอแตกตื่นตกใจ
มังกรเก่งกล้าไม่ข่มงูเจ้าถิ่น นับประสาอันใดกับก่อนเขามา เจ้านายก็สั่งไว้แล้วว่าอย่าได้ทำเรื่องให้วุ่นวายเกินไป อย่าทำให้ผู้อื่นแตกตื่นตกใจ
ตอนนี้เขาแอบสะสมเงินทองไว้ช่วยเหลือเจ้านาย เอาไว้แย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท
หากก่อเรื่องวุ่นวายมากไป ทำให้ผู้อื่นแตกตื่นตกใจ เช่นนั้นที่พวกเขาทำมาก็สูญเปล่าแล้ว
ดังนั้นสุดท้ายจ้าวหลิงเฟิงตัดสินใจซื้อสมุนไพรจากพ่อค้าแทน
หากเซี่ยอวิ๋นจิ่นดำเนินการเรื่องนี้ได้จริง สำหรับพวกเขาแล้วถือเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดจ้าวหลิงเฟิง สีหน้าแววตาลุ่มลึกค่อยๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “นี่คือโอกาสที่ทุกฝ่ายล้วนได้ประโยชน์ ไม่มีเหตุผลที่สามโรงผลิตเปิดในอำเภอชิงเหอ แต่แล่นไปรับซื้อสมุนไพรจากที่อื่น และปล่อยให้อำเภอชิงเหอยังยากจนเช่นนี้”
เขากล่าวจบมองไปยังจ้าวหลิงเฟิงถามว่า “หากมีคนยอมทดลองปลูก พวกเจ้ายอมจ่ายมัดจำก่อนไหม”
เช่นนี้จะทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านยอมรับได้ง่ายหน่อย จ้าวหลิงเฟิงมองลู่เจียว ลู่เจียวคิดแล้วก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ทำได้ พยักหน้ากล่าวว่า “ได้”
ลู่เจียวเอ่ยปาก จ้าวหลิงเฟิงก็ไม่พูดอีกแล้ว
ทุกคนเดินชมที่อื่นต่อ ให้ความเห็นเป็นระยะ เฉิงเสียงตั้งใจจดอยู่ตลอด ไว้ค่อยนำมาปรับแก้
ที่นาพันหมู่สามโรงผลิตเดินกันไปครึ่งวันก็เดินไม่จบ แต่ตอนนี้โรงผลิตยังไม่ก่อสร้าง แค่ถมดินบดอัดพื้นอยู่ ดังนั้นก็ไม่มีอะไรน่าดูต่อ ทุกคนจึงตัดสินใจกลับ
จ้าวหลิงเฟิงเชิญลู่เจียวสองสามีภรรยาไปกินข้าว ลู่เจียวปฏิเสธทันที
“บอกไว้แล้วตอนบ่ายจะพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปซื้อของ ผู้ใหญ่ไม่ควรพูดแล้วไม่ทำ”
จ้าวหลิงเฟิงได้ฟังคำพูดลู่เจียว คิดถึงว่าเจ้าหนูน้อยแสนรู้ความสี่คนบ้านตระกูลลู่ก็เอ่ยถามไปด้วยสัญชาตญาณว่า “ลู่เหนียงจื่อ ข้าจะส่งจ้าวอวี้หลัวบุตรสาวข้าไปบ้านเจ้าเล่นกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ไหม”
ไม่แน่บุตรสาวได้เล่นกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็จะรู้มารยาท ไม่ได้ว่ากันว่าเรียนเล่นอะไรกับใครก็เรียนรู้จากคนนั้นหรือ”
ลู่เจียวไม่ทันได้พูดอะไร สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็กระตุกทันที หันไปมองจ้าวหลิงเฟิง “ท่านจ้าวมีบุตรสาวแล้วหรือ”
เขายังคิดว่าคนผู้นี้ยังไม่แต่ง เพราะแต่ไรมาไม่เคยได้ยินเขาเอ่ยถึงภรรยา คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ลูกก็มีแล้ว
งั้นอย่างนี้ลู่เจียวก็ย่อมไม่มองเขาหรอก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดแล้วก็วางใจลงได้บ้าง จ้าวหลิงเฟิงมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างแปลกใจ กล่าวว่า “ใช่ ข้ามีบุตรสาวชื่อจ้าวอวี้หลัว ปีนี้ห้าขวบ”
ลู่เจียวได้ยินชื่อจ้าวอวี้หลัว พลันรู้สึกว่าคุ้นๆ จากนั้นก็แวบขึ้นมาในสมองทันที นึกถึงนิยายที่ตนได้อ่าน ในนิยายมีตัวร้ายหญิงชื่อว่าจ้าวอวี้หลัว
ลู่เจียวครุ่นคิดทันที ในนิยายแนะนำว่า จ้าวอวี้หลัวเป็นคุณหนูจวนหย่งหนิงโหว ถูกหย่งหนิงโหวผู้เป็นบิดาตามใจมาก ดังนั้นจึงมีนิสัยเอาแต่ใจไร้เหตุผล ความคิดโฉดชั่ว เพราะชอบพระเอก ดังนั้นจึงหาทางทำร้ายนางเอกทุกวิถีทาง สุดท้ายถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันวางอุบาย ยังถูกพวกขอทานหลายคนทำจนตาย สภาพตอนตายน่าเวทนามาก บิดาเศร้าใจมากจนล้มป่วย จุดจบอนาถยิ่งนัก
ลู่เจียวคิดแล้วก็มีสีหน้าแปลกประหลาดขึ้นมา มองจ้าวหลิงเฟิงตรงหน้า
ดังนั้นจ้าวหลิงเฟิงผู้นี้วันหน้าก็จะได้เป็นหย่งหนิงโหว บุตรสาวเขาก็คือตัวร้ายหญิงในวันหน้าที่โหดเหี้ยมไม่เกรงกลัวกฎหมายผู้นั้น
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็อดมองจ้าวหลิงเฟิงไม่ได้ กล่าวว่า “จ้าวหลิงเฟิง ลูกไม่อาจตามใจมากไป ไม่งั้นนางก็จะเติบโตไปผิดๆ”
พอลู่เจียวกล่าว จ้าวหลิงเฟิงก็ตกใจ มองลู่เจียวกล่าวว่า “ลู่เหนียงจื่อรู้ได้อย่างไรว่าข้าตามใจลูก”
ลู่เจียวอึ้งไปทันทีก่อนจะรีบยิ้มกล่าวว่า “ฟังจากน้ำเสียงที่เจ้าเพิ่งพูดก็รู้ว่าตามใจบุตรสาว เด็กไม่อาจตามใจมากไป จะทำให้เติบโตไปผิดๆ ได้ง่าย วันหน้าอาจก่อเรื่องขึ้นได้”
จ้าวหลิงเฟิงได้ฟังคำพูดลู่เจียว รู้นางพูดได้มีเหตุผล ได้แต่ถอนหายใจกล่าวว่า “ข้าเองก็รู้ว่าตนเองทำไม่ถูก แต่ทุกครั้งที่นางอ้อน ข้าก็ทำอะไรนางไม่ลง”
คำพูดจ้าวหลิงเฟิงทำเอาเซี่ยอวิ๋นจิ่นแอบรู้สึกเหมือนกัน ให้เขาไปจัดการเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ อย่างไรเขาก็ทำใจลงมือไม่ลง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวอย่างรู้สึกเช่นกันว่า “บ้านเราเอง ข้าก็รับมือลูกไม่ไหว ลู่เจียวเข้มงวดกับลูกๆ มาก พวกลูกทั้งสี่อย่าเห็นว่าติดนาง แต่ในใจกลับรู้ดีว่า หากพวกเขาทำผิด ท่านแม่ไม่ปล่อยพวกเขาแน่”
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าว จ้าวหลิงเฟิงก็ยิ่งอยากส่งลูกมาบ้านตระกูลเซี่ยให้ลู่เจียวช่วยเขาจัดการดูแลสักหน่อย
“ลู่เหนียงจื่อ ข้าส่งบุตรสาวข้ามาเล่นกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่บ้านพวกเจ้าได้ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำจ้าวหลิงเฟิง ใบหน้าก็ราวกับมีแสงสีดำพาดผ่าน นี่เขายกก้อนหินทุ่มใส่เท้าตนเองงั้นหรือ
ลู่เจียวก็ไม่คิดอะไรมาก ที่บ้านมีเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ จะมาเพิ่มอีกคนก็ไม่นับว่ามากอะไร
“ได้ ไว้เจ้าให้คนส่งมา แต่ข้าบอกก่อนนะ นางทำผิด ข้าไม่พูดเอาใจนะ”
จ้าวหลิงเฟิงกัดฟันกล่าวทันทีว่า “หากนางทำผิด เจ้าก็อบรมได้เลย ข้าส่งนางไปบ้านเจ้าก็เพื่อให้เจ้าอบรมสั่งสอนนาง”
“งั้นก็ส่งมาละกัน”
จ้าวหลิงเฟิงรีบขอบคุณทันที พร้อมกับรับรองว่าข้าย่อมมอบค่าใช้จ่ายกินดื่มของจ้าวอวี้หลัวให้