หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – [เล่มที่หนึ่ง] ตอนที่ 1 ราชโองการแห่งสวรรค์

[เล่มที่หนึ่ง] ตอนที่ 1 ราชโองการแห่งสวรรค์

 

ความคิดสุดท้ายเมื่อความตายมาอยู่ตรงหน้าของหนานกงมั่วก็คือ ถ้าให้โอกาสฉันอีกครั้ง เมื่อได้เจอล่ะก็ ฉันจะบีบคอเจ้างั่งนั่นในทันที 

หากฉัน หนานกงมั่วจะต้องตายไปอย่างนี้จริงๆ นี่ก็คงจะเป็นความปรารถนาแสนวิเศษที่สุดในชีวิตที่เคยมีมาอย่างไม่ต้องสงสัย 

เรียกกันโดยทั่วไปก็คือ ความปรารถนาสุดท้ายของชีวิตนั่นเอง 

ทว่าเมื่อหนานกงมั่วลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งยัง…ไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ เลย แม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่รู้สึก หรือว่าเจ้างั่งนั่นจะไม่ได้จุดชนวนระเบิด ฉันตกใจจนหมดสติไปเองอย่างนั้นหรอ หรือว่า…ฉันจะโชคดีไม่ถึงตาย แค่นอนรักษาอยู่บนเตียงมาปีกว่า จนบาดแผลบนร่างกายหายไปจนหมดอะไรแบบนั้น 

หนานกงมั่ว มือสังหารอันดับหนึ่ง ครอบครัวนักฆ่าแห่งเอเชีย ผู้คนเรียกขนานนามว่าปีศาจสาวพันหน้า ครั้งแรกในชีวิตที่รับภารกิจช่วยเหลือคน ทว่าตัวประกันโง่เง่านั่นกลับไม่ทันระวังไปจุดชนวนระเบิดเข้าทั้งที่ภารกิจใกล้สิ้นสุด ที่แท้…การเป็นนักฆ่า ก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งกับงานของตำรวจ…  

“เอ๋ เด็กคนนี้ทำไมยังเด็กขนาดนี้” น้ำเสียงหยาบคายลอยเข้ามาในหู 

เด็ก…คงไม่ได้หมายถึงฉันหรอกใช่ไหม ฉันไม่ได้เด็กสักหน่อย 

“เด็กหน่อยสิถึงจะดี ท่านหัวหน้าท่านดูสิ เด็กคนนี้มาจากตระกูลใหญ่ ดูรูปร่างหน้าตา ดูความอ่อนเยาว์นี่สิ เลี้ยงไปอีกสักสองปีเพื่อมาเป็นฮูหยิน จะมีหน้ามีตาขนาดไหน นี่ถ้าส่งไปที่หอคณิกา คงจะกลายเป็นดอกไม้งามโด่งดังไปทั่วหล้า” น้ำเสียงประจบสอพลออีกเสียงเอ่ยขึ้น เสียดหูจนนางอดที่จะย่นคิ้วเข้าหากันไม่ได้ 

ราวกับว่า…สถานที่แห่งนี้ สิ่งมีชีวิตที่เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิง…นอกจากเธอแล้วก็มีเจ้าของเสียงน่าเกลียดจนนึกอยากเอามือปิดหูอย่าง…แม่หมู? 

“เอาเถอะ เห็นแก่เด็กคนนี้ที่หน้าตาพอใช้ได้ สองร้อยตำลึงเอาไป ทิ้งคนไว้ที่นี่” 

“เยี่ยมไปเลย ท่านหัวหน้า ท่านช่างใจกว้าง ขอบคุณเจ้าค่ะท่านหัวหน้า” หญิงผู้นั้นตอบด้วยน้ำเสียงปิติยินดี 

หนานกงมั่วทนไม่ไหวลุกขึ้นนั่ง ถ้ายังไม่ลุกขึ้นมาอีกเธอคงต้องถูกขายเป็นแน่ 

สิ่งที่ดึงดูดสายตาคือชายบึกบึนที่สวมเสื้อผ้าหยาบๆ ยืนอยู่ตรงนั้นไม่กี่คนนั่น…ดูแล้วคล้ายกับกองถ่ายละครสักที่ เพียงแต่…มีมีดคมของจีนที่กองถ่ายคงไม่ใช้พกอยู่ด้วย 

“ฉันว่า ก่อนจะขายใครก็ควรถามความยินยอมของเจ้าตัวก่อนจะดีกว่ามั้ย” หนานกงมั่วเอ่ยขึ้น 

“เจ้า…เจ้าตื่นขึ้นมาได้อย่างไร” หญิงชุดแดงมองหนานกงมั่วอย่างประหลาดใจ ในเมื่อนางถูกวางยาสลบไปแล้วนี่ 

หนานกงมั่วหรี่ตาลง มองหญิงอ้วนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ยกมือขึ้นมาดูเห็นว่าตัวเองตัวเล็กลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ถอนหายใจออกมา 

“มานี่สิ จะบอกอะไรให้” คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าใบหน้านี้มีประโยชน์มากจริงๆ เด็กสาวสวยอายุสิบเอ็ดขวบ รอยยิ้มหวานไม่มีพิษมีภัยทำให้คนไม่ทันระวังตัว หญิงอ้วนคนนั้นลังเลอยู่เล็กน้อย จึงเดินเข้ามาใกล้ “เจ้าตื่นขึ้นมาได้อย่างไรกัน” 

“ถ้ายังไม่ตื่น…ก็คงได้ตกลงไปในรังโจรน่ะสิ” ตวัดมือไปคว้าที่ผมของหญิงอ้วน ดึงปิ่นปักผมทองแดงออกมา แทงเข้าไปที่แขนของนางด้วยความเร็ว 

“อ๊ากกก” หญิงอ้วนผู้นั้นร้องครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด หนานกงมั่วใช้โอกาสนี้เตะเข้าไปที่ข้อเข่าของนาง ขณะเดียวกันก็ใช้ปิ่นแทงลึกเข้าไปที่ลำคอในทันใด 

“ผู้หญิงอ้วนคงนี้คงไม่เกี่ยวข้องกับพวกแกใช่ไหม เงินนี้คืนให้ ฉันไปล่ะ” หนานกงมั่วขมวดคิ้ว หันไปพูดกับหัวหน้าโจร ยามนี้หนานกงมั่วคงไม่ยอมรับไม่ได้แล้วว่าตนเองนั้นได้ตายเพราะฝีมือเจ้างั่งนั่นแล้วจริงๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอยังมีชีวิตอยู่ ทว่ากลับกลายมาเป็นโลลิ[1]น้อย แถมยัง…เป็นโลลิที่เกือบถูกขายให้หมู่บ้านโจรเพื่อไปเป็นเมียหัวหน้าโจรอีก 

“เจ้าเด็กนี่กล้ามากจริงๆ คิดว่าเข้ามาในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นแล้ว คิดจะออกไปได้อีกเช่นนั้นหรือ” หัวหน้าโจรหัวเราะเสียงดัง “ดีเลย นางสิงโตนี่คิดจะขอข้าสองร้อยตำลึง ฆ่านางแล้ว แม้แต่ตำลึงเดียวก็ไม่ต้องจ่าย ฮ่าๆ” 

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้…งั้นต้องขออภัยแล้ว” มุมปากของหนานกงมั่วยกยิ้มเย็น ผลักหญิงอ้วนคนนั้นออกไป เหล่าโจรได้เห็นเพียงแสงสว่างวาบเป็นทาง จากนั้นเกิดเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ในเวลาชั่วพริบตา หมู่โจรทั้งห้าหกคนต่างล้มลงกองระเนระนาดอยู่บนพื้น 

หนานกงมั่วกวัดแกว่งปิ่นทองแดงในมือเล่น ถอนหายใจออกมา ร่างกายนี้ช่างไม่ไหวเอาเสียเลยจริงๆ ถ้าโจรมีมากกว่านี้สักสองคนนางก็คงจะไม่ไหว หึหึ… 

“แค่จะชักเท้าหนีก็ยังทำไม่ได้ ยังกล้ามาเป็นโจรได้ยังไงเนี่ย” ก้มลงไปเก็บสองร้อยตำลึงขึ้นมา ทั้งยังได้จากบนร่างของหญิงอ้วนมาอีกหนึ่งร้อยตำลึง หนานกงมั่วเก็บลงในถุงของตนอย่างไม่คิดลังเล ไม่ว่าจะเป็นโลกแบบใด…จะไม่มีอะไรก็ได้ แต่ไม่มีเงินไม่ได้ 

เก็บของเรียบร้อย ก็ปัดมือหมุนตัวลงจากเขาไปทันที 

“สาวน้อย เจ้าช่างเก่งอะไรเช่นนี้” 

“ใครกัน” หนานกงมั่วหันกลับไป มองเห็นคนทั้งสองยืนอยู่บนเนินเขาที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก หนึ่งคือชายผมขาวอายุราวๆ ห้าสิบปี ส่วนอีกคนนั้นเป็นชายหนุ่มรูปงามเกินวัย ที่สำคัญก็คือ นางไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้มาปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไร 

“พวกท่านเป็นใคร” 

“คนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน” ชายวัยกลางคนกล่าวพลางเลิกคิ้วขึ้นและยิ้มกลับมาให้ 

หนานกงมั่วเลิกคิ้วขึ้น โบกมือให้ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกนี้…ก็ยกให้พวกท่านแล้วกัน ฉันไปล่ะ” 

“ช้าก่อน เด็กน้อย” ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยรอยยิ้ม 

หนานกงมั่วหันกลับมา จ้องเขาอย่างระแวดระวัง 

“ไม่ต้องกลัว ข้าแค่จะบอกว่า ข้าเห็นว่าเจ้าหน่วยก้านดี ต้องการไหว้ข้าเป็นอาจารย์เจ้าหรือไม่” 

“…” คนคนนี้นี่ มาถึงหมู่บ้านโจรเพื่อมาหาลูกศิษย์น่ะหรือ นี่มัน…คนบ้า…ประเภทไหนกัน 

รัชศกหงกวงปีที่เก้า ต้นฤดูใบไม้ผลิ 

“ด้วยโองการแห่งสวรรค์ ฮ่องเต้ทรงมีพระบัญชา บุตรีแห่งสกุลหนานกงแคว้นฉู่ มีคุณธรรมกิริยาวาจาอ่อนโยน งดงามโดดเด่น จึงประทานสมรสพระราชทานแก่ผู้สืบทอดของจวิ้นอ๋อง[2]แห่งจิ้งเจียง จบราชโองการ” 

หลังส่งทูตสวรรค์ผู้อ่านราชโองการเดินทางกลับไปแล้ว จวนของเจ้าแคว้นฉู่ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นในทันใด 

“ผู้สืบทอดของจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงเช่นนั้นหรือ ไม่…ข้าไม่แต่งกับเว่ยจวินมั่ว” ใบหน้างดงามของหนานกงซู บุตรีแห่งตระกูลหนานกงตอนนี้ไม่ได้ ‘มีคุณธรรม กิริยาวาจาอ่อนโยน’ อย่างที่ถูกเอ่ยถึงในราชโองการแม้แต่น้อย น้ำเสียงที่เคยอ่อนโยนกลับกรีดร้องเสียงแหลมคมแสบหู 

“ซูเอ๋อร์ เจ้าจะโวยวายไปทำไมกัน ฝ่าบาททรงพระราชทานสมรสแก่แคว้นฉู่ของเรา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่เราเป็นอย่างยิ่งแล้ว” ฉู่กั๋วกง[3]ผู้น่าเกรงขามนามว่าหนานกงไหว วีรบุรุษผู้ก่อตั้งราชวงศ์เซี่ยที่ยิ่งใหญ่ เวลานี้กำลังมองท่าทางต่อต้านของบุตรสาวตนด้วยความปวดหัวอย่างจนปัญญา 

“ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับผู้สืบทอดของจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียง” 

หนานกงไหวคิ้วขมวด เอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “เลิกโวยวาย ฝ่าบาททรงมีราชโองการแล้ว เจ้าบอกว่าไม่ต้องการก็ไม่ต้องการได้อย่างนั้นหรือ” 

หนานกงซูชะงักดวงตาแดงก่ำ “ลูกยอมตายเสียดีกว่าจะต้องแต่งกับเว่ยจวินมั่วเจ้าค่ะ ลูกจะไปตายเสียเดี๋ยวนี้…” 

“ไอย๊า…ซูเอ๋อร์…” 

“ซูซู” 

ห้องทั้งห้องชุลมุนขึ้นทันที มองเห็นหนานกงซูหยิบกรรไกรที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมาเตรียมแทงเข้าที่หน้าอกของตนเอง ผู้คนทั้งห้องต่างรุมเข้ามาห้ามปรามยื้อแย่งเอาไว้ คนจับมือก็จับมือ คนแย่งกรรไกรก็แย่งกรรไกร ไม่ง่ายเลยกว่าจะควบคุมนางเอาไว้ได้ หนานกงซูล้มลงร้องไห้ราวกับเด็กอยู่ในอ้อมอกของมารดา 

 

 

[1] โลลิ หมายถึงเด็กผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าหรือพยายามดูอ่อนกว่าวัย 

[2] จวิ้นอ๋อง หรือ จวิ้นหวัง เป็นตำแหน่งรองจากอ๋อง เป็นตำแหน่งเริ่มต้นที่ฮ่องเต้มอบให้แก่พระโอรส นอกจากนี้ยังมอบให้กับพระราชนัดดาของฮ่องเต้ ทั้งพระโอรสของรัชทายาทและพระโอรสของอ๋อง 

[3] กั๋วกง เป็นบรรดาศักดิ์สูงสุดของชั้นกง ในที่นี้เป็นชื่อตำแหน่งสำหรับเชื้อพระวงศ์ มักเป็นพระนัดดาหรือพระปนัดดาของจักรพรรดิ 

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท