Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1779 เหล่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักยุทธ์เตาโอสถ

ตอนที่ 1779 เหล่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักยุทธ์เตาโอสถ
ยานข้ามโลก ยิ่งใหญ่ราวกับผืนแผ่นดินที่ลอยได้ มีพื้นที่ถึงพันหมู่ ด้านบนสิ่งก่อสร้างเรียงราย ทั้งศาลาหอสูง ลำธารภูเขาเทียม สิ่งสวยงามตั้งอยู่เต็มไปหมด
ตอนที่บินจากขอบฟ้าไกลๆ เข้ามาส่งเสียงกึกก้อง แสงสมบัติโคจร ทิ้งเงาดำบนแถบหนึ่งบนพื้นดิน
ผู้ฝึกปราณมากมายที่รวมตัวอยู่บริเวณเขาขลุ่ยหิมะกลั้นหายใจ จากนั้นสายตาพลันเปลี่ยนเป็นร้อนเร่าขึ้นมา เผยความปรารถนา
ยานข้ามโลกสามารถทะลวงผ่านกำแพงกั้นโลก ท่องไปยังเส้นทางฟ้าดาราไปเยือนโลกอื่นๆ หากไม่ใช่สำนักโบราณยิ่งใหญ่ไม่สามารถครอบครองได้!
การมียานข้ามโลก ก็เปรียบได้กับสัญลักษณ์หนึ่งของสำนักโบราณ
“มาแล้ว!”
กงหยางฉี่ฝืนกดความตื่นเต้นในใจ เงาร่างทะยานขึ้นฟ้าเข้าไปต้อนรับ
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นยานข้ามโลกลงจอดช้าๆ เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่มาจากสำนักยุทธ์เตาโอสถถูกกงหยางฉี่มารับด้วยตัวเอง มุ่งหน้าไปยังโถงใหญ่สำนักกระบี่สวรรค์ดำเนิน
……
ผู้ยิ่งใหญ่สำนักยุทธ์เตาโอสถที่มาครั้งนี้มีทั้งหมดเจ็ดคน ผู้นำคือหม่าไท่เจิ้นผู้อาวุโสแห่งสำนักยุทธ์เตาโอสถ เป็นระดับราชันอริยะที่เยี่ยมยอดสมคำร่ำลือ
คนอื่นๆ อีกหกคน มีห้าคนเป็นผู้ดูแล ล้วนเป็นระดับมกุฎมหาอริยะ
อีกคนที่เหลือคืออวี่อวิ๋นเหอ ศิษย์สืบทอดแท้สายในแห่งสำนักยุทธ์เตาโอสถ ทายาทของเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ พรสวรรค์โดดเด่น รากฐานพลังแข็งแกร่ง ครั้งนี้ติดตามหม่าไท่เจิ้นมาเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์
พลังต่อสู้ของเจ็ดคนนี้รวมกัน เพียงพอจะกวาดล้างทั้งโลกลำนำสวรรค์! และนี่เป็นเพียงแค่อานุภาพส่วนหนึ่งของสำนักยุทธ์เตาโอสถเท่านั้น
“นี่ก็คือสิบคนที่ถูกเลือกในครั้งนี้หรือ”
ในโถงใหญ่หม่าไท่เจิ้นกล่าว ผมและหนวดเคราของเขาราวกับหมึกดำ เสื้อคลุมสีฟ้าปักลายเตาโอสถ นั่งอยู่บนที่นั่งหลักตรงกลาง ทุกอิริยาบถล้วนมีบารมีประหนึ่งประมุข
สิบคนที่โดดเด่นในศึกราชันลำนำสวรรค์อย่างพวกมู่ซิวหย่วน หนานชิว ล้วนยืนอยู่ในโถงใหญ่อย่างเคารพนบนอบ
“ตอบกลับผู้อาวุโส เป็นสิบคนนี้แหละ”
กงหยางฉี่สีหน้าอ่อนน้อม แม้เขาจะเป็นเจ้าสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนิน ทว่าเผชิญหน้ากับผู้ยิ่งใหญ่ระดับหม่าไท่เจิ้น ไม่ว่าพลังปราณหรือฐานะล้วนต่ำกว่าหนึ่งช่วง
“ไม่เลวๆ”
หม่าไท่เจิ้นพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม จู่ๆ ก็ถามว่า “ใครคือมู่ซิวหย่วน”
ร่างของมู่ซิวหย่วนสะท้าน พลันก้าวออกมาคารวะแล้วกล่าว “ข้าน้อยมู่ซิวหย่วน คารวะผู้อาวุโส”
ในดวงตาหม่าไท่เจิ้นเผยประกายศักด์สิทธิ์ พินิจมู่ซิวหย่วนอย่างละเอียดครู่หนึ่งแล้วเผยรอยยิ้มพอใจออกมา พูดว่า “ก่อนข้ามา พี่สาวเจ้ามู่ซิวฉีก็บอกว่า หากเจอเจ้า จะไม่ทำให้ข้าผิดหวังแน่ ตอนนี้พอเจอกันก็เป็นอัจฉริยะคนหนึ่งตามคาด โดดเด่นในเหนือคน เป็นต้นกล้าที่ยากจะเห็นต้นหนึ่ง”
มู่ซิวหย่วนสีหน้าตื่นเต้น ในปากกลับพูดอย่างนอบน้อม “ผู้อาวุโสชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยไม่กล้ารับ”
ในโถงใหญ่ฮือฮาขึ้นมาระลอกหนึ่ง เผยสีหน้าประหลาดใจ เพิ่งจะรู้ว่ามู่ซิวหย่วนถึงกับมีพี่สาวคนหนึ่งฝึกปราณอยู่ในสำนักยุทธ์เตาโอสถ!
“ข้ากับพี่สาวเจ้าสนิทสนมกัน รอเจ้าไปสำนักยุทธ์เตาโอสถ หากเจอปัญหาอะไรก็มาหาข้าได้”
ทันใดนั้นอวี่อวิ๋นเหอที่นั่งอยู่ต่ำกว่าหม่าไท่เจิ้นพูดเสียงกังวาน
รูปลักษณ์ของเขาหล่อเหลา หน้าผากอิ่มเอิบ ยามกะพริบตาเผยปรากฏการณ์ประหลาดอย่างทะเลเมฆพลุ่งพล่าน ฟ้าร้องฟ้าผ่า ดูน่ากลัวอย่างที่สุด
“ขอบคุณศิษย์พี่ที่ดูแล!”
สีหน้ามู่ซิวหย่วนเผยความดีใจ
หลายคนในที่นั้นอดอิจฉาไม่ได้ ยังไม่ทันมุ่งหน้าไปฝึกปราณที่สำนักยุทธ์เตาโอสถด้วยซ้ำ ทว่าเส้นทางของมู่ซิวหย่วนกลับถูกคนปูไว้แต่แรกแล้ว!
“เช่นนั้นก็เอาแบบนี้แหละ พวกเราจะพักอยู่ที่นี่สามวัน สามวันหลังจากนี้จะพาสิบคนนี้จากไป กลับสู่โลกต้าอวี่”
ไม่นานหม่าไท่เจิ้นก็ประกาศเสียงกึกก้อง
“พวกเจ้าถอยไปก่อน”
กงหยางฉี่สั่ง ตอนนี้พวกมู่ซิวหย่วน หนานชิวทั้งสิบคน รวมถึงเหล่าศิษย์สำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินที่ไม่เกี่ยวข้องต่างออกจากโถงใหญ่ไป
“กงหยางฉี่ เจ้ามีเรื่องอะไร”
หม่าไท่เจิ้นถาม
ตึง!
ยามนี้กงหยางฉี่กระทำสิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคนออกมา มาถึงเบื้องหน้าหม่าไท่เจิ้นก็คุกเข่าลงพื้นโดยตรง กล่าวด้วยสีหน้าโศกเศร้า “ขอผู้อาวุโสโปรดช่วยสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินของข้า!”
พวกหม่าไท่เจิ้นต่างประหลาดใจ รู้สึกงงงัน
สำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินเป็นถึงสำนักใหญ่อันดับหนึ่งของโลกลำนำสวรรค์ ฐานะโดดเด่น เจ้าสำนักอย่างกงหยางฉี่ยิ่งเป็นถึงบุคคลอันดับหนึ่งแห่งโลกนี้ อิทธิพลท่วมฟ้า
ทว่าตอนนี้เขากลับคุกเข่าร้องขอให้ช่วยอยู่บนพื้น!
ชั่วขณะนี้ในใจหม่าไท่เจิ้นตัดสินได้แล้วว่า กงหยางฉี่จะต้องเจอปัญหาที่ยากจะรับมืออย่างที่สุดแน่ ไม่เช่นนั้นเหตุใดต้องคุกเข่าด้วย
ตอนที่หม่าไท่เจิ้นกำลังใคร่ครวญ อวี่อวิ๋นเหออดพูดอย่างประหลาดใจไม่ได้ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ท่านลองพูดมา”
กงหยางฉี่สีหน้าโศกเศร้าและเคียดแค้น ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเล่าเรื่องที่หลินสวินปรากฏตัววางอำนาจบาตรใหญ่ ข่มเหงสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินอย่างโหดร้าย
ปัง!
ฟังจบอวี่อวิ๋นเหอพลันตบโต๊ะยาวตรงหน้า พูดอย่างเดือดดาล “ช่างเป็นเจ้าโจรชั่วที่ใจกล้าคับฟ้านัก ถึงกับกล้าบีบให้น้องชายของศิษย์น้องซิวฉีคุกเข่า รนหาที่ตายชัดๆ!”
หม่าไท่เจิ้นและผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ต่างอดยิ้มขื่นไม่ได้ พวกเขารู้ดีว่าอวี่อวิ๋นเหอมีใจให้มู่ซิวฉี และกำลังเกี้ยวพาอยู่
การมาเยือนโลกลำนำสวรรค์ครั้งนี้ ที่อวี่อวิ๋นเหอมาด้วยก็เพื่อพบมู่ซิวหย่วน หมายจะฉวยโอกาสนี้เรียกความรู้สึกดีๆ ต่อมู่ซิวฉี
อวี่อวิ๋นเหอเคลื่อนสายตาไปมองหม่าไท่เจิ้นแล้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโสหม่า ในเมื่อพวกเรารู้เรื่องนี้แล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ช่วย ท่านคิดว่าอย่างไร”
หม่าไท่เจิ้นถอนหายใจในใจ เดิมทีเรื่องแบบนี้ หากกงหยางฉี่ไม่เสนอผลตอบแทนยิ่งใหญ่ เขาไม่มีทางสนใจ
สำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินประสบพิบัติเคราะห์ เกี่ยวอะไรกับสำนักยุทธ์เตาโอสถ
แต่ประโยคเดียวของอวี่อวิ๋นเหอกลับทำให้หม่าไท่เจิ้นรู้ว่า ครั้งนี้ไม่ช่วยคงไม่ได้ แต่ถ้ารับปากง่ายๆ เช่นนี้กลับจะทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก
เพราะอีกฝ่ายมีคุณสมบัติอะไรเล่า
แต่ตอนนี้เองกงหยางฉี่ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็กล่าวเสียงดัง “ผู้อาวุโส สำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินของข้ายินยอมมอบผลึกมรรคหนึ่งพันเม็ด โอสถเทพหมื่นปีสิบต้น เจตวัตถุชั้นเลิศจากธรรมชาติสามอย่าง ขอเพียงผู้อาวุโสลงมือ ช่วยสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินจากพิบัติเคราะห์อันหนักหน่วงนี้!”
ในดวงตาหม่าไท่เจิ้นมีประกายวาววาบผ่าน ใคร่ครวญเล็กน้อยก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เอาเถอะ ที่อวิ๋นเหอพูดก็ไม่ผิด ในเมื่อข้ารู้เรื่องนี้แล้วก็ย่อมไม่มีทางนิ่งดูดาย!”
คำพูดทรงพลัง ท่าทางน่าเกรงขาม
ผู้ยิ่งใหญ่สำนักยุทธ์เตาโอสถคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ต่างพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
แค่กำจัดมกุฎมหาอริยะคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้นกงหยางฉี่ยังรู้ความขนาดนี้ มอบผลตอบแทนมหาศาล ทำให้พวกเขาอยากปฏิเสธยังไม่ได้
“เวลาไม่คอยท่า กงหยางฉี่เจ้านำทาง พวกเราจะไปคิดบัญชีกับเจ้าคนคลั่งนั่นเดี๋ยวนี้! ข้าจะดูซิว่าเขาเป็นอริยเทพจากไหน ถึงกับกล้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้!”
อวี่อวิ๋นเหอลุกพรึ่บขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก
“เกินไปจริงๆ ไม่เพียงฆ่าคน ยังยึดครองถ้ำของคนอื่นฝึกปราณ พฤติกรรมที่น่ารังเกียจเช่นนี้ชวนให้คนโมโหจนผมตั้งจริงๆ”
หม่าไท่เจิ้นเองก็ลุกขึ้นกล่าวว่า “อวิ๋นเหอรังเกียจยิ่งเช่นนี้ รอไม่ได้แล้ว เช่นนั้นพวกเราลงมือกันเดี๋ยวนี้เลย รีบกำจัดเจ้าชั่วนี่ ทำให้กงหยางฉี่วางใจ”
“ขอบคุณผู้อาวุโสอย่างมาก!”
กงหยางฉี่เผยสีหน้าตื้นตันใจ ส่งเสียงสะอื้น
ความจริงในใจเขากำลังหลั่งเลือด ค่าตอบแทนที่จ่ายไปเป็นทรัพย์สินของสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินครึ่งหนึ่งเต็มๆ ใครจะไม่ปวดใจ
“จริงสิ เรียกมู่ซิวหย่วนมาด้วย ข้าจะให้เขาเห็นกับตา ว่าเจ้าชั่วที่เคยเย้ยหยันและเหยียบย่ำเกียรติยศของเขาจะตายอย่างไร”
อวี่อวิ๋นเหอนึกขึ้นมาได้จึงเอ่ยกำชับ
พวกหม่าไท่เจิ้นยังอดยิ้มไม่ได้ เวลาเช่นนี้อวี่อวิ๋นเหอยังไม่ลืมที่จะใช้เรื่องนี้ไปแสดงความรักต่อมู่ซิวฉีซึ่งอยู่ในสำนักอันห่างไกล
กงหยางฉี่ย่อมไม่มีความเห็น
……
ภูเขาด้านหลัง หน้าถ้ำสวรรค์แดนมงคลหนึ่ง
ยามกงหยางฉี่มาเยือนครั้งนี้ก็มั่นใจเต็มเปี่ยมแล้ว ในใจแฝงความตื่นเต้นและรอคอย แต่สีหน้าของเขายังคงนิ่งสงบมาก
“สหายยุทธ์หลินอยู่หรือไม่”
เขาพูดเสียงขรึม
“มีเรื่องอะไร”
ไม่นานเงาร่างของหลินสวินก็เดินออกจากถ้ำ เก็บซ่อนพลังขับเคลื่อนรอบตัว นิ่งสงบจนไร้ซึ่งกลิ่นอายแม้แต่เสี้ยวเดียว
หมื่นลักษณ์ไร้รูป กลับคืนสู่ความเที่ยงแท้!
กงหยางฉี่สูดหายใจเข้าลึกๆ กล่าวว่า “สหายยุทธ์ วันนี้ผู้สูงส่งแห่งสำนักยุทธ์เตาโอสถนั่งยานข้ามโลกมาเยือน หมายจะพบหน้าสหายยุทธ์สักครั้ง”
หลินสวินขานรับว่าอ้อ แล้วพูดเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ พวกเขามาได้จังหวะพอดี ข้าว่าจะนั่งยานข้ามโลกจากไป ต้องพบพวกเขาสักหน่อยจริงๆ”
กงหยางฉี่หัวเราะเยาะในใจ ยังคิดจะนั่งยานข้ามโลกหรือ กลัวว่าเจ้าคงไม่มีวาสนานี้!
และตอนนี้เองจู่ๆ หลินสวินก็ก้าวไปข้างหน้า ตบไหล่กงหยางฉี่พร้อมพูดด้วยสีหน้าอ่อนโยน “หลายวันนี้สหายยุทธ์คงใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข แต่สหายยุทธ์อย่าได้ทำเรื่องโง่ๆ เชียว ไม่เช่นนั้นให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวไม่ว่า กลัวว่าแม้แต่ทั้งบนล่างของสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินจะโดนลูกหลงไปด้วย”
ในใจกงหยางฉี่เย็นเยียบ ร่างกายแข็งทื่อขึ้นมา มีหรือที่เขาจะฟังน้ำเสียงข่มขู่ในคำพูดของหลินสวินไม่ออก
ทว่าพอนึกถึงพวกหม่าไท่เจิ้น ในใจของกงหยางฉี่ก็สงบลงไม่น้อย ฝืนยิ้มพูดว่า “สหายยุทธ์ล้อเล่นแล้ว”
หลินสวินยิ้มพูด “พวกเขาอยู่ไหน” ไอรีนโนเวล
กงหยางฉี่ชี้ไปที่ขอบฟ้าไกลออกไป “เหล่าผู้สูงส่งจากสำนักยุทธ์เตาโอสถกำลังนั่งดื่มและพูดคุยกันอยู่บนเมฆ ชื่นชมความงดงามของทะเลเมฆ”
สายตาหลินสวินมองไปแล้วถอนหายใจเอ่ย “สถานที่ดี แม้เกิดการต่อสู้ก็ไม่กระทบเขาเทพขลุ่ยหิมะ และไม่เป็นภัยใดๆ ต่อสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนิน”
รอยยิ้มของกงหยางฉี่แข็งค้าง ตกใจจนไม่สามารถสงบได้ หรือเจ้าหมอนี่เตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว
ฟุ่บ!
และยามนี้หลินสวินก็เอามือไพล่หลัง เงาร่างลอยขึ้นอากาศไป
“เจ้าหนุ่ม อย่าหาว่าข้ากงหยางฉี่ใจเหี้ยมเกินไป เป็นเจ้าบีบบังคับกันเกินไปต่างหาก!”
กงหยางฉี่มองหลินสวินจนลับสายตาไป แววตาเขาวูบไหว จากนั้นก็ผ่อนคลายลง เขาเองก็ตามไปโดยไม่ลังเลเช่นกัน อยากจะเห็นว่าหลินสวินถูกฆ่าตายอย่างไรกับตา!
……
ชั้นเมฆสูงไกลออกไป ทะเลเมฆพลิกม้วน พวกหม่าไท่เจิ้นยืนอยู่บนนั้น เสื้อผ้าพลิ้วไหว ราวกับกลุ่มเทพเซียนอย่างไรอย่างนั้น สง่างามอย่างที่สุด
มู่ซิวหย่วนเองก็อยู่ในกลุ่มพวกเขาด้วย สีหน้าของเขาฮึกเหิม ไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นในใจได้
ก่อนหน้านี้ยามได้ยินว่าเหล่าผู้ยิ่งใหญ่สำนักยุทธ์เตาโอสถอย่างพวกหม่าไท่เจิ้นจะลงมือกำจัดหลินสวิน เขาดีใจจนแทบจะกระโดดตัวลอยขึ้นมาแล้ว
‘การดูถูกเหยียดหยามที่ข้าได้รับ ต้องชำระกันคราวนี้! เจ้าสารเลวอย่างหนานชิวและเผ่ามู่ซางที่อยู่ด้านหลังนางก็หนีไม่พ้น!’
มู่ซิวหย่วนลอบกัดฟัน
ในหลายวันมานี้เขาแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ พอนึกถึงเหตุการณ์ที่ถูกบีบให้คุกเข่า หัวใจของเขาก็เจ็บปวดเหมือนถูกดาบแทง
ทว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกอย่างก็จะสลายไป!
“มาแล้ว”
หม่าไท่เจิ้นแววตาราวสายฟ้า มองไปไกลๆ
แทบจะในเวลาเดียวกัน ผู้แข็งแกร่งสำนักยุทธ์เตาโอสถอย่างพวกอวี่อวิ๋นเหอต่างมองไปโดยพร้อมเพรียงกัน
ก็เห็นท้องฟ้าระยะไกลมีเงาร่างหนึ่งเหยียบย่างทะเลเมฆเข้ามา เสื้อผ้าพลิ้วไหว ผมสีดำสยาย เป็นหลินสวินนั่นเอง!
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท