สองผู้เฒ่าเดินเข้ามาในห้อง เป็นท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวข้างบ้าน วาจาก่อนหน้านี้เป็นของท่านย่าหลิวพูดออกมา
ท่านย่าหลิวพุ่งเข้ามาถึงก็เดินไปตรงหน้าสวี่เซี่ยนเว่ย กล่าวเสียงดังว่า “เจ้าจะลดสถานะเจียวเจียวข้าเป็นอนุ เป็นภรรยาเอกคนที่สองหรือ ข้าว่าที่ควรลดที่สุดก็คือตำแหน่งเซี่ยนเว่ยของเจ้า เซี่ยนเว่ยเล็กๆ กล้าอวดเบ่ง ไร้ขื่อไร้แป”
หญิงชราแม้ว่าร่างผอมเล็ก แต่น้ำเสียงหนักแน่นทรงพลัง นางทำเอาสวี่เซี่ยนเว่ยอึ้งไปทันที เขาพลันลืมไปว่าควรพูดอะไร
ลู่เจียวลุกขึ้นไปเชิญท่านปู่หลิวและท่านย่าหลิวนั่ง “ท่านปู่หลิว ท่านย่าหลิว มาได้อย่างไร”
พอลู่เจียวถามท่านย่าหลิวก็นึกได้ นางยื่นมือออกไปคว้ามือลู่เจียวไว้อย่างตื่นเต้น “เจียวเจียว ข้าจะมาบอกเจ้าว่า จื่อเหยียนเขาแช่ยาดื่มยาแล้วรู้สึกสบายขึ้นมาก เมื่อก่อนเขานอนไม่หลับทั้งคืน ตอนนี้นอนได้ครู่หนึ่งแล้ว วิชาแพทย์เจ้าสูงส่งจริงๆ เจ้าเก่งกาจมาก เรียกเจ้าหมอเทวดายังน้อยไปด้วยซ้ำ”
ลู่เจียวถูกชมจนเขิน รีบกล่าวว่า “ท่านย่าหลิว ท่านเกรงใจไปแล้ว”
“เกรงใจอะไร ที่ข้าพูดคือเรื่องจริง วิชาการแพทย์เจ้าร้ายกาจมาก อาการป่วยจื่อเหยียนของข้าเคยหาหมอมีชื่อมามากมาย ไม่มีผู้ใดรักษาหายได้ ตอนนี้แค่ดื่มยาเจ้าก็รู้สึกสบายตัวขึ้น เมื่อก่อนทุกคืนเขาไม่เคยได้นอน พอหลับก็จะหนาวจนตื่น ตอนนี้ถึงกับนอนหลับได้ครู่หนึ่งแล้ว”
ท่านย่าหลิวเพิ่งกล่าวจบ สวี่เซี่ยนเว่ยที่ยืนนิ่งอึ้งอยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้น “นังหนูนี่เป็นหมอเทวดาจริงหรือวิชาการแพทย์ลู่เหนียงจื่อร้ายกาจมาก?”
ท่านย่าหลิวถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ “ใช่ วิชาการแพทย์เจียวเจียวร้ายกาจมาก รักษาคนตายให้พื้นได้”
สีหน้าสวี่เซี่ยนเว่ยแทบไม่อยากจะเชื่อ “จริงหรือเท็จกัน”
ท่านย่าหลิวกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้าแก่ปูนนี้แล้วจะหลอกเจ้าหรือไง”
ท่านปู่หลิวข้างๆ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ก่อนหน้านี้เหนียงจื่อตระกูลซูข้างบ้านผูกคอตายสิ้นลมหายใจไปแล้ว ก็เป็นเจียวเจียวนี่แหละที่ช่วยชีวิตไว้ได้ หลานชายข้าป่วยอย่างนั้น นางก็รักษาให้จนตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ใครๆ ก็รู้ว่าอาการป่วยหลานชายข้า พวกเราเคยเชิญหมอชื่อดังมารักษาตั้งมากมาย”
ท่านปู่หลิวกล่าวจบก็ไม่คิดสนใจสวี่เซี่ยนเว่ยอีก “มาพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้าทำไมกันเนี่ย”
ท่านปู่หลิวกล่าวจบหันไปมองท่านย่าหลิว “เจ้าไม่ได้บอกว่าทำขนมดอกกุ้ยมาให้เจียวเจียวหรือ”
ท่านย่าหลิวรีบวางถาดกระเบื้องปิดฝาไว้ลงข้างๆ ลู่เจียว
“เจียวเจียว นี่คือขนมดอกกุ้ยที่ข้าทำเอง อร่อยนะ ข้าทำมาให้เจ้าเองกับมือ”
ลู่เจียวรีบยกมือไปเปิดฝาออก ขนมดอกกุ้ยร้อนกรุ่นก็ปรากฏตรงหน้า นางบิชิ้นเล็กชิ้นหนึ่งมาชิมดู อร่อยจริงๆ
ลู่เจียวยิ้มขอบคุณท่านย่าหลิว “ขอบคุณท่านย่าหลิว อร่อยมาก”
“อร่อยก็ดี อร่อยก็ดี วันหน้าข้าจะทำของอร่อยให้เจียวเจียวอีก”
ลู่เจียวรีบกล่าวว่า “รบกวนมากไปหรือไม่”
“ไม่รบกวนๆ”
นางกล่าวจบก็หันหลังคิดกลับ แต่ก็ไม่วางใจสวี่เซี่ยนเว่ย หันไปจ้องมองสวี่เซี่ยนเว่ยกล่าวว่า “เจียวเจียวของข้ามีคนหนุนหลังนะ เจ้าอย่าคิดรังแกเจียวเจียว หากกล้ารังแกนาง พวกเราไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ตำแหน่งเซี่ยนเว่ยก็คงจบสิ้นตรงนี้แล้ว”
ท่านปู่หลิวพยักหน้าเห็นด้วย สวี่เซี่ยนเว่ยพลันไม่กล้าพูดอะไรต่อ ตาแก่ยายแก่นี่พูดจาเช่นนี้ได้ ดูท่าคงไม่ธรรมดา เขาไม่อาจเสี่ยงล่วงเกินพวกเขา
สวี่เซี่ยนเว่ยเงียบไม่พูดไม่จา ท่านปู่หลิวท่านย่าหลิวก่อนออกไปก็เดินไปตรงหน้าลู่เจียว กล่าวว่า “เจียวเจียว งั้นพวกเรากลับก่อน หากมีคนรังแกเจ้า เจ้าบอกพวกเรา พวกเราจะออกหน้าให้เจ้า”
สองผู้เฒ่าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังมองลู่เจียวด้วยแววตาลึกซึ้ง ทำไมทุกคนเอาแต่แล่นมาเรียกลู่เจียวของเขาว่าเจียวเจียว เขาจะเรียกลู่เจียวว่าเจียวเจียวได้ตอนไหนกัน
ลู่เจียวไม่ทันได้สังเกตสีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่น นางหยิบขนมดอกกุ้ยชิ้นหนึ่งมากิน อร่อยมากจริงๆ ไม่หวานมาก ลู่เจียวไม่ค่อยชอบกินของหวานมาก
ขนมดอกกุ้ยจานนี้หวานกำลังดี หากไม่ใช่กลัวกินมากไปทำให้ไม่ย่อยจนนอนไม่หลับ นางก็คงกินหมดจานไปแล้ว
ในห้องโถง เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองไปยังสวี่เซี่ยนเว่ย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “สวี่เซี่ยนเว่ย หากท่านแน่ใจว่าเรื่องบุตรสาวท่านเป็นข้าบงการให้คนทำ งั้นท่านก็ไปหาหลักฐานมา ได้หลักฐานมาก็ค่อยมาเอาเรื่องข้า คงไม่อาจกล่าวปากเปล่าเช่นนี้ แค่พูดจาปากเปล่าก็จะมาเอาผิดข้า”
ตอนนี้ในใจสวี่เซี่ยนเว่ยไม่ได้คิดเรื่องสวี่ชิงอินแล้ว ในใจเขาเปลี่ยนไปคิดอีกเรื่องหนึ่งแล้ว เห็นชัดว่ากำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นลุกขึ้นไล่แขก “สวี่เซี่ยนเว่ย สายแล้ว สวี่เซี่ยนเว่ยกลับไปได้แล้ว”
สวี่เซี่ยนเว่ยไม่ไป เอ่ยปากอึกอัก “ข้า ขอหน่อยได้ไหม ขอลู่เหนียงจื่อช่วยตรวจดูอาการให้ข้าหน่อย”
กล่าวจบก็สำทับอีกประโยค “เอาอย่างนี้ หากลู่เหนียงจื่อช่วยตรวจดูอาการให้ข้า วันนี้เรื่องเซี่ยซิ่วไฉวางอุบายบุตรสาวข้าก็นับว่าจบลงตรงนี้”
เขากล่าวจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็กล่าวว่า “ขอโทษ วันนี้ข้าไม่ได้วางอุบายบุตรสาวท่าน ท่านกล่าวเช่นนี้ หากภรรยาข้าช่วยท่าน ก็เหมือนว่าข้าวางอุบายบุตรสาวท่านจริง ท่านวางแผนหลอกให้ข้าตกหลุมเช่นนี้หรือ ขอโทษที่ข้าไม่อาจยอมรับการยอมความกันเช่นนี้ได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็คิดเรียกลู่กุ้ยที่อยู่นอกประตูเข้ามาส่งแขก
สวี่เซี่ยนเว่ยรีบเสียงดังขึ้นว่า “ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าหมายความว่าขอให้ลู่เหนียงจื่อช่วยข้าตรวจดูอาการป่วยข้าหน่อย ส่วนบุตรสาวข้านั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเซี่ยซิ่วไฉ ใช่ ไม่เกี่ยว”
ลู่เจียวมองสวี่เซี่ยนเว่ย คิดถึงว่าตอนนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นที่ปรึกษาหลังม่านของนายอำเภอหู หากดึงสวี่เซี่ยนเว่ยมาเป็นพวกได้ ก็เป็นผลดีต่อเขาในการดำเนินการต่างๆ ในอำเภอ
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังสวี่เซี่ยนเว่ย “ข้าช่วยตรวจอาการให้ท่านได้ แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องยอมความกันหรือไม่ แต่เพราะข้าเป็นหมอ รักษาผู้ป่วยเป็นเรื่องที่สมควร ในเมื่อท่านเอ่ยปาก ข้าก็ไม่อาจไม่ตรวจอาการให้ท่าน แต่ท่านอย่าเอาเรื่องนี้ไปข้องเกี่ยวกับบุตรสาวท่าน”
สวี่เซี่ยนเว่ยพอได้ฟังก็พยักหน้าหงึกๆ “ได้ ไม่ข้องเกี่ยวๆ”
เขารีบหันไปนั่งลงข้างลู่เจียว ยื่นมือออกมา
ลู่เจียวจับชีพจรให้เขาพลางถามนิสัยในชีวิตประจำวันของเขาไปด้วย สุดท้ายถามเขาเรื่องค่อนข้างส่วนตัวเล็กน้อย เช่นว่าช่องล่างรู้สึกบวมหน่วงหรือไม่ ก้าวเดินหรือยืนนานจะปวดเพิ่มหรือไม่ นอนราบจะเบาลงหรือไม่ ถามจนคำถามสุดท้าย
ลู่เจียวยากจะเอ่ยปากจริงๆ แม้ว่าเป็นหมอ แต่ในโลกยุคนี้ ถามเรื่องส่วนตัวเช่นนี้ก็ยังรู้สึกอึดอัด ข้างๆ ยังมีเซี่ยอวิ๋นจิ่นนั่งอยู่ด้วย
ลู่เจียวมองสวี่เซี่ยนเว่ย สุดท้ายก็ทำสีหน้านิ่ง มองไปยังสวี่เซี่ยนเว่ยกล่าวว่า “ข้างล่างขยายตัวหรือไม่ ตนเองคลำดูแล้วรู้สึกได้ถึงก้อนพองลักษณะเป็นไตแข็งหรือไม่”
สวี่เซี่ยนเว่ยพลันตั้งสติไม่ทัน เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองลู่เจียวทันที
สีหน้าลู่เจียวปกติ ท่าทางดูไม่ได้รู้สึกอะไร ทำเอาเซี่ยอวิ๋นจิ่นเลื่อมใสอย่างยิ่ง จิตใจเช่นนี้ วันหน้าเขาต้องเรียนรู้สักหน่อย เขาได้ฟังยังรู้สึกขัดเขิน ประเด็นสำคัญก็คือลู่เจียวไม่ได้รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย ไม่เสียทีที่เป็นหมอจริงๆ
สวี่เซี่ยนเว่ยอ้าปากก็ถามว่า “ทำไมหรือ”