ลู่เจียวรีบพยักหน้า หลี่อวี้เหยามองลู่เจียวอย่างนึกเป็นห่วง “วันหน้าสามีเจ้าก็จะเป็นขุนนาง คนเป็นขุนนางจะมีสักกี่คนที่ไม่รับอนุ ไม่ใช่ว่าเขาอยากหรือไม่อยากรับ แต่เบื้องบนมักชอบประทานให้ กอปรกับเพื่อนขุนนางด้วยกันก็มักมอบผู้หญิงให้กัน ไม่ว่าอย่างไรตระกูลขุนนางก็ไม่มีผู้ใดไม่รับอนุ พ่อสามีข้านั้นไม่มีความสามารถ ดังนั้นจึงไม่มีคนมอบให้เขา มีแต่แม่สามีรับอนุให้สองคนเท่านั้น”
“ในจวนขุนนางที่มีความสามารถพวกนั้น มีอนุสามสี่คนเรียกว่าน้อยแล้ว”
ลู่เจียวได้ยินก็มีสีหน้าตกใจ นางรู้ว่าสมัยโบราณสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่รู้ว่าเบื้องบนและเพื่อนขุนนางด้วยกันถึงกับยังชอบส่งมอบผู้หญิงให้กัน
โชคดีที่แต่ไรมานางไม่เคยคิดเป็นภรรยาขุนนาง ไม่งั้นวันหน้าหากเจอกับเรื่องเช่นนี้ คงต้องเหนื่อยตาย
เมื่อวานไปงานเลี้ยงตระกูลหูยังถูกวางแผนให้ร้ายเช่นนั้น หากวันหน้าในจวนมีสตรีเพิ่มมาอีกสองสามคน วันๆ ก็เอาแต่เล่นละครกันไปมา นางยังจะมีเวลาไปรักษาผู้ป่วยหรือ วันๆ ต้องเอาแต่ต่อสู้กับบรรดาอนุอย่างแน่นอน
ลู่เจียวคิดถึงที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นเคยบอกว่าชีวิตนี้จะไม่รับอนุ ไม่รู้ว่าเขาจะรักษาคำสัญญานี้ได้ไหม
ลู่เจียวตั้งใจนึกถึงเรื่องราวในนิยาย ในนิยายเหมือนไม่ได้เขียนถึงว่าใต้เท้าโส่วฝู่ผู้นี้มีอนุภรรยา
เช่นนี้แล้ว ดูท่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นนับว่าเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างดีในบรรดาคนโบราณก่ายกองพวกนี้
ในเรือนบุปผา หลี่อวี้เหยามองดูลู่เจียวสีหน้าเหมือนครุ่นคิดก็ปลอบใจกล่าวว่า “เอาเถอะ อนุเหล่านั้นก็แค่ของเล่น หากวันหน้าน้องเขยรับอนุจริง เจ้าก็ถือเสียว่าพวกนางเป็นของเล่นของสามีเจ้าก็พอ”
ลู่เจียวเงยหน้ามองหลี่อวี้เหยาด้วยสีหน้าจริงจัง “นั่นเป็นสิ่งของได้อย่างไร พี่อวี้เหยาคิดเช่นนี้อันตรายมาก นั่นเป็นคนมีชีวิตเลือดเนื้อ อยู่กับผู้ชายของพี่ย่อมเกิดความผูกพันได้ง่าย หากผู้ชายของพี่เกิดความผูกพันกับนาง พี่จะทำเช่นไร ถึงตอนนั้นสตรีผู้นั้นก็จะให้กำเนิดบุตร วางอุบายใส่พี่ พี่จะทำเช่นไร”
“พี่ควรรู้ว่ามีสตรีในเรือนหลังมากมายเท่าไรล้วนตายลงด้วยอุบายพวกนี้ คนที่ตายไปแล้วก็แล้วไป แต่ลูกๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องทนทุกข์เพียงใด”
ลู่เจียวคิดแล้วก็รู้สึกว่าสตรีโบราณช่างน่าสงสาร พวกที่มารดาตายจากยิ่งน่าสงสาร
พอหลี่อวี้เหยาคิดถึงสภาพเช่นนี้ ก็หนาววาบขนลุกไปทั้งตัว ในใจก็อดนึกโมโหแม่สามีตนขึ้นมาไม่ได้
หากไม่ใช่นางยืนยันว่าจะมอบหญิงรับใช้ข้างกายไว้คอยอุ่นเตียงให้ หูซ่านคงไม่คิดรับหญิงรับใช้ไว้คอยอุ่นเตียง
ดีที่บิดาสามีนางยังคอยกำราบหยุดยั้งเรื่องอนุไว้ ไม่งั้นในเรือนนางตอนนี้ก็คงมีอนุเพิ่มมาอีกสองแล้ว
บิดาสามีนางบอกว่าหูซ่านยังไม่มีบุตรชายที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอก สาวใช้อุ่นเตียงไม่อาจตั้งครรภ์ก่อนสะใภ้ ดังนั้นให้ดื่มยา รอให้นางคลอดบุตรชายก่อนค่อยปล่อยให้บรรดาสาวใช้อุ่นเตียงตั้งครรภ์ แล้วค่อยเลื่อนเป็นอนุภรรยา
เดิมนางก็ยอมรับชะตากรรมนี้แล้ว แต่ตอนนี้มาได้ยินคำพูดลู่เจียว นางก็รู้สึกหวั่นใจ หากสาวใช้อุ่นเตียงสามีนางตั้งครรภ์คลอดเด็กผู้ชายออกมา แล้วจะจ้องทำร้ายบุตรชายของนางหรือไม่
หลี่อวี้เหยายื่นมือไปดึงมือลู่เจียวมากุมไว้กล่าวว่า “เจียวเจียว ข้าจะรับมือแม่สามีที่ชอบยุ่งวุ่นวายได้อย่างไร”
ลู่เจียวถอนหายใจกล่าวว่า “ไม่ใช่แค่แม่สามีเจ้าคนเดียว คนเป็นแม่สามีก็ล้วนเช่นนี้ แต่เจ้าจำไว้ว่าอย่าได้ปะทะแข็งกร้าวใส่แม่สามี ต้องใช้ไม้อ่อนปะทะไม้แข็ง อีกอย่าง เจ้าต้องกุมจิตใจของหูซ่านไว้ อย่าให้เขาถูกสาวใช้อุ่นเตียงสองคนนั้นดึงใจไป จากนั้นก็เจ้าหาโอกาสไล่สาวใช้สองคนนั้นออกไป วันหน้าเจ้าก็ให้หูซ่านไปรับมือแม่สามีเจ้า ขอเพียงเจ้าดีกับผู้ชายสักหน่อยก็พอ”
หลี่อวี้เหยาฟังคำลู่เจียวแล้วก็พยักหน้าหงึกๆ นางยื่นมือออกไปกุมมือลู่เจียวไว้ “เจียวเจียว ข้ารับเจ้าเป็นน้องสาวนับว่ากำไรแล้วจริงๆ”
ลู่เจียวเห็นนางกลัดกลุ้มก็ยิ้มหยอกล้อนางว่า “งั้นก็ดีกับข้าหน่อยนะ”
หลี่อวี้เหยาถูกหยอกจนรู้สึกขำดังคาด “แน่นอน วันหน้าเจ้าก็คือน้องสาวข้า”
น้องสาวแท้ๆ คนนั้นห่างไกลได้เท่าไรยิ่งดี
ลู่เจียวคุยกับหลี่อวี้เหยาได้ครู่หนึ่ง ก็เป็นห่วงว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่จะมีเรื่องกับจ้าวอวี้หลัว จึงจะไปดูสักหน่อย
ปรากฏว่าจ้าวอวี้หลัวถึงกับสงบเสงี่ยมอย่างมาก กำลังเล่นของเล่นกับหูหลิงเสวี่ยและเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
ลู่เจียวมองแล้วก็อดขำไม่ได้ ดูท่าเด็กเอาแต่ใจก็ถูกจัดการแล้วจริงๆ เจ้าไม่ปลอบใจนาง นางปลอบใจตนเองก็ได้
ตอนบ่าย ครอบครัวตระกูลหูเที่ยวอยู่บ้านตระกูลเซี่ยอย่างเบิกบานใจมาก เดิมลู่เจียวจะรั้งพวกเขาให้รกินอาหารเย็นด้วยกัน แต่เพราะผิงอันยังเล็กเกินไป หูซ่านกับหลี่อวี้เหยาจึงไม่ได้อยู่ต่อ
ลู่เจียวห่อขนมที่ตอนบ่ายฮวาเสิ่นทำสองสามอย่างให้พวกนางนำกลับไป
หลี่อวี้เหยากับหูหลิงเสวี่ยดีใจมาก ตอนบ่ายนางสองคนได้กินแล้ว ขนมที่ลู่เจียวให้ฮวาเสิ่นทำอร่อยมาก และพวกนางรู้สึกว่าพอได้กินแล้ว อารมณ์ก็ดีอย่างน่าประหลาด
จ้าวอวี้หลัวเองก็ถูกผอผอและสาวใช้ตระกูลจ้าวพากลับไป ก่อนไปยังรู้จักกล่าวอำลากับลู่เจียว
แต่นางไม่ได้สนใจคนอื่น นางทำสีหน้าเย็นชาใส่ก่อนจะหันหลังวิ่งออกไปทันที
อย่าคิดว่านางไม่รู้ว่าพวกเขาไม่ชอบนาง พวกเขาไม่ชอบนาง นางก็ไม่ชอบพวกเขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ต่างมีสีหน้าดำทะมึน
“การอบรมของตระกูลจ้าวมีปัญหาจริงๆ”
ต้าเป่าหน้าบึ้งกล่าวว่า “มีปัญหาจริง ไม่รู้มารยาทแม้แต่น้อย”
เอ้อร์เป่าก็รับคำต่ออย่างไม่เกรงใจว่า “ครั้งหน้าหาเรื่องอีกก็จัดการนางเลย”
สีหน้าลู่เจียวไม่ดีนัก มองไปยังเอ้อร์เป่า “เจ้าลืมที่เมื่อก่อนท่านแม่เคยบอกเจ้าแล้วหรือ”
เอ้อร์เป่ารีบกล่าวว่า “ห้ามรังแกเด็กผู้หญิง”
เขากล่าวจบก็รีบกล่าวว่า “แต่นางรังแกข้า นางบีบแก้มข้า ยังคิดตีข้า”
“เรื่องวันนี้ให้อภัยได้ แต่ครั้งหน้าอย่าเอะอะก็จะจัดการเด็กผู้หญิง เด็กผู้ชายต้องใจกว้าง ต้องรู้จักเหตุผล เข้าใจไหม”
เดิมเอ้อร์เป่ายังเหมือนน้อยใจที่โดนดุ แต่พอได้ยินท่านแม่ว่าเรื่องวันนี้ให้อภัยได้ เขาก็ยิ้มรับคำเสียงดัง
“ท่านแม่ ข้าทราบแล้ว วันหน้าไม่ลงไม้ลงมือแล้ว”
แต่หากเขาถูกรังแกอีก เขาค่อยลงมือต่อ
เอ้อร์เป่าแอบกล่าวกับตนเองอย่างแค้นใจ
ซานเป่ากับซื่อเป่าหันไปมองลู่เจียวกล่าวว่า “ท่านแม่ พี่เสี้ยวเสี้ยวดีกว่าจ้าวอวี้หลัว”
“ใช่แล้ว นางยังมอบของขวัญให้พวกเรา”
ซื่อเป่ายิ้มไม่หุบ เพราะตุ๊กตาล้มลุกที่เขาได้มาจากหูหลิงเสวี่ยเล่นสนุกมาก
“นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าพี่เสี้ยวเสี้ยวมีมารยาท วันหน้าพวกเจ้าก็ต้องเป็นคนมีมารยาท”
“พวกเราทำได้”
ทั้งครอบครัวกินอาหารเย็นกันอย่างเบิกบานใจ เพิ่งกินอาหารเย็นเสร็จ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็เริ่มง่วง ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบอาบน้ำให้พวกเขา แล้วก็ส่งพวกเขาขึ้นเตียงเข้านอน
ภายใต้แสงตะเกียงสลัว เซี่ยอวิ๋นจิ่นอดเหลือบมองลู่เจียวเงียบๆ ไม่ได้
ลู่เจียวห่มผ้าให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ด้วยสีหน้าอ่อนโยน ตอนนี้เดือนแปดแล้ว กลางคืนจะเย็นอยู่บ้าง ดังนั้นพวกลูกทั้งสี่ล้วนห่มผ้าห่มผืนบางกัน
ลู่เจียวกลัวว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่นอนตอนกลางคืนจะเตะผ้าห่มออก ดังนั้นจึงสอดปลายผ้าห่มเข้าไปทางด้านข้างพวกเขาอย่างเอาใจใส่
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นท่าทางเต็มไปด้วยความอ่อนโยนของนาง ก็อดเหม่อมองไม่ได้
นางเช่นนี้เหมือนมารดาในความคิดเขาจริงๆ เป็นท่าทีที่คนเป็นมารดาควรมี
เมื่อก่อนเขามักคิดว่าวันหน้าหากมีภรรยา ต้องหาคนที่รักลูกมากๆ เขาไม่อยากให้บุตรชายตนต้องมารับทุกข์เหมือนเขา
แต่ต่อมากลับได้ภรรยาที่น่ารังเกียจยิ่งกว่ามารดาตน ไม่เพียงแต่ไม่ดี ยังทารุณกรรมลูกๆ
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงคนก่อนนั้น แววตาก็เผยความรังเกียจขึ้นมาทันที
ลู่เจียวยืนขึ้น เดินมายืนข้างเขาพอดี อดถามไม่ได้ว่า “สีหน้าเจ้าเหมือนไม่ค่อยดี เป็นอะไรไป”