เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังคิดอยู่ จ้าวอวี้หลัวหน้าประตูได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็แผดเสียงร้องไห้โฮขึ้นมาทันที
ครั้งนี้เจ็บปวดใจแท้จริงแล้ว ร้องไปก็กล่าวไปว่า “ข้ามีท่านแม่ ข้ามีท่านแม่”
ลู่เจียวเห็นท่าทางแผดเสียงร้องไห้ของนางก็รู้สึกสงสารมาก จึงให้ผอผอปลอบใจนาง
ไม่คิดว่าผอผอยังไม่ทันได้ปลอบใจนาง
จ้าวอวี้หลัวพลันวิ่งไปยืนตรงหน้าลู่เจียว เงยหน้ามองนาง “ท่านน้า ท่านเป็นท่านแม่ข้าละกัน”
หึ เจ้าเด็กบ้าตีนาง นางก็จะแย่งท่านแม่เขา
ลู่เจียวอึ้งไป ไม่เข้าใจสักนิดว่าสมองเด็กเอาแต่ใจนี่คิดอย่างไร ก่อนนี้ยังร้องไห้เจ็บปวดใจ ต่อมาก็จะให้นางเป็นท่านแม่ นี่มันอะไรกันเนี่ย
ลู่เจียวแทบอยากจะร้องไห้
สีหน้าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ย่ำแย่อย่างมาก เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ปรี่เข้าไปเบียดจ้าวอวี้หลัวออกไป
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ปกป้องอยู่ด้านหน้าลู่เจียว ถลึงตาจ้องเตือนจ้าวอวี้หลัว “นี่คือท่านแม่เรา ไม่ใช่ท่านแม่เจ้า”
ไม่เพียงแต่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ แม้แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็คิดมากแล้ว จ้าวอวี้หลัวทำเช่นนี้ไม่ใช่ว่าเชื่อมสายสัมพันธ์ให้จ้าวหลิงเฟิงหรือนี่
ลู่เจียวมองภาพตรงหน้าอย่างไร้วาจาจะกล่าว
จ้าวอวี้หลัวไม่ร้องไห้แล้ว นัยน์ตาโตของนางน้ำตาคลอเบ้ามองลู่เจียวกล่าวว่า “ท่านน้า ท่านเป็นท่านแม่ข้านะ บ้านข้ามีบ้านหลังใหญ่ ยังมีของมีค่ามากมาย ข้าให้ท่านได้หมดเลย เป็นท่านแม่ข้านะ ท่านน้า มีคนอยากเป็นท่านแม่ข้าตั้งมากมาย ข้ายังไม่เอา ข้าให้ท่านเป็นท่านแม่ข้าคนเดียว”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กัดฟันกรอด โมโหกล่าวว่า “นี่คือท่านแม่พวกเรา เจ้าอย่าคิดแย่งไป”
ลู่เจียวกลัวพวกเขามีเรื่องลงไม้ลงมือกัน ก็รีบส่งเสียงกล่าวว่า “อวี้หลัว ข้ากับท่านพ่อเจ้าเป็นเพื่อนกัน เจ้าเรียกข้าว่าท่านน้าได้ นอกนั้นอย่าเรียกมั่วซั่ว”
จ้าวอวี้หลัวยังคิดพูดต่อ ลู่กุ้ยก้าวเข้าประตูมารายงานว่า “พี่เขย พี่เจียว คุณชายหูกับหลี่เหนียงจื่อพาลูกสองคนมาเยี่ยมคารวะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวได้ยินก็รู้ว่าเป็นหูซ่านกับหลี่อวี้เหยา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดยอมรับคำเชิญนายอำเภอหู ได้ยินว่าหูซ่านมา ก็ไม่ได้มีสีหน้าเย็นชารำคาญใจเหมือนก่อน
เขาหันไปมองลู่เจียวกล่าวว่า “งั้นพวกเราไปต้อนรับพวกเขาด้วยกัน”
“อืม”
ลู่เจียวมีความรู้สึกดีกับหลี่อวี้เหยาไม่น้อย ดังนั้นจึงรับคำยืนขึ้น
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ฟังออกว่าที่มาคือใคร โดยเฉพาะตอนได้ยินลู่กุ้ยว่าคุณชายหูกับหลี่เหนียงจื่อพาลูกสองคนมาด้วย นั้นไม่ใช่พี่เสี้ยวเสี้ยวหรือ
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่คิดถึงหูหลิงเสวี่ยแล้วก็มองจ้าวอวี้หลัวตรงหน้า ส่งสายตาดูแคลนพลางกล่าวว่า “เจ้ารู้จักพี่เสี้ยวเสี้ยวไหม หน้าตาสวยกว่าเจ้า ยังดีมากด้วย”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวจบก็คว้ามือท่านพ่อท่านแม่ตน จะตามพวกเขาไปด้วย
ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ปฏิเสธ ตั้งใจจะพาพวกเขาไปเรือนด้านหน้าต้อนรับหูซ่านกับหลี่อวี้เหยา
เพียงแต่พวกเขาไปกัน ก็ไม่อาจทิ้งจ้าวอวี้หลัวไว้ที่นี่คนเดียว ดังนั้นลู่เจียวจึงถามจ้าวอวี้หลัว
“เจ้าจะไปด้านหน้ากับพวกเราไหม”
จ้าวอวี้หลัวได้ฟังคำเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ก็รู้สึกไม่อาจยอมแพ้เด็กผู้หญิงที่หน้าตาสวยกว่านาง ดีกว่านางได้ นางเงยใบหน้าดวงน้อยขึ้น ยืดอกราวกับนกยูงผยอง เชิดหน้าเดินออกไปเรือนด้านหน้า
เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังเห็นจ้าวอวี้หลัวแล้วก็ต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง
ลู่เจียวรีบดึงเขาไว้กล่าวว่า “เจ้าอย่าได้โมโหนาง นางเป็นแค่เด็กน้อย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็หันไปมองลู่เจียวทันที
นิสัยลู่เจียวเขารู้ ไม่ใช่คนนิสัยยอมอะไรง่ายๆ แต่ตอนนี้นางอดทนกับจ้าวอวี้หลัวเหมือนว่ามากไปสักหน่อยไหม หรือว่านางชอบจ้าวอวี้หลัว หากเป็นเช่นนี้ จะเพราะจ้าวอวี้หลัวแล้วมีท่าทีไม่เหมือนเดิมกับจ้าวหลิงเฟิงไหม
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดแล้วก็ปฏิเสธทันที ความคิดนี้ทำให้ในใจเขาผุดอีกความคิดหนึ่งขึ้นมา หากลู่เจียวชอบเด็กผู้หญิง วันหน้าพวกเขาก็มีลูกผู้หญิงอีกสักคนก็ได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิด แล้วก็ทำสีหน้าไม่ถูก รีบเบนสายตาหนี กล่าวเบาๆ ว่า “เอาเถอะ ข้าเป็นผู้ใหญ่ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเด็กผู้หญิงหรอก”
ลู่เจียวรู้สึกว่าสีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้มีเวลาคิดมาก ทั้งครอบครัวเดินไปเรือนด้านหน้าต้อนรัยหูซ่านกับหลี่อวี้เหยาทั้งครอบครัว
วันนี้เดิมหูซ่านไม่อยากมา เขาไม่ค่อยถูกกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น พบกันทีไรทะเลาะกันทุกที จะมาทำไม
แต่ท่านพ่อเขาสั่งให้เขามาเชิญเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปเป็นที่ปรึกษาเขา
หูซ่านก็ได้แต่มา พอดีหลี่อวี้เหยาอยากมาด้วย มารู้จักบ้านตระกูลเซี่ยไว้ วันหน้าจะได้มาเป็นแขกบ้านตระกูลเซี่ย พอได้ฟังว่าหูซ่านจะมา นางก็พาบุตรสาวและบุตรชายมาด้วยกัน
ในห้องโถง เรือนด้านหน้า หูซ่านเดิมคิดว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นเขาก็คงเยาะเย้ยทำสีหน้าเยียบเย็นใส่อีก คิดไม่ถึงว่าวันนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นจะสุภาพอย่างมาก
หูซ่านแอบตกใจกับท่าทีที่เป็นมิตรเช่นนี้ สุดท้ายก็คงเพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นให้เกียรติภรรยาตน ควรรู้ว่าภรรยาตนเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับภรรยาเซี่ยอวิ๋นจิ่น งั้นพวกเขาสองคงไม่ใช่ว่าเป็นคู่เขยแล้วหรือ เซี่ยอวิ๋นจิ่นสุภาพกับเขาก็สมควรอยู่
ใบหน้าหูซ่านรีบเผยรอยยิ้มทันที กล่าววาจาลื่นไหลออกมามากมาย
“พี่เซี่ย วันนี้มาเยือนถึงเรือน คารวะไม่ได้นัดหมาย เสียมารยาทแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวนุ่มนวลว่า “เจ้าเองก็เกรงใจเกินไปแล้ว วันหน้าเราสองตระกูลก็นับว่าเป็นญาติกันอย่างเป็นทางการแล้ว ไม่จำเป็นต้องเกรงใจเช่นนี้”
หูซ่านได้ฟัง ก็หัวเราะดังขึ้นมา “นั่นก็จริง”
หลี่อวี้เหยาข้างๆ หูซ่าน เห็นท่าทางเขาเช่นนี้ ก็วางใจลงได้แล้ว
หูซ่านเอาแต่ไม่ถูกกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น กลับไปก็เอาแต่ด่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นต่างๆ นานาว่าเสแสร้งแกล้งทำตัวสูงส่ง ทำตัวสุภาพ ไม่รู้วางท่าไปทำไม นางกลัวจริงๆ ว่าวันนี้เขาจะทะเลาะกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นขึ้นมาอีก
วันนี้บิดาสามีมอบภารกิจให้หูซ่านทำด้วย
หลี่อวี้เหยาเห็นหูซ่านไม่มีเหตุปะทะกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงได้ยิ้มหันไปทักทายกับลู่เจียว “เจียวเจียว วันนี้ข้ามาเยือนไม่ได้นัดหมาย เจ้าคงไม่ตำหนิข้ากระมัง”
ลู่เจียวดึงหลี่อวี้เหยาให้นั่งลง “พี่อวี้เหยาพูดอะไรกัน ข้ายินดีต้อนรับพี่แทบไม่ทัน รีบนั่งลงคุยกันเถอะ”
สองครอบครัวนั่งลง
ในห้องโถง จ้าวอวี้หลัวเอาแต่จ้องมองหูหลิงเสวี่ยห้าขวบ นางรู้สึกว่าหูหลิงเสวี่ยไม่ได้สวยเหมือนตนเอง ดังนั้นอาจเป็นเพราะเจ้าสี่หนูน้อยนิสัยไม่ดี ยังสายตาไม่ดี
จ้าวอวี้หลัวหันไปจ้องมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ กล่าวอย่างอวดเบ่งว่า “นางไม่ได้สวยเหมือนข้า”
พอจ้าวอวี้หลัวพูด คนในห้องโถงก็พากันเบนความสนใจไปที่นาง ทุกคนต่างมองนาง
พอหูซ่านได้ฟังนางว่าบุตรสาวตนเองไม่สวยเหมือนนาง ก็โมโห มองจ้าวอวี้หลัวอย่างโมโหกล่าวว่า “เจ้าเป็นใคร ตาข้างไหนเจ้ามองว่าบุตรสาวข้าสวยไม่เท่าเจ้า บุตรสาวข้าสวยกว่าเจ้ามาก”
บุตรสาวเขาเป็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยน่ารักขนาดไหน มักมีรอยยิ้มอบอุ่นนุ่มนวล ยังรู้ความและเชื่อฟัง หูซ่านรักบุตรสาวคนนี้มาก
ดังนั้นได้ยินจ้าวอวี้หลัวก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟทันที
หูซ่านเพิ่งกล่าวจบ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็รับคำเขา “ถูกต้อง พี่เสี้ยวเสี้ยวหน้าตาดีกว่าเจ้า นางยังเป็นคนดี”
หูหลิงเสวี่ยไม่ได้โมโหกับคำพูดจ้าวอวี้หลัว กลับรู้สึกแปลกใจตอนได้ยินเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
“พวกเจ้าเรียกข้าว่าพี่?”
ก่อนหน้านี้อยู่บ้านนาง พวกเขายังไม่ยอมเรียก นางเอาของมาล่อพวกเขาก็ไร้ประโยชน์