ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 33 แขก (ปลาย)

ตอนที่ 33 แขก (ปลาย)

 

กลับมาถึงตรอกกงเสียนของเป่าต้าฟัง ก็เป็นช่วงพลบค่ำแล้ว 

คุณนายใหญ่ สะใภ้กู้พยุงนายหญิงใหญ่ลงมาจากรถม้าแล้วพูดเบาๆ “ท่านแม่ นายท่านสองกับนายหญิงสามมาแล้วเจ้าค่ะ!” 

นายหญิงใหญ่ตกใจ “ยังไม่กลับไปอีกหรือ” 

“ยังเจ้าค่ะ!” คุณนายใหญ่พูดเบาๆ “คุณหนูสี่ก็ตามมาด้วยเจ้าค่ะ…” 

นายหญิงใหญ่เลิกคิ้ว “นางมาทำอะไรที่นี่” 

มีเสียงหัวเราะดังออกมาจากเรือนหลัก 

สืออีเหนียงกำลังจะเดินลงจากรถม้า ได้ยินเสียงหัวเราะนั้นนางก็หยุดเดินทันที 

มันคือเสียงหัวเราะของนายท่านสอง… 

เยี่ยนจิงปิดเมืองตอนหนึ่งทุ่ม ตอนนี้ก็จะทุ่มแล้ว ไม่รู้ว่าหวงหวาฟังไกลจากที่นี่มากแค่ไหน ครึ่งชั่วโมงจะกลับไปทันหรือไม่… 

นางครุ่นคิด เสียงหัวเราะนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ได้ยินเสียงพูดของนายท่านสองอย่างชัดเจน“…พี่ใหญ่ เช่นนั้นพรุ่งนี้เช้าข้ามาหาเจ้า” 

เสียงที่อ่อนโยนของนายท่านใหญ่ตอบกลับ “เช่นนั้นข้าจะรอเจ้า กินข้าวเช้าด้วยกันแล้วค่อยไป” 

ทันทีที่พูดจบ เงาของนายท่านใหญ่และนายท่านสองก็ปรากฏขึ้นที่หน้าประตูฉุยฮวา ทั้งนอกทั้งใน ทุกคนเจอกันเข้าจังๆ 

“กลับมาแล้วหรือ!” นายท่านใหญ่ยิ้มทักทายนายหญิงใหญ่ และนายท่านสองก็ตะโกนว่า “พี่สะใภ้” 

นายหญิงใหญ่คุกเข่าคำนับทั้งสองคน พูดว่า “ท่านพี่” ด้วยความเคารพ จากนั้นก็เรียกนายท่านสองว่า “น้องรอง” 

จากนั้นก็มีผู้หญิงอายุราวสี่สิบเดินออกมาจากข้างหลังของทั้งสองคน ผิวขาว หน้ายาว สวมเสื้อกั๊กยาวลายดอกและผีเสื้อสีชาเขียว เครื่องประดับบนหัวมีหยกเจ้าแม่กวนอิมสีทอง ไข่มุกซีหยางเม็ดใหญ่และดอกเหมย ถูกโคมไฟที่แขวนอยู่บนประตูฉุยฮวาสาดส่อง ไข่มุขเป็นประกายระยิบระยับ 

“พี่สะใภ้ใหญ่” นางยิ้มและคำนับนายหญิงใหญ่ “ข้ารู้ว่าท่านมา ข้าจึงพาลูกๆ สองสามคนมาคารวะท่าน ใครจะไปรู้ว่าท่านกลับไปจวนหย่งผิงโหว… จึงรอจนถึงตอนนี้ โชคดีที่รอจนเจอท่าน” 

นางคือนายหญิงสอง สะใภ้อวี้ 

“ทำให้เจ้ารอนานแล้ว” นายหญิงใหญ่คำนับนายหญิงสอง จากนั้นก็มีหญิงสาวเดินออกมาจากข้างหลังนายหญิงสองและตะโกนออกมาว่า “ท่านป้า”  

ผู้หญิงคนนั้นอายุราวยี่สิบต้นๆ รูปร่างสูงผอม ผิวขาว คิ้วโค่งงาม มองดูสบายตา  

“ซื่อเหนียง!” นายหญิงใหญ่ยิ้มและทักทายผู้หญิงคนนั้น “คิดไม่ถึงว่าเจ้าก็มาด้วย!” 

“เดิมทีข้าไปหาท่านแม่ ถึงได้รู้ว่าท่านมาเยี่ยนจิง จึงมาคารวะท่านกับทานแม่” ซื่อเหนียงยิ้มราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ “ได้ยินมาว่าท่านไปจวนหย่งผิงโหว พี่หญิงสบายดีหรือไม่เจ้าคะ?” 

นายหญิงใหญ่ยิ้มและพยักหน้า “สบายดี! เจ้ายังรู้จักเป็นห่วงนาง” 

“เช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ” ซื่อเหนียงถอนหายใจอย่างโล่งอก “ข้าได้ยินคนบอกว่าพี่หญิงป่วยหนัก และข้าก็กำลังอยู่เดือน ไม่สะดวกที่จะออกไปนอกเรือน ข้าเป็นห่วงนางมาตลอด!” 

เมื่อเจ็ดปีก่อน นายหญิงสามเป็นคนรับรอง แนะนำซื่อเหนียงให้แต่งงงานกับอวี๋อี๋ชิงลูกชายคนโตของอวี๋ไหน่กุยขุนนางศาลต้าหลี่ ใครจะไปรู้ นางเพิ่งจะแต่งเข้าไปยังไม่ถึงสองปี อวี๋ไหน่กุยก็ล้มป่วยตาย นางกลับไปอยู่ที่ฟู่หยางกับแม่สามี เดิมทีสกุลอวี๋เป็นสกุลยากจน หลังจากที่อวี๋ไหนกุยเข้าไปเป็นบัณฑิตชั้นสูงถึงได้ค่อยๆ ทำกิจการของตะกูล กิจการสัตว์น้ำทั้งหมดมีไม่เกินสี่ห้าร้อยไร่ มีเรือนทั้งในเมืองและนอกเมือง รวมถึงอวี๋อี๋ชิงมีพี่น้องเยอะ ชีวิตค่อนข้างจะตึงเครียด นายหญิงสองสงสารลูกตัวเอง นางจะบอกให้คนเอาเงินห้าร้อยตำลึงของตัวเองส่งไปที่ฟู่หยางทุกปี 

อวี๋อี๋ชิงก็เป็นคนมีความรู้ เป็นจู่เหรินในปีเจี้ยนอู่ที่ห้าสิบเก้า ปีต่อมาฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ เปิดการสอบอีกครั้ง เขาสอบไม่ผ่าน นายหญิงสองจึงให้เหตุผลว่าฟู่หยางไม่มีอาจารย์ที่ดี รับลูกสาวและลูกเขยกลับมาที่เยี่ยนจิง จากนั้นก็ใช้เส้นของนายท่านสองเข้าไปเรียนในสำนักศึกษา ช่วยเช่าเรือนที่อยู่ใกล้ๆ กับตรอกเหล่าจวินถังให้พวกเขาอยู่ 

อาจจะเพราะว่ามีความช่วยเหลือจากท่านแม่ ซื่อเหนียงที่สงบเสงี่ยมมาโดยตลอดคลอดลูกชายติดต่อกันสองคน คนเล็กเพิ่งจะเกิดเมื่อเดือนที่แล้ว 

“ลูกเจ้าสบายดีหรือไม่?” นายหญิงใหญ่ยิ้มและพูดคุยกับนาง “สองสามวันก่อนข้าส่งคนส่งเออเจียว[1]ของซานตงไปให้เจ้า เจ้าได้รับแล้วหรือยัง ชอบหรือไม่ ของสิ่งนั้นเป็นยาบำรุงร่างกายชั้นดี” 

“ได้รับแล้วเจ้าค่ะ!” ซื่อเหนียงรีบตอบกลับนายหญิงใหญ่ “ขอบพระคุณท่านป้าที่เป็นห่วงเจ้าค่ะ” 

อู่เหนียงและสืออีเหนียงถือโอกาสเดินเข้าไปคำนับนายหญิงใหญ่และซื่อเหนียง  

ซื่อเหนียงคำนับกลับ สะใภ้ติงนายหญิงสามพาชีเหนียงออกมาคำนับนายหญิงใหญ่ อู่เหนียงและสืออีเหนียง เต็มไปด้วยบรรดาหญิงสาว คึกคักเป็นอย่างมาก  

นายท่านใหญ่ยิ้มแล้วพูดว่า “ยืนอยู่ที่นี่คงจะไม่งาม เช่นนั้น เข้าไปดื่มชาในเรือนกันเถิด” 

นายหญิงสองอยากจะเข้าไป แต่นายท่านสองกลับพูดว่า “ดึกแล้ว พรุ่งนี้ข้ากับเจ้ายังต้องไปจวนสกุลหลิ่ว ยังมีเวลาอีกมากมาย” 

นายท่านใหญ่ไม่ได้รั้งแขกไว้ เขาพูดแค่ว่า“เดินทางปลอดภัย” จากนั้นก็เรียกหลัวเจิ้นซิ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ ช่วยส่งแขก ตัวเองและนายหญิงใหญ่ยืนอยู่ที่ประตูฉุยฮวา มองรถม้าแล่นออกไปแล้วถึงได้กลับเข้าไปในเรือน  

นายหญิงใหญ่เอ่ยถามว่า “พรุ่งนี้ท่านจะไปจวนสกุลหลิ่วเช่นนั้นหรือ ทำไมถึงไม่บอกข้า ข้าจะได้เตรียมตัว ท่านจะทำอะไรที่จวนสกุลหลิ่ว” 

นายท่านสามของสกุลหลัวแต่งงานกับลูกสาวคนเล็กของหลิ่วเก๋อเหล่าสกุลหลิ่ว หลังจากที่นายท่านคนก่อนของสกุลหลัวส่งมอบบรรดาศักดิ์ หลิ่วเก๋อเหล่าคอยดูแลสามพี่น้องสกุลหลัว และสามพี่น้องสกุลหลัวก็เคารพหลิ่วเก๋อเหล่าเป็นอย่างมาก นอกจากเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง เทศกาลไหว้พระจันทร์และเทศกาลตรุษจีน วันเกิดของหลิ่วเก๋อเหล่า รวมไปถึงตอนที่คุณชายของสกุลหลิ่วแต่งอนุภรรยา สกุลหลัวก็จะส่งผู้ดูแลไปแสดงความยินดีเสมอ 

“พึ่งตัดสินใจ” นายท่านใหญ่ขมวดคิ้ว ท่าทางดูไม่ค่อยสบายใจ “หลิ่วเก๋อเหล่าทะเลาะกับเฉินเก๋อเหล่าเรื่องของภาษีชา เขาส่งมอบบรรดาศักดิ์ไปด้วยความโมโห ใครจะรู้ว่าฮ่องเต้กลับอนุญาต…” 

“อะไรนะ” นายหญิงใหญ่ตกใจ “เป็นเช่นไรได้เช่นไรกัน” 

“เขาจะออกไปจากเมืองหลวงวันมะรืน” นายท่านใหญ่สีหน้ามืดมนลง “ข้าได้ยินที่น้องสามบอก น้องสองได้ยินมาว่าเจ้ามา กะว่าจะชวนน้องสามมาที่เรือน ใครจะไปรู้ กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น น้องสามจึงรีบกลับไปที่จวนสกุลหลิ่ว!” 

นายหญิงใหญ่สีหน้าสับสน นางโบกมือให้อู่เหนียงและสืออีเหนียงด้วยความหงุดหงิด “วันนี้พวกเจ้าก็เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว ไปพักผ่อนกันเถิด!” 

อู่เหนียงและสืออีเหนียงย่อเข่าคำนับอย่างรู้ความ “เจ้าค่ะ” และเมื่อทั้งสองคนยืนขึ้น นายท่านใหญ่และนายหญิงใหญ่ก็เดินเข้าไปในห้องแล้ว แต่ยังคงได้ยินเสียงพูดคุยกันของพวกเขาอย่างแผ่วเบา 

“หยวนเหนียงสบายดีหรือไม่?” 

“สบายดีเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของนายหญิงใหญ่ตึงเครียด “พอดีเลย ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน…” 

เสียงเบาลงเรื่อยๆ ในเรือนกลับมาสงบเหมือนเดิม  

อู่เหนียงและสืออีเหนียงเดินกลับไปที่เรือนข้างหลัง 

****** 

รุ่งสางของวันต่อมา นายท่านใหญ่กินข้าวเช้ากับนายท่านสอง จากนั้นทั้งสองคนก็ออกไปจวนสกุลหลิ่วด้วยกัน 

ตอนที่อู่เหนียงและสืออีเหนียงไปคารวะนายหญิงใหญ่ นายหญิงใหญ่กำลังเหม่อลอย แม้แต่การมาของซิวเกอก็ไม่ทำให้นางมีความสุขขึ้นมาได้ นางให้แม่นมอุ้มซิวเกอออกไป เหลือไว้แค่คุณนายใหญ่คนเดียว… 

พวกนางทั้งสองเดินออกมา อู่เหนียงยิ้มและมองมาที่สืออีเหนียง “จะว่าไปแล้ว เราสองคนพี่น้องไม่ได้นั่งคุยกันตั้งนานแล้ว ถือโอกาสวันนี้ไม่มีอะไรทำ น้องหญิงมาดื่มชาที่ห้องข้าสิ!” ไม่เย็นชาเหมือนแต่ก่อนแล้ว  

สืออีเหนียงตกใจ  

หากอู่เหนียงยังไม่บรรลุเป้าหมาย นางก็ไม่มีทางทำดีกับตัวเองแน่นอน 

ความอ่อนโยนและสนิมสนมเช่นนี้ เกรงว่านางคงจะมีเป้าหมายอะไรแน่นอน! 

แต่ไม่ว่านางจะมีเป้าหมายอะไร หากตัวเองไม่สนใจ อู่เหนียงอาจจะคิดว่าตัวเองกำลังจะประกาศสงครามกับนาง? 

สืออีเหนียงครุ่นคิด นางยิ้มและพูดว่า “ได้เจ้าค่ะ! เราไม่ได้นั่งดื่มชาด้วยกันตั้งนานแล้วจริงๆ!” 

อู่เหนียงยิ้ม ท่าทางพอใจสืออีเหนียงเป็นอย่างมาก จากนั้นก็พานางไปที่ห้องของตัวเอง 

มองออกว่า คุณนายใหญ่ตั้งใจต้อนรับพวกนางมากแค่ไหน ไม่เพียงแต่ของตกแต่งของเรือนทิศตะวันออกและทิศตะวันตกที่เหมือนกันเท่านั้น แม้แต่สิ่งของเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นถ้วยและเบาะรองเก้าอี้ก็เหมือนกัน ไม่แบ่งแยก  

พวกนางนั่งลงบนเตียงใกล้หน้าต่าง จื่อเวยยกชาขึ้นมา อู่เหนียงยิ้มและพูดกับสืออีเหนียงว่า“ข้าอยากจะพูดเรื่องส่วนตัวกับเจ้า” นางพูดแล้วก็บอกให้จื่อเวยและคนอื่นๆ ออกไปข้างนอก   

สืออีเหนียงก็ยิ้มและบอกให้หู่พั่วออกไปข้างนอก 

เหลือเพียงพวกนางสองคนอยู่ในห้อง อู่เหนียงถอนหายใจ มองหน้าสืออีเหนียงด้วยความรู้สึกผิด “น้องหญิง ข้าเข้าใจเจ้าผิดไป ดังนั้นข้าจึงไม่อยากเห็นหน้าเจ้า… เจ้าอย่าได้โกรธข้าเลย” 

สืออีเหนียงตกใจ  

น้ำเสียงที่แผ่วเบาเช่นนี้ ดูเหมือนว่า อู่เหนียงแน่ใจแล้วว่าตัวเองจะได้มันมาครอบครอง? 

นางทำท่าทางไม่สบายใจ “พี่หญิง อย่าพูดเช่นนี้เจ้าค่ะ จะต้องเป็นข้าที่ทำอะไรผิดไปแน่นอน ถึงได้ทำให้พี่หญิงเข้าใจผิด” นางพูดแล้วเบิกตามองอู่เหนียง “พี่หญิง ข้า…” 

“มันเป็นความผิดของข้าเอง” อู่เหนียงทำท่าทางรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก “เจ้าไม่รู้ว่า ท่านแม่เลือกเจ้ากับข้ามาเยี่ยมพี่หญิงใหญ่ที่เยี่ยนจิง ก็แค่เพราะว่าพี่หญิงใหญ่แต่งงานแล้ว พี่ชายใหญ่ก็อยู่ที่เยี่ยนจิง ไม่มีใครคอยอยู่เคียงข้าง อยากจะหาบุตรสาวที่นางพอใจสองคนมาเป็นเพื่อน คอยพูดคุยหยอกล้อแก้เบื่อก็แค่นั้น” สีหน้าของนางเคร่งขรึม “ใครจะรู้ว่า เมื่อมีคนที่จิตใจไม่ดีรู้เรื่องนี้ ก็กลับกลายเป็นว่าจุนเกอร่างกายอ่อนแอ พี่หญิงอยากจะเลือกใครสักคนในบรรดาพี่น้องแต่งเข้าไปดูแลจุนเกอแทนนาง…” 

สืออีเหนียงแสร้งตกใจให้ความร่วมมือกับนาง “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยิน” 

“คนพวกนั้นบอกว่าน้องหญิงยังเด็ก ไม่อยากพูดต่อหน้าน้องหญิง” อู่เหนียงกลอกตาไปมา “แต่กลับมาพูดที่เรือนของข้า” นางหยุดพูดไปพักหนึ่ง “ข้าบอกเจ้าตามความจริง คนที่พูดเช่นนี้ก็คืออี๋เหนียงใหญ่และอี๋เหนียงสอง” 

สืออีเหนียงมองอู่เหนียงด้วยความตกใจ  

นางแต่งเรื่องเก่งจริงๆ! 

แต่ว่าอี๋เหนียงใหญ่และอี๋เหนียงสองก็ชอบวิ่งไปทั่ว บางที พวกนางอาจจะพูดเช่นนี้จริงๆ ก็ได้ 

อู่เหนียงเห็นอาการของสืออีเหนียง นางพอใจเป็นอย่างมาก ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เพียงเท่านี้ แล้วยังบอกว่าที่ท่านแม่พาพวกเราไปด้วยก็เพราะว่าจะให้พี่หญิงใหญ่เลือกหนึ่งคนจากพวกเรา ดังนั้น วันนั้นเจ้าไม่สบายแล้วยังมาถามเรื่องพี่หญิงกับข้า ข้าจึงโกรธมาก!” 

“พี่หญิง!” สืออีเหนียงมองอู่เหนียงด้วยความกังวลใจ “พี่หญิงคงจะไม่ได้คิดว่าข้าอยาก…ข้าไม่รู้จริงๆ ว่ามีเรื่องเช่นนี้… ข้าแค่อยู่บนเรือจนเบื่อ จึงอยากจะไปพูดคุยกับพี่หญิงก็แค่นั้น” นางพูดพร้อมกับทำท่าทางรู้สึกผิด “หากข้ารู้ ข้าควรจะบอกพี่หญิงให้ชัดเจน พี่หญิงจะได้ไม่เข้าใจผิดข้า!” 

“ไม่ ไม่ ไม่” อู่เหนียงรีบพูด “จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้ต้องโทษข้า ที่ไม่ได้บอกน้องหญิงให้ชัดเจน ข้าถึงได้…” นางก้มหน้าลง หน้าแดงก่ำ ท่าทางดูเขินอาย “ท่านแม่เคยบอกเรื่องนี้กบข้า…บอกว่าพี่หญิงไม่ค่อยสบาย กลัวว่าหากตัวเองเป็นอะไรไปจะไม่มีใครดูแลจุนเกอ พี่หญิงจึงอยากจะให้ใครสักคนในบรรดาพี่น้องไปช่วยดูแลจุนเกอ บอกว่าคนที่อายุเหมาะสมมีแค่ข้ากับสือเหนียง…แต่เจ้าก็รู้ว่า ท่านแม่ไม่ค่อยชอบสือเหนียง แล้วยังถามข้าว่า ข้าอยากไปหรือไม่…ผู้หญิงที่ไม่เคยออกเรือนอย่างข้า จะกล้าตอบได้เช่นไร…ดังนั้น ตอนที่ท่านแม่ให้ข้าไปเยี่ยนจิง ให้ตายเช่นไรข้าก็ไม่ยอมไป…ท่านแม่จึงบอกข้า บอกว่าหากไปคนเดียวทุกคนก็คงจะรู้กันหมด…ท่านแม่จึงให้ข้ากับเจ้ามาที่เยี่ยนจิง…” 

สืออีเหนียงตกใจ 

เพื่อตำแหน่งนั้นของหยวนเหนียง อู่เหนียงยอมทำทุกวิถีทาง… 

ด้วยนิสัยของนายหญิงใหญ่ ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องนี้จริงๆ แต่นางก็ไม่มีทางพูดออกมาแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นหยวนเหนียงก็ยังไม่ตาย! 

สำหรับคนที่ตัวเองรักที่สุด ไม่ว่าจะมีสติสัมปชัญญะมากแค่ไหน แต่นางก็จะต้องมีความหวัง คิดว่าหยวนเหนียงจะต้องกลับมาแข็งแรง แผนการที่เตรียมไว้ก็ไม่มีทางเอาออกมาใช้แน่นอน… 

 

 

[1] เออเจียว เป็นยาจีนที่ทำจากหนังลา มีสรรพคุณบำรุงเลือด บำรุงทารกในครรภ์ ใช้บรรเทาอาการประจำเดือนผิดปกติ นิยมใช้บำรุงร่างกายทั้งก่อนและหลังคลอด ในผู้ชายก็ใช้บำรุงเลือด ลดพิษบวม ปรับสมดุลในปอดและลำไส้ใหญ่ 

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท