Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1798 คุกเข่ากับพื้น

ตอนที่ 1798 คุกเข่ากับพื้น
ถ้อยคำลอยๆ ของอวี่ปี้คง กลับสำแดงวิธีการที่เรียกได้ว่าพลิกสถานการณ์ได้ตามใจ
ทุกคนต่างอ้ำอึ้งทันที
แต่เวลานี้เองอวี่เสวี่ยหลินผู้อาวุโสของตระกูลอวี่พลันแค่นเสียงเย็นชากล่าว “สร้างปัญหาจริงๆ เจ้าเป็นผู้นำตระกูลที่น่าเกรงขาม ยามนี้กลับปกป้องศัตรูที่ฆ่าคนในตระกูลอวี่ของข้า จะให้เชื่อถือได้อย่างไร”
“ที่ผู้อาวุโสกล่าวมาถูกต้องที่สุด”
บุคคลสำคัญพวกนั้นคึกคักขึ้นมา ฉวยโอกาสกล่าว “หากเรื่องนี้จบลงเช่นนี้ พวกข้าล้วนไม่ยอม!”
“ไม่ยอมรึ”
สายตาอวี่ปี้คงกวาดมองทุกคน ริมฝีปากขยับพูดออกมาเบาๆ ไม่กี่คำ “ทนไปสิ!”
ใบหน้าชราของทุกคนต่างร่วงกราว ทั้งคับแค้นและเดือดดาล
อวี่ปี้คงสีหน้าเรียบเฉย “ตอนนี้ข้ายังเป็นผู้นำตระกูลอวี่ เรื่องในตระกูลทุกอย่างแน่นอนว่าข้าต้องเป็นใหญ่”
“บังอาจ!”
อวี่เสวี่ยหลินโกรธจนผมตั้ง เขามีหรือจะฟังไม่ออกว่าอวี่ปี้คงกำลังเคาะกะโหลกเขา
“ปี้คง เจ้าจะดึงดันทำตามใจจริงรึ”
เขาสูดหายใจลึก สีหน้าเคร่งขรึม
เวลานี้บรรยากาศพลันตึงเครียด กดดันหาใดเปรียบ
ในใจอวี่อวิ๋นเหอก็อดกังวลขึ้นมาไม่ได้
เผชิญหน้ากับการโจมตีของบุคคลสำคัญในตระกูลมากเช่นนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าแรงกดดันที่ท่านพ่อต้องแบกรับนั้นยิ่งใหญ่ระดับใด!
เวลานี้หัวคิ้วของอวี่ปี้คงค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน กล่าวเสียงขรึม “ท่านลุง นี่ท่านสงสัยข้าที่เป็นผู้นำตระกูลหรือ”
“ดีๆๆ!”
อวี่เสวี่ยหลินโกรธจนหน้าเขียว “ทุกคน พวกเจ้าล้วนเห็นแล้วว่าการกระทำนี้ของปี้คงโง่เขลาแค่ไหน ข้าขอเสนอให้ถอดตำแหน่งผู้นำตระกูลของเขา”
ทันทีที่คำพูดนี้กล่าวออกมา ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึง
บุคคลสำคัญของตระกูลอวี่ทั้งหมดสายตาวูบไหว บ้างประหลาดใจ บ้างตื่นเต้น และบ้างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
แม้แต่หลินสวินก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าเฒ่านี่จะเหี้ยมโหดเช่นนี้
กลับเห็นอวี่ปี้คงสีหน้าเรียบเฉย “คิดจะถอดตำแหน่งผู้นำตระกูลของข้าหรือ ง่ายมาก ขอแค่ในหมู่ท่านลุง ท่านอาสิบสามคน มีคนเห็นด้วยเกินครึ่ง ข้าอวี่ปี้คงจะออกจากตำแหน่งผู้นำตระกูลทันที”
“ปี้คง นี่เจ้าพูดเองนะ”
อวี่เสวี่ยหลินพลันเผยรอยยิ้มลึกลับ
อวี่ปี้คงสีหน้าราบเรียบ ในใจกลับสั่นสะท้าน ผุดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาวูบหนึ่ง หรือเจ้าเฒ่านี่จะวางแผนไว้ล่วงหน้า
จริงดังคาด ครู่ต่อมาก็เห็นอวี่เสวี่ยหลินกล่าวด้วยเสียงดั่งฟ้าผ่า “ทุกท่าน การแสดงออกของปี้คงก่อนหน้านี้พวกเจ้าล้วนเห็นแล้ว ตอนนี้เชิญทุกท่านแสดงความเห็น!”
ประโยคเดียวทำให้ทั้งที่นั้นต่างตระหนก ขอแค่ไม่โง่ก็จะตระหนักได้ว่าอวี่เสวี่ยหลินวางแผนไว้ล่วงหน้าอย่างเห็นได้ชัด!
เหล่าบุคคลสำคัญในที่นั้นสีหน้าแตกต่างกันออกไป ในใจต่างคิดคำนวณอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วเกินไปแล้ว ใครก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องที่เดิมทีเป็นแค่การมุ่งเป้าไปที่คนนอก จะถูกอวี่เสวี่ยหลินถือโอกาสชิงลงมือตามสถานการณ์มาแย่งตำแหน่งผู้นำตระกูลของอวี่ปี้คงไป
ช่างสะเทือนใต้หล้าเกินไปแล้ว ฟ้าจะเปลี่ยนแล้วจริงๆ!
“ปี้คง เจ้าทำให้พวกเราผิดหวังมาก ข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของเสวี่ยหลิน”
รุ้งเทพสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ กลายเป็นชายชราอ้วนเตี้ยคนหนึ่ง
“ข้าเห็นด้วย”
“ข้าก็เห็นด้วย”
จากนั้นก็ทยอยมีเงาร่างสายแล้วสายเล่าปรากฏ ล้วนเป็นบุคคลระดับอาวุโสบางส่วนในตระกูลอวี่ที่ปลีกตัวออกจากทางโลก
บรรยากาศในที่นั้นกดดันยิ่งกว่าเดิมทันที อากาศเหมือนชะงักค้าง
อวี่อวิ๋นเหอสีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่ มือเท้าเย็นเยียบ ในใจตะโกนลั่น ‘นี่คือแผนชั่วที่เตรียมไว้ล่วงหน้า! แผนชั่ว!’
หลินสวินสังเกตการณ์ทุกอย่างนี้อยู่ข้างๆ เงียบๆ ในใจก็ทอดถอนใจ เหตุการณ์ต่างๆ ตรงหน้านี้ช่างปรวนแปรจริงๆ
และตนก็แค่มาได้จังหวะ ทำหน้าที่เป็นตัวนำโดยไม่ตั้งใจเท่านั้น
“ข้าก็เห็นด้วย”
หลังจากบุคคลระดับอาวุโสคนที่เจ็ดของตระกูลอวี่ปรากฏตัวและแสดงออกว่าเห็นด้วย บรรยากาศในที่นั้นก็เหมือนภูเขาไฟที่สะกดกลั้นมานาน ระเบิดออกอย่างสมบูรณ์
มีคนเก็บกลั้นความยินดีในใจไว้ไม่อยู่ เปล่งเสียงหัวเราะลั่น “ฮ่าๆ อวี่ปี้คงเจ้าจบเห่แล้ว ตั้งแต่นี้ไปเจ้าไม่ใช่ผู้นำตระกูลอีกต่อไปแล้ว!”
ตามกฎถ้าผู้อาวุโสของตระกูลสิบสามคนเห็นด้วยเกินครึ่ง อวี่ปี้คงจะเสียตำแหน่งผู้นำตระกูลไป
และตอนนี้เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว!
ทุกคนในที่นั้นแตกตื่น บุคคลสำคัญของตระกูลอวี่มากมายสีหน้าแตกต่างกันออกไป มีคนยากจะเชื่อ มีคนยินดีเกินต้าน บ้างก็มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
“อวี่ปี้คง เพื่อคนนอกที่ไม่สลักสำคัญคนหนึ่ง กลับต้องทิ้งตำแหน่งผู้นำตระกูล เฮ้อ เจ้า… จะหาเรื่องใส่ตัวทำไม”
มีคนกล่าวเยาะหยัน
แม้แต่คนรุ่นหลังอย่างพวกอวี่อวิ๋นเจิง ยามนี้ก็ยังรู้สึกเหมือนฝันไป ปลดตำแหน่งของผู้นำตระกูลเช่นนี้เลยหรือ
ขิงแก่ย่อมเผ็ดตามคาด!
“นี่คือแผนชั่ว!”
อวี่อวิ๋นเหอโกรธจนตะโกนลั่น
อวี่ปี้คงตบบ่าของเขาแล้วกล่าว “พบพานเรื่องใหญ่ต้องทำใจให้นิ่งสงบ อวิ๋นเหอ เรื่องยังไม่จบอย่าทำใจให้วุ่นวาย”
“ท่านพ่อ…”
ขอบตาของอวี่อวิ๋นเหอแดงไปหมด
เขารู้สึกว่าทุกอย่างนี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะเขา ทำให้เขาละอายใจเกินต้าน
“ปี้คง ตอนนี้เจ้ายังมีอะไรจะพูดไหม”
อวี่เสวี่ยหลินสีหน้าน่าเกรงขาม หว่างคิ้วเจือความยโสโอหัง การต่อสู้ที่มองไม่เห็นนี้ได้ปิดฉากแล้ว
และเขาอวี่เสวี่ยหลินก็เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด
อวี่ปี้คงทอดถอนใจ “ข้าแค่คิดไม่ถึงว่าพวกท่านก็จะทำเรื่องสกปรกโสมมเช่นนี้ด้วย ดูท่าว่าพวกท่านจะไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับให้ลูกชายของข้าชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้ข้าอวี่ปี้คงรับตำแหน่งผู้นำตระกูลมานานแล้วเช่นกัน”
พวกอวี่ปี้หยวนที่อยู่ใกล้เขาต่างร้อนรน พวกเขาเป็นผู้ช่วยที่มีฝีมือที่สุดของอวี่ปี้คง เมื่อเห็นว่าเขาเจอเคราะห์ใหญ่อย่างไม่คาดฝันก็ต่างเดือดดาลเกินต้าน
“หึๆ เรื่องของเจ้าอีกเดี๋ยวค่อยคุยกันก็ยังไม่สาย ตอนนี้เป็นเวลาจัดการเจ้าคนนอกคนนี้แล้ว”
อวี่เสวี่ยหลินยิ้มขึ้นมา สายตามองไปยังหลินสวินที่อยู่ห่างออกไป
คนอื่นในที่นั้นก็มองตามไปด้วย สีหน้าเยียบเย็น
ตอนนี้เจ้าหนุ่มที่ไร้การคุ้มครองจากอวี่ปี้คงคนนี้ ยังจะเอาอะไรมามีชีวิตรอด
พวกอวี่อวิ๋นเจิงยิ่งเอ็ดตะโรขึ้นมา “ผู้อาวุโส ฆ่าเขาเลย!”
“พวกเจ้ากล้า!”
อวี่อวิ๋นเหอพุ่งออกมา ดวงตาแดงก่ำราวกับคลุ้มคลั่ง “คิดทำร้ายเพื่อนของข้า ก็ฆ่าข้าก่อนค่อยว่ากัน!”
แต่ในสายตาคนอื่นการกระทำนี้ของเขากลับดูไร้กำลังและน่าขันนัก
สถานการณ์ตอนนี้ชัดเจนเช่นนี้แล้ว อวี่อวิ๋นเหอที่สูญสิ้นอิทธิพลจะเรียกคลื่นลมอะไรได้อีก
“อวิ๋นเหอ เรื่องในวันนี้เจ้าก็ยากพ้นความผิด รอข้าสังหารเจ้าชั่วนี่แล้วค่อยมาคิดบัญชีกับเจ้าและพ่อของเจ้า!”
อวี่เสวี่ยหลินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
ตูม!
พลังที่น่ากลัวสายหนึ่งม้วนแผ่ปกคลุมไปทางหลินสวินที่อยู่ห่างออกไป
ระดับกึ่งจักรพรรดิ!
นัยน์ตาดำของหลินสวินหดรัด แต่สีหน้ายังนิ่งสงบเหมือนเดิม ถึงขั้นที่ว่าเขายังไม่ขยับตัวสักนิด มองดูเงียบๆ อยู่อย่างนั้น
เพี๊ยะ!
เสียงตบดังฟังชัด
หลินสวินยืนอยู่จุดเดิม ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
แต่อวี่เสวี่ยหลินที่อยู่ตรงหน้าเขากลับถูกฝ่ามือที่มองไม่เห็นฟาดใส่เต็มๆ ใบหน้าชราบวมเป่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง
ร่างของเขาซวนเซแทบร่วงลงไปกองกับพื้น แค่คิดก็รู้แล้วว่าพลังของฝ่ามือนี้แข็งแกร่งระดับใด!
ทั้งที่นั้นงงงวย ตกตะลึงอ้าปากค้าง นี่มันเรื่องอะไรกัน
บุคคลระดับอาวุโสคนหนึ่งที่น่าเกรงขามของเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ ตัวตนระดับกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งที่ชื่อเสียงสั่นสะเทือนโลกต้าอวี่เมื่อนานมาแล้ว ถึงกับถูกคนตบหน้ายามลงมือ?
เหล่าบุคคลสำคัญที่ตื่นเต้นดีใจรอดูเรื่องสนุกพวกนั้น แต่ละคนต่างสูดหายใจเย็นเยียบ สีหน้าแปรเปลี่ยนครั้งใหญ่
ใครเป็นคนลงมือ
ผู้อาวุโสคนอื่นในที่นั้นก็ต่างเครียดขมึง นัยน์ตาบีบหดรัดตัว
“นี่…”
อวี่อวิ๋นเหอที่ร้อนใจดั่งเพลิงผลาญเกือบจะคลุ้มคลั่ง ก็ยังอึ้งงันยากจะเชื่อ
มีเพียงอวี่ปี้คงที่ไม่ตระหนก เขาเหมือนคาดเดาไว้แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ เพียงแต่นัยน์ตายังคงมีคลื่นประหลาดถาโถม
“เจ้าสวะตัวไหน ถึงกับกล้าลอบโจมตีข้ารึ”
อวี่เสวี่ยหลินเดือดจัด เขาถึงกับถูกตบภายใต้สายตาผู้คน หากกระจายออกไปต้องขายขี้หน้าแน่
เพี๊ยะ!
ยังไม่ทันสิ้นเสียง อวี่เสวี่ยหลินก็ถูกฝ่ามือหนึ่งตวัดใส่อีกครั้ง จมูกปากกบเลือด ฟันร่วงหลุดลงมาหลายซี่ คำรามเสียงอู้อี้อย่างเจ็บปวด
ครั้งนี้ทุกคนในที่นั้นไม่ได้ตกตะลึง หากแต่ตื่นตระหนก!
สามารถตบหน้ากึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งโดยไม่มีใครรู้ตัวเช่นนี้ได้ นี่ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว
“เป็นใครกันแน่”
อวี่เสวี่ยหลินโกรธจนไม่อาจยับยั้งได้ แทบจะคลุ้มคลั่งแล้ว ใบหน้าชราของเขาบวมเป่งเหมือนหัวหมู ไม่ต้องพูดถึงว่าน่าสลดแค่ไหน
ฟุ่บๆๆ!
บุคคลระดับอาวุโสคนอื่นในที่นั้นต่างเคลื่อนไหว คุ้มกันอยู่หน้าอวี่เสวี่ยหลิน แปลกใจสงสัยไม่หยุด
นี่เป็นถึงอาณาเขตเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ของพวกเขา อาศัยอยู่ที่นี่มารุ่นต่อรุ่น แต่ยามนี้กลับเกิดเรื่องสยองขวัญน่าตระหนกเช่นนี้ขึ้น ทำให้พวกเขาต่างลนลานอยู่บ้าง
ส่วนคนอื่นในที่นั้นก็ตะลึงอึ้งโดยสิ้นเชิง ถูกทำให้ตระหนกอยู่ตรงนั้น ขนพองสยองเกล้า
“อับอายขายหน้า นี่มันใช้ได้ที่ไหน!”
ท่ามกลางความเงียบมีเสียงแน่วนิ่งทรงพลังหนึ่งดังขึ้น ทุกคำดั่งสายฟ้าฟาด กระเทือนจนคนไม่น้อยเบื้องหน้าพร่าเลือน ยากจะรับจนเกือบกระอักเลือด
และเสียงนี้ก็ทะลวงเข้าไปในหูของบุคคลระดับอาวุโสพวกนั้น เหมือนถูกกำราบด้วยสิ่งที่น่ากลัวที่สุดบนโลก
ทั้งหมดไม่ทันได้ดิ้นรนอย่างสิ้นเชิง พลังที่น่ากลัวไร้สิ้นสุดปกคลุมไปทั่วร่าง ทำให้บุคคลระดับอาวุโสเจ็ดคนนี้รวมถึงอวี่เสวี่ยหลินคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกัน
ทั้งที่นั้นต่างเงียบเชียบ
แต่ละคนต่างเบิกตากว้าง ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น
ในเวลานี้เองกลางอากาศพลันเกิดคลื่นสะเทือน เงาร่างของชายชราชุดนักพรตคนหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ผมเผ้าหนวดเคราดำสนิท แววตานิ่งสงบ เงาร่างเหมือนภาพมายา พาให้ผู้คนรู้สึกว่ายิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต
นี่คือ…
ทุกคนพลันหยุดหายใจ เมื่อเผชิญหน้ากับชายชราชุดนักพรตคนนี้ก็รู้สึกว่าตัวเล็กจ้อยเหมือนดั่งมด
ประหนึ่งว่าเขาคือนายเหนือหัวคนเดียวที่อยู่กลางฟ้าดิน สูงส่งที่สุด!
“สหายน้อย คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะได้พานพบกันอีก แต่กลับทำให้เจ้าเห็นเรื่องน่าขันแล้ว”
ทันทีที่ชายชราชุดนักพรตปรากฏตัว ก็เหลือบสายตามองไปทางหลินสวินที่อยู่ห่างออกไป ใบหน้าเผยรอยยิ้มขื่น
คนใหญ่คนโตบางส่วนในที่นั้นรู้ฐานะของชายชราชุดนักพรตอยู่ก่อนแล้ว ยามนี้ร่างกายต่างแข็งทื่อ ในใจมีคลื่นซัดสาด
หลินสวินยิ้มกล่าว “ผู้อาวุโส ข้าก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้”
ชายชราชุดนักพรตทอดถอนใจกล่าว “อาภัพเรื่องทางบ้าน เหล่าคนรุ่นหลังในตระกูลอวี่ของข้า… นับวันยิ่งไม่เอาไหนแล้ว…”
เวลานี้อวี่ปี้คงสูดหายใจเข้าลึกๆ ก้าวมาข้างหน้า โค้งคำนับแล้วกล่าวอย่างเคารพ “ลูกหลานเนรคุณอวี่ปี้คง คารวะผู้อาวุโสชิงหยาง!”
ทุกคนในที่นั้นที่เดิมทีก็แปลกใจสงสัยไม่หยุด เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ละคนราวกับถูกฟ้าผ่า
ผู้อาวุโสชิงหยาง!
ที่แท้… ที่แท้ผู้อาวุโสก็กลับมาแล้ว!
ไม่แปลกที่จะตบหน้าอวี่เสวี่ยหลินได้อย่างไร้สุ้มเสียง ไม่แปลกที่จะกำราบบุคคลสำคัญระดับอาวุโสทั้งหมดให้คุกเข่าลงได้
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสชิงหยาง เหล่ากึ่งจักรพรรดิอย่างพวกอวี่เสวี่ยหลินก็เป็นแค่เด็กรุ่นหลัง ไม่สามารถสร้างแรงคุกคามได้อย่างสิ้นเชิง!
พลั่ก! พลั่ก!
ก็เห็นพวกอวี่เสวี่ยหลินตกใจจนล้มพับลงไปกับพื้นทีละคน สั่นไปทั้งตัว
เดิมทีพวกเขายังคับแค้นและอับอายเกินต้าน เดือดดาลหาใดเปรียบ แต่ตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็รู้แล้วว่าคู่ต่อสู้เป็นใคร ยามนี้ในใจประหวั่นพรั่นพรึงอย่างยิ่งยวด
…….
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท