ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นี้คนที่ไม่สนใจจริงๆ ก็คงมีเพียงหนานกงฮุย สำหรับหนานกงฮุยแล้ว ทรัพย์สินที่มารดาเหลือไว้ให้นั้นเป็นของมั่วเอ๋อร์ ถึงแม้มั่วเอ๋อร์จะใช้เงินเยอะเพียงใดนั่นก็คือเงินของนาง แน่นอนว่าต้องตักเตือนมิให้มั่วเอ๋อร์ใช้เงินสิ้นเปลืองเกินไป แต่หากมั่วเอ๋อร์อยากใช้เงินก็มิใช่เรื่องที่ผู้อื่นต้องมายุ่งเกี่ยว
หนานกงมั่วนั่งพิงเก้าอี้ มองหนานกงซูที่กำลังโกรธเกรี้ยวด้วยท่าทีเฉยเมย นางไม่คิดจะโอ้อวด ใครใช้ให้หนานกงซูไม่รู้จักมองสถานการณ์ให้ชัด นาง หนานกงอู๋สยา อยากจะประหยัดหรือใช้เงินใช้ทองราวกับเป็นดิน นั่นก็เป็นสิ่งที่นางเลือกเอง ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาควบคุม
เจิ้งซื่อเห็นว่าไม่เป็นการดี อยากหยุดหนานกงซู แต่นางก็อดกลั้นเอาไว้ไม่ได้ ผู้ใดจะรู้ว่าอยู่ดีไม่ว่าดีหนานกงมั่วจะยึดบัญชีไปควบคุมเอง หากนางจ่ายออกไปครั้งละหลายพันตำลึง ใครจะยอมรับได้ เพียงลังเลก็สายไปแล้ว เห็นเพียงหนานกงมั่วยกยิ้มมุมปากด้วยรอยยิ้มเย็น คล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้มมองไปยังหนานกงซู “น้องรอง ข้าใช้เงินของจวนฉู่กั๋วกงสักแดงเดียวแล้วหรือไม่”
“วันนี้เงินที่เจ้าใช้มิใช่ของจวนฉู่กั๋วกงหรืออย่างไร” หนานกงซูเอ่ยอย่างหงุดหงิด
“เจ้าผิดแล้ว” หนานกงมั่วเอ่ยเรียบนิ่ง “ข้าใช้เงินที่ท่านแม่ของข้าทิ้งไว้ให้ต่างหาก” หันกลับไปมองหนานกงไหวที่นั่งอยู่ที่เดิม “ท่านพ่อ ครั้งที่แล้วให้หว่านฮูหยินนำบัญชีกิจการของท่านแม่มาให้ข้า ท่านให้คนส่งเงินมาให้ข้าหลายกล่อง ที่แท้ กิจการที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ข้าเหลือเพียงพันตำลึงแล้วหรือ”
ดวงตาหนานกงไหวสับสน มองไปยังหนานกงมั่ว เอ่ยว่า “เจ้าอายุยังน้อย…”
“ท่านพ่อ” หนานกงมั่วเอ่ยขัดขึ้นมาอย่างไม่ไว้หน้า เอ่ยเสียงเข้ม “อย่างมากก็อีกหนึ่งปี ข้าก็จะออกเรือนแล้ว ตอนนี้ท่านบอกว่าข้า…อายุยังน้อยงั้นหรือ หรือรอให้ข้าแต่งงานไปแล้วสินสมรสของข้าก็ต้องให้หว่านฮูหยินเป็นผู้ดูแล มิสู้ให้นางแต่งเข้าจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องกับข้าเลยไม่ดีกว่าหรือ”
“คุณหนูใหญ่” เจิ้งซื่อทนไม่ไหวตะคอกเสียงดังออกมา วาจานี้ของหนานกงมั่วเห็นได้ชัดว่ากำลังดูหมิ่นนาง
“พวกเจ้าว่าเช่นไร” หนานกงไหวมองไปยังหนานกงชวี่และหนานกงฮุยอย่างหงุดหงิด
หลินซื่อเงยหน้ามองหนานกงไหว ลังเลอยู่ชั่วครู่สุดท้ายจึงก้มหน้าลงไป หนานกงฮุยบอกอย่างไม่ใส่ใจ “มารดาเคยบอกเอาไว้ว่าของเหล่านั้นเก็บไว้เป็นสินสมรสของมั่วเอ๋อร์ แน่นอนว่าต้องมอบให้มั่วเอ๋อร์จัดการ พี่ใหญ่ ท่านว่าใช่หรือไม่” หนานกงชวี่เงียบไปชั่วครู่ เงยหน้าขึ้นมามองไปยังหนานกงฮุย “น้องรองกล่าวได้ถูกต้องแล้วขอรับ”
“คุณชายใหญ่”
“พี่ใหญ่” เจิ้งซื่อและหนานกงซูเรียกเสียงดังออกมาพร้อมกัน
หนานกงชวี่ไม่มองพวกนาง เงยหน้าขึ้นไปมองหนานกงไหว เอ่ยเสียงทุ้ม “ท่านพ่อ มารดาเคยสั่งเสียเอาไว้สินสมรสของนางเป็นของมั่วเอ๋อร์ทั้งหมด ส่วนที่ควรให้ข้าและน้องรองก็ให้แล้ว จวนฉู่กั๋วกงของเราไม่ขาดเงิน ไยต้องดึงดันเก็บสินสมรสของมารดาเอาไว้ให้ผู้อื่นว่าเอาได้ ยิ่งไปกว่านั้น มั่วเอ๋อร์ควรเรียนรู้ที่ต้องดูแลกิจการได้แล้ว มิเช่นนั้นอนาคตไปอยู่จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องแล้วจะดูแลจวนได้เยี่ยงไร”
หนานกงซูใบหน้าเปลี่ยนสี ยิ้มเย็น “ชาติกำเนิดเช่นเว่ยจวิ่นมั่ว นางยังจำเป็นต้องเป็นผู้ดูแลจวนอีกหรือ”
“บังอาจ” คิ้วหนานกงชวี่จมลง “ข้าเตือนเจ้าให้ระมัดระวังวาจาไปกี่คราแล้ว คำพูดเช่นนี้คุณหนูฉู่กั๋วกงควรเอ่ยออกมาเช่นนี้หรือ”
หนานกงชวี่นั้นเป็นคุณชายใหญ่เชื้อสายหลัก ยังพอมีศักดิ์ศรี ยิ่งไปกว่านั้นการสั่งสอนน้องสาวนับว่าสมควร
หนานกงไหวใบหน้าเรียบนิ่งไม่เอ่ยสิ่งใด จวนฉู่กั๋วกงขาดเงินหรือ ผู้ใดขาดเงินจวนฉู่กั๋วกงนั้นไม่มีทางขาด เหล่าวีรบุรุษก่อตั้งประเทศเช่นฉู่กั๋วกงนั้นบางทีอาจจะมีเงินไม่สู้ตระกูลจู แต่หากเอ่ยถึงทรัพย์สินนั้น สิบตระกูลจูก็สู้จวนฉู่กั๋วกงไม่ได้ เมื่อครั้งนั้นเกิดสงครามวุ่นวาย ผู้นำทัพเยี่ยงหนานกงไหวที่พาทหารตีไปทุกหนทุกแห่งนั้นจะมีทรัพย์สินที่เก็บรวบรวมน้อยได้อย่างไรกัน ยิ่งไปกว่านั้นหนานกงไหวยังเป็นผู้ไล่ตามเป่ยหยวนและราชวงศ์ที่เหลือของเป่ยหยวนอีกด้วย ไม่มีใครรู้ว่าเขาได้รับทรัพย์สินไปมากเพียงใด แต่อย่างน้อย ขอเพียงตระกูลหนานกงไม่ถูกล้างตระกูล ตระกูลหนานกงรุ่นหลังไม่ว่าจะใช้อย่างไรก็สามารถเหลือกินเหลือใช้ไปอีกสามสี่รุ่น
ดังนั้น หากบอกว่าหนานกงไหวคิดจะยึดสิ่งที่ภรรยาเก็บไว้เป็นสินสมรสของหนานกงมั่ว เขาไม่เคยมีความคิดเช่นนั้น แต่เขามอบให้หรือบุตรีเข้ามาขอนั่นก็เป็นอีกเรื่อง ตอนนี้ได้ฟังวาจาของบุตรชายคนโต ความโกรธที่สูงลิ่วตอนนี้ได้ลดต่ำลงมาบ้างแล้ว จ้องมองหนานกงมั่ว เอ่ยเสียงเข้ม “ช่างเถิด พี่ใหญ่กับพี่รองของเจ้ากล่าวถูกแล้ว อีกไม่นานเจ้าก็ต้องออกเรือน เรื่องพวกนี้อย่างไรก็ต้องเรียนรู้”
หนานกงมั่วหลุบตาลง เอ่ยเสียงเรียบ “ขอบพระคุณท่านพ่อที่เมตตา”
“ท่าน…ท่านพี่…” เมื่อเห็นว่าเรื่องราวนั้นกำลังจะคลี่คลาย เจิ้งซื่อจึงอดไม่ได้ตะโกนออกไป
หนานกงไหวส่งเสียงในลำคอ กวาดตามองเจิ้งซื่ออย่างไม่พอใจ เขาสามารถฝ่าฟันจากชาวบ้านธรรมดามาจนถึงตำแหน่งนี้แน่นอนว่ามิได้โง่ การกระทำของเจิ้งซื่อในหลายวันมานี้ล้วนแล้วแต่อยู่ในสายตาของเขา หากมิใช่เพราะฝีมือของเจิ้งซื่อ ต่อให้หนานกงมั่วมีข้อโต้แย้งก็คงไม่กล้าไม่ไว้หน้าเขาที่เป็นบิดาเช่นนี้ ทำเองก็ต้องรับผลที่ตามมาเอง หนานกงไหวไม่คิดจะเข้าข้างเจิ้งซื่อ โบกมือเอ่ยบอก “ให้คนไปเอาบัญชีมา ส่งมอบต่อหน้าฮุยเอ๋อร์และชวี่เอ๋อร์ เพื่อมิให้เกิดปัญหาใดตามมาอีก” หันไปบอกกับหนานกงมั่ว “เจ้าเองก็วางใจ ข้าที่เป็นบิดาปฏิบัติต่อพวกเจ้าสองพี่น้องอย่างเท่าเทียมกัน มารดาเจ้าเก็บสินสมรสไว้ให้เจ้ามันก็ต้องเป็นของเจ้า ต่อไปเจ้าออกเรือน สิ่งใดที่ควรเป็นของเจ้ามันก็จะเป็นของเจ้าไม่มีขาดแม้เพียงเล็กน้อย”
หนานกงมั่วไม่ใส่ใจคำพูดเสียดสีของหนานกงไหว นางรีบเอากิจการคืน หนึ่งเพราะไม่อยากให้ค่ากับเจิ้งซื่อ สองเพราะนางต้องการกิจการมาปกปิดเงินในมือของนาง มิเช่นนั้นนางคงไม่มีความสุขกับการใช้เงินเมื่อนางไม่รู้จะอธิบายถึงเงินที่อยู่ในมือได้อย่างไร สำหรับสินสมรสที่มารดาเก็บไว้ให้ สำหรับนางแล้วไม่ใช่สิ่งที่ขาดไม่ได้
เจิ้งซื่อกัดฟันแน่น หลายปีมานี้แม้นางจะเป็นผู้ดูแลทุกอย่างของจวนฉู่กั๋วกง ทว่านางเองรู้ดีว่าท่านพี่ก็ไม่ได้มอบกิจการทุกอย่างให้นางดูแล ไม่สิ กิจการของตระกูลหนานกงล้วนเป็นสิ่งที่ฝ่าบาทมอบเป็นรางวัล เดิมก็มิได้มากมายนัก ทรัพย์สินที่แท้จริงของหนานกงไหวคือส่วนที่ได้รับมาเมื่อครั้งทำสงคราม แต่ทรัพย์สินพวกนี้ล้วนอยู่ในมือหนานกงไหวเอง ใครก็เข้าใกล้มิได้ เห็นได้ชัดว่านอกจากหนานกงไหวตายแล้วมอบมันให้แก่หนานกงชวี่ที่จะสืบทอดอำนาจต่อ ใครอื่นก็มิอาจแตะต้องได้ เมื่อสินสมรสของเมิ่งซื่อถูกหนานกงมั่วเอาไปแล้ว กิจการที่นางดูแลอยู่ก็น้อยลงไปกว่าครึ่ง เคยชินกับใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย จะให้นางยอมรับกับการสูญเสียเงินไปกว่าครึ่งได้เช่นไร
หนานกงซูเองมิใช่ไม่พอใจ น่าเสียดายหากนางไม่ยอมแล้วจะทำสิ่งใดได้อีก สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่มารดาของหนานกงมั่วทิ้งเอาไว้ อย่างไรมันก็ตกมาไม่ถึงมีนางแน่นอน
ไม่นาน พ่อบ้านก็ยกบัญชีเข้ามา ขณะเดียวกันหนานกงมั่วก็หยิบกระดาษรายการออกมาจากถุง นี่เป็นรายการทรัพย์สมบัติที่เมิ่งซื่อเก็บไว้ให้นาง บนนั้นมีบางข้อความถูกเส้นสีแดงขีดฆ่าเอาไว้ นั่นเป็นส่วนที่เมิ่งซื่อเก็บไว้ให้บุตรชายทั้งสอง สินสมรสของเมิ่งซื่อถูกแบ่งเป็นสองส่วน บุตรชายทั้งสองรับไปครึ่งเดียวกัน อีกครึ่งหนึ่งที่เหลือเก็บไว้เป็นสินสมรสให้หนานกงมั่ว เพียงแต่คาดว่าส่วนของพี่ใหญ่กับพี่รองนั้นยังอยู่ในมือของเมิ่งซื่อ อย่างไรเสียตอนนั้นหนานกงชวี่ยังคงไม่แต่งงาน ปัจจุบันจวนฉู่กั๋วกงก็มิได้แยกบ้าน ส่วนของหนานกงชวี่และหนานกงฮุย นางก็คงยุ่งไม่ได้ แต่ส่วนที่เป็นของหนานกงชิง นางจะต้องได้คืนในเร็ววันแน่