“ช่วยด้วย ช่วยด้วย มีคนตกน้ำ” บริเวณรอบข้างล้วนมีแต่บรรดาคุณหนูและสาวใช้ไร้ซึ่งกำลังเข้าช่วยเหลือได้ นายทหารอื่นๆ นั้นคอยคุ้มกันอยู่รอบนอก เมื่อได้ยินเสียงจึงรีบวิ่งเข้ามา ทว่าไม่อาจรู้ได้ว่าจะทันหรือไม่ สาวใช้สองคนเฝ้ารอการช่วยเหลือไม่ไหวจึงรีบกระโดดลงไป น่าเสียดายที่ยังช่วยเหลือตนเองไม่ได้ด้วยซ้ำ พึ่งตกลงไปในน้ำยังไม่ทันเข้าถึงตัวหญิงสาวที่ตกน้ำไปก็ต้องตะเกียกตะกายดิ้นรนเอาชีวิตรอด
“เกิดอันใดขึ้น” เซี่ยเพ่ยหวนตกใจ หนานกงมั่วขมวดคิ้วกำลังจะลุกขึ้น กลับเห็นเงาเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ใช้พละกำลังเหาะไปเหนือน้ำดึงหญิงสาวที่กำลังจะจมน้ำขึ้นมาโยนไว้ริมฝั่ง
“เว่ยจวินมั่ว” คุณชายฉังเฟิงตะโกน รีบจับประคองหญิงสาวที่เว่ยจวินมั่วโยนทิ้งไว้ เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นว่าเว่ยจวินมั่วนั้นนำร่างของสาวใช้อีกสองคนตามขึ้นมาวางไว้บนพื้น
สาวใช้ที่รออยู่ด้านข้างรีบนำผ้าแห้งผืนใหญ่มาคลุมหญิงสาว เอ่ยถามด้วยความระมัดระวัง “คุณหนู เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
หญิงสาวชุดแดงผละออกจากอ้อมแขนลิ่นฉังเฟิง เงยหน้าไปมองเว่ยจวินมั่วที่อยู่ริมฝั่ง แต่พบว่าชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลามองไปยังอีกฝั่งของทะเลสาบ ไม่เหลียวมองมาที่กลุ่มคนตรงนี้แม้เพียงหางตา ทำราวกับเมื่อครู่เขาไม่ได้ช่วยคนสามคนขึ้นมาจากน้ำ ทว่าเป็นเพียงเป็ดสามตัวเท่านั้น
เว่ยจวินมั่วมองไปตรงหน้าด้วยความแปลกใจ มองเห็นหนานกงมั่วเดินเคียงคู่มากับเซี่ยเพ่ยหวนตรงมาทางนี้ ทั้งสองมองมาทางนี้อย่างแปลกใจ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วมุ่น เมื่อครู่ขณะที่เขากำลังช่วยสาวใช้ทั้งสอง เขาพลันหมดแรงกะทันหัน เท้าเกือบจมลงไปในน้ำ พลันรู้สึกถึงบางอย่างที่ลอยพุ่งมาจากทางนั้นช่วยพยุงเขาได้ทัน มิเช่นนั้น เขาคงไม่สามารถช่วยทั้งสามคนขึ้นมาจากน้ำได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ได้ คงต้องลำบากลำบนอยู่บ้างไม่น้อย แต่ว่า…เมื่อมองหญิงสาวที่กำลังยิ้มหวานเดินมาทางนี้ ดวงตาของเว่ยจวินมั่วได้แต่ขบคิดเงียบๆ
“เว่ยจวินมั่วเจ้าหมายความเช่นไร” เมื่อโดนเพื่อนเมินเฉย ลิ่นฉังเฟิงจึงรู้สึกโมโหขึ้นมา
“ทำไม” เว่ยจวินมั่วหันกลับไป ถามด้วยท่าทางสงสัย
ลิ่นฉังเฟิงรู้สึกราวกับมีสิ่งแหลมคมพุ่งขึ้นมายังขมับ “เจ้าโยนสตรีนางนั้นมาที่ข้าหมายความเช่นไร ผู้ใดจะมาเอาเปรียบแตะต้องข้าได้ง่ายๆ เยี่ยงนี้เลยหรือ”
“ข้าไม่ได้สั่งให้เจ้ารับ” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงราบเรียบ ข้าโยนของข้าเอง เจ้าไม่อยากรับก็หลบไปเสียสิ
คุณชายฉังเฟิงกัดฟัน “มือข้ามันไม่ดีเอง” ไม่รับแล้วจะปล่อยให้สตรีนางนั้นหน้ากระแทกพื้นจนแบนราบไปเลยหรืออย่างไร สาวใช้ของสตรีนางนั้นยังมองเขาด้วยท่าทางรังเกียจอีกด้วย ราวกับว่าเขาไปเอาเปรียบล่วงเกินคุณหนูของพวกนาง เพราะเว่ยจวินมั่วทั้งนั้น เขาต้องตั้งใจเป็นแน่ ใจร้ายใจดำ ช่วยหญิงสาวจำเป็นต้องโยนทิ้งเช่นนี้หรือ เห็นว่าใบหน้าของนางทิ่มลงหรือไม่
“มือเจ้าไม่ดีเอง โทษข้าได้หรือ”
“…”
ไม่นานก็รู้ว่าหญิงสาวที่ตกน้ำผู้นั้นเป็นใคร สาวใช้เคียงกายของเซี่ยเพ่ยหวนเข้ามารายงาน หญิงสาวผู้นั้นแซ่จู นามว่าชูอวี้ เป็นบุตรีของหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่แห่งจินหลิงที่อยู่ในอันดับรั้งท้าย ตระกูลจูเป็นตระกูลพ่อค้า และสนับสนุนกองกำลังทหารในยุคสงคราม เมื่อสถาปนาราชวงศ์เซี่ยแล้วฝ่าบาทจึงมีรับสั่งแต่งตั้งผู้นำตระกูลจูเป็น “เกาอี้ปั๋ว[1]” แม้ตระกูลจูจะต้องการเข้าร่วมอำนาจกับชนชั้นสูงของจินหลิง ทว่าเหล่าวีรษุรุษส่วนใหญ่ต่างดูถูกในคุณงามความดีของพวกเขา เหล่าตระกูลนักปราชญ์เองก็ดูถูกว่าพวกเขาเป็นเพียงพ่อค้า แม้จะจัดอยู่ในหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่ของจินหลิง แต่ความจริงใครๆ ต่างก็ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา เป็นเพียงตระกูลร่ำรวยทว่าไร้เกียรติก็เท่านั้น
จะว่าไป ตระกูลจูมีโอกาสติดตามไปตานหยางด้วยก็นับเป็นเรื่องแปลก หนึ่งคือบรรพบุรุษของตระกูลจูนั้นไม่ได้อยู่ที่ฉูโจว สองฐานะของตระกูลจูไม่เพียงพอที่จะติดตามไปร่วมพิธีไหว้บรรพบุรุษได้ ทว่าไม่รู้เหตุใดคนตระกูลจูถึงได้ติดตามมาด้วย ตลอดการเดินทางมานั้นไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในยามเดินทางกลับ
“น่าสนใจ” เซี่ยเพ่ยหวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หนานกงมั่วตอบด้วยท่าทางเกียจคร้าน “น่าสนใจอันใดกัน คุณหนูจูผู้นั้นเจ้ารู้จักหรือ”
เซี่ยเพ่ยหวนส่ายหน้า “เดิมทีไม่รู้จัก แต่ข้ารับรู้ได้ว่าอีกไม่นานพวกเราทั้งหมดจะได้รู้จักนาง เจ้าว่าหญิงสาวที่มีสาวใช้ติดตามอยู่ดีๆ จะตกลงไปในน้ำได้ด้วยเหตุอันใด” เมื่อหนานกงมั่วได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสนุกขึ้นมา กวาดตามองสถานการณ์ตรงหน้า เนิ่นนานจึงเอ่ย “ก็คงจะ…กระโดดลงไปเอง คงมิใช่ถูกผู้คนรอบข้างผลักเป็นแน่”
“คุณหนู คุณหนูหนานกง คุณหนูจูกล่าวว่านางลื่นตกลงไปเองเจ้าค่ะ” ที่ด้านหลัง สาวใช้ของเซี่ยเพ่ยหวนอดไม่ได้จึงเอ่ยแทรกขึ้นมา
เซี่ยเพ่ยหวนส่ายศีรษะ “สถานที่ตรงนั้นดูอันตราย ทว่ารอบข้างไม่มีสิ่งใด หากไม่มีเรื่องอะไรนางจะปีนขึ้นไปทำไมกัน ขึ้นไปเพื่อให้ลื่นอย่างนั้นหรือ”
“น่าสนใจจริงๆ” ทั้งสองมองสบตา ส่งยิ้มให้กัน
สาวใช้มองคุณหนูของตนและคุณหนูหนานกงอย่างมึนงง ลื่นตกน้ำน่าสนใจได้อย่างไรกัน
ไม่นาน ก็เห็นเว่ยจวินมั่วและลิ่นฉังเฟิงเดินเข้ามา คุณชายฉังเฟิงมีสีหน้าไม่พอใจ เมื่อมองเห็นหนานกงมั่วเข้าสีหน้าก็พลันเปลี่ยน หรี่ตาแล้วยิ้มให้ “แม่นางมั่ว เมื่อครู่เจ้าเห็นหรือไม่ เว่ยจวินมั่วสุภาพบุรุษช่วยสาวงาม น่าหลงใหลมากใช่หรือไม่” หนานกงมั่วยิ้ม หันไปตอบลิ่นฉังเฟิง “สุภาพบุรุษช่วยสาวงามมิใช่คุณชายลิ่นหรอกหรือ” แน่นอนว่านางมองเห็นว่าเว่ยจวินมั่วช่วยหญิงสาว และนางก็เห็นลิ่นฉังเฟิงกอดหญิงสาวผู้นั้นเอาไว้ในอ้อมแขน คล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้มมองไปยังเว่ยจวินมั่ว คุณชายชิงสิงไม่มีท่าทีหวาดหวั่นแต่อย่างใด ใบหน้ายังคงเรียบนิ่ง
ใบหน้าลิ่นฉังเฟิงดำทะมึนทันใด กัดฟันแน่นจ้องเขม็งไปยังเว่ยจวินมั่ว “แม่นางมั่ว ต่อไปช่วยสั่งสอนคนของเจ้าให้ดีด้วย ช่างไม่รู้จักทะนุถนอมอ่อนโยนต่อสตรีเสียบ้าง ระวังว่าต่อไปเขาจะโยนเจ้าหน้ากระแทกพื้นอีกเช่นกัน”
หนานกงมั่วเขินอาย ทว่าน้ำเสียงยังคงนิ่งเรียบ “ข้าไม่ตกน้ำหรอก”
นี่เป็นปัญหาของการตกน้ำหรือ คุณชายฉังเฟิงมองหญิงสาวตรงอย่างจนปัญญา
เว่ยจวินมั่วมองหนานกงมั่ว เอ่ยอย่างจริงจัง “ข้าไม่โยนอู๋สยาหรอก”
“เจ้านี่ ที่แท้เจ้าก็ตั้งใจ” ลิ่นฉังเฟิงโวยวาย เซี่ยเพ่ยหวนที่อยู่ด้านข้างนั้นพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หัวเราะ ฐานะนางแตกต่างออกไป เพียงใกล้ชิดกับคุณหนูตระกูลชนชั้นสูงที่มีฐานะเทียบเคียงกันเท่านั้น เมื่อหมั้นหมายกับองค์ชายสิบเก้าแล้วก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ใดอีกเลย ไม่รู้มาก่อนว่าคุณชายฉังเฟิงแห่งจินหลิงจะน่าสนใจถึงเพียงนี้
ลิ่นฉังเฟิงเองรู้ตัวว่าเสียภาพลักษณ์ต่อหน้าหญิงสาวแล้ว รีบกักเก็บอารมณ์กลับมาเป็นเช่นเดิม กระแอมไอเบาๆ “อย่างไรเสีย โยนสตรีเช่นนั้นเสียมารยาทยิ่งนัก แม่นางมั่ว เจ้าว่าใช่หรือไม่”
หนานกงมั่วขบคิดจริงจัง ส่ายหน้าพลางเอ่ย “ไม่ใช่”
“ไม่ใช่งั้นหรือ” ลิ่นฉังเฟิงดวงตาเบิกกว้าง เห็นได้ชัดว่าอยากรู้ว่าหญิงสาวผู้นี้จะแปลกไปถึงไหนกัน
หนานกงมั่วขมวดคิ้ว “เพียงเขาไม่โยนข้าทิ้งราวกับขยะ ผู้อื่นนั้นแน่นอนว่าโยนได้ ชายหญิงมิควรถูกเนื้อต้องตัวกัน”
“…” คุณชายเช่นข้า ไม่รู้ควรเอ่ยเช่นใดแล้วจริงๆ
“วาจาของอู๋สยา ข้าจะจำเอาไว้” ดวงตาเว่ยจวินมั่วแฝงไปด้วยรอยยิ้ม เอ่ยเสียงทุ้ม
[1] ปั๋ว ตำแหน่งขุนนางของจีนสมัยโบราณ