หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 90 พาพระมาดู (2)

ตอนที่ 90 พาพระมาดู (2)

“สมแล้วที่เป็นสถานที่แห่งพระพุทธศาสนา ช่างอบอวลไปด้วยกลิ่นธูปหอม” หนานกงมั่วเอ่ยขึ้นพลางถอนหายใจเสียงเบา

เว่ยจวินมั่วเอ่ยตอบ “เพราะวัดต้ากวงหมิงอยู่ห่างจากเมืองจินหลิงไม่ไกล ผู้คนจึงหลั่งไหลมาที่นี่เป็นจำนวนมาก แม้แต่วัดมีชื่อเสียงอย่างวัดต้าเป้าเอินยังมีคนไม่มากเท่านี้เลย อู๋สยาอยากจุดธูปขอพรหรือไม่”

หนานกงมั่วส่ายหน้า “ข้าไม่มีสิ่งใดต้องขอ”

“เอ๋” เว่ยจวินมั่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “อู๋สยาไม่มีสิ่งใดในใจอยากขอเลยงั้นหรือ”

หนานกงมั่วเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “หากข้าขอ ทว่าแม้แต่ตัวข้ายังทำไม่ได้ แล้วพระทั่วฟ้าจะช่วยข้าได้เยี่ยงไร” เว่ยจวินมั่วเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “อู๋สยากล่าวไม่ผิดเลย พวกเราไปด้านหลังเขากันเถอะ”

ยามนี้ เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองกระถางธูปใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยธูปหอม ทว่ากลับจูงมือนางเดินเลียบมายังอีกฝั่งของพระมหาวิหาร

“หลายปีก่อนเสด็จแม่ของข้าชอบมาจุดธูปที่วัดต้ากวงหมิง บ่อยครั้งที่พระองค์จะพาข้ามาด้วย น่าเสียดายที่ข้าไม่ชอบกลิ่นธูปในวัดเท่าใดนัก โชคดีที่หลายปีมานี้นางไม่ค่อยได้มาแล้ว” เว่ยจวินมั่วบ่นเบาๆ หนานกงมั่วหันไปมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ท่านกำลังจะบอกว่า โชคดีที่ข้าไม่ชอบไหว้พระเช่นกันใช่หรือไม่”

เว่ยจวินมั่วเอ่ย “หากอู๋สยาชอบ ต่อไปข้าจะมากับเจ้าแน่นอน แต่ว่า…ให้ดีก็อย่าชอบเลยจะดีกว่า”

หนานกงมั่วทนไม่ไหวปิดปากพลางหัวเราะ ดูเหมือนว่าเว่ยจวินมั่วจะอยู่ห่างจากร่มกาสาวพัสตร์จริงๆ เมื่อเขาเห็นนางหัวเราะมีความสุข ใบหน้าเย็นชาของเว่ยจวินมั่วจึงปรากฏรอยยิ้มขึ้นบ้าง ส่ายหน้าพลางเอ่ย “ท่านเจ้าอาวาสบอกว่าข้าไม่มีสติปัญญาซาบซึ้งในรสพระธรรม”

“ข้าก็ไม่มี” หนานกงมั่วเอ่ยตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม

“อืม ข้ารู้”

“…” เจ้าควรปลอบข้าสักประโยคสองประโยคมิใช่หรือ ท่าทางรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน

ทิวทัศน์ด้านหลังของวัดต้ากวงหมิงงดงามยิ่งกว่า แตกต่างจากฝุ่นและควันธูปด้านหน้าอย่างชัดเจน และแตกต่างจากสวนดอกไม้ด้านล่างนั่นด้วย ด้านหลังภูเขานั้นมีต้นไผ่และต้นสนใบเขียว มีแอ่งน้ำและก้อนหินรูปร่างแปลกตา สีเขียวให้ความรู้สึกถึงความเงียบสงบราวกับหลุดเข้ามาอยู่ในโลกที่แตกต่าง

เมื่อยืนอยู่ข้างแอ่งน้ำ ในแอ่งน้ำมีดอกบัวตูมที่เตรียมเบ่งบาน น้ำในแอ่งใสจนมองเห็นพื้น ใต้ใบบัวมีหมู่ปลาแหวกว่ายไปมา ปลาเหล่านี้มิใช่ปลาที่ถูกเลี้ยงไว้ชื่นชม ทว่าเป็นปลาธรรมชาติที่เห็นได้ตามแหล่งน้ำทั่วไป ริมแอ่งน้ำมีหินก้อนใหญ่ ด้านบนหินก้อนนั้นมีร่องรอยราวกับมีคนมานั่งอยู่บ่อยครั้ง

ด้านบนของแอ่งน้ำมีลำธารสายเล็กที่ไหลลงมาจากยอดเขา น้ำใสไหลลงมากระทบหินเกิดเสียงดัง ทว่ากลับทำให้คนรู้สึกสงบมากยิ่งขึ้น

“เป็นสถานที่ที่ดีเหลือเกิน” หนานกงมั่วทอดถอนหายใจ

เว่ยจวินมั่วยิ้ม “แน่นอนว่าเป็นสถานที่ที่ดี ที่แห่งนี้เป็นที่ที่ข้าชอบที่สุดในวัดต้ากวงหมิง”

หนานกงมั่วหันหน้ามามองสำรวจเขาอย่างละเอียด “ท่านชอบสถานที่เงียบสงบอย่างนั้นหรือ” คงไม่ได้มีความคิดจะออกบวชหรอกใช่ไหม

เว่ยจวินมั่วชะงักแล้วส่ายหน้า “ไม่ ข้าชอบความครึกครื้น”

หนานกงมั่วกะพริบตา เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจความหมายของเขา

เว่ยจวินมั่วเอ่ยตอบ “ข้าชอบสถานที่ที่ควรครึกครื้นที่ครึกครื้น ชอบสถานที่ที่ควรเงียบสงบที่เงียบสงบ” พุทธศาสนาเป็นที่ที่ควรเงียบสงบและผ่อนคลาย ทั้งสองสบตากัน ต่างฝ่ายต่างมองเห็นรอยยิ้มภายใต้ดวงตาของอีกฝ่าย พวกเขาทั้งสองต่างไม่มีใครต้องการความสงบ บางทีแบบนี้สิ…ถึงจะสนุก เมื่อมุมมองแตกต่างย่อมยากที่จะรักกันได้

เสียงฉิน[1]บรรเลงทำลายความเงียบสงบในทันใด ทว่าเสียงเพลงฉินนี้กลับดูกลมกลืนกับป่าไผ่ ภูเขาและแอ่งน้ำหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ทำให้คนรู้สึกหลงใหลอย่างอดไม่ได้ แววตาของหนานกงมั่วฉายแววระมัดระวัง หันกลับไปมองยังต้นทางของเสียงนั้น เข็มเงินมาอยู่ที่ฝ่ามือเตรียมพร้อมโจมตีอีกฝั่งตลอดเวลา วัดแห่งนี้เงียบสงบ ทว่าอาจซุกซ่อนเสียงฉินหรือยอดฝีมือไว้ได้เสมอ แม้จะไม่ได้สัมผัสถึงอันตรายจากอีกฝ่าย ทว่าหนานกงมั่วยังคงเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่

“อู๋สยา ไม่เป็นไร” เว่ยจวินมั่วยื่นมือออกไปคว้ามือของหนานกงมั่วเอาไว้ เอ่ยเสียงเบา

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “รู้จักหรือ” เว่ยจวินมั่วถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย มองไปตามเสียงฉิน “ไต้ซือ ในเมื่อมาแล้วไยไม่ออกมาปรากฏตัวเล่า”

เป็นพระงั้นหรือ ไม่นานหนานกงมั่วก็มองเห็นใครบางคน เป็นพระรูปหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นพระที่ดูอายุยังน้อย เห็นเพียงคนสวมชุดขาว ในมือนั้นมีฉินอยู่ พร้อมกับมองมายังทั้งสองด้วยรอยยิ้ม คนผู้นี้ดูแล้วคงอายุมากกว่าเว่ยจวินมั่วเพียงสี่ห้าปีเท่านั้น แม้ว่าผมจะถูกโกนออกไปแล้ว ทว่ายังปกปิดความสง่างามที่โดดเด่นเอาไว้ไม่มิด เพียงแต่ความหล่อเหลาและสง่างามนั้นแตกต่างจากเว่ยจวินมั่ว เขามีความสง่างามอ่อนโยนโดดเด่นกว่าคนทั่วไป หากไม่อยู่ในชุดนักบวชเช่นนี้ เกรงว่าใครๆ คงคิดว่าเขาเป็นคุณชายหรือเทพเซียนจากแห่งหนใดเป็นแน่

“อาตมาเนี่ยนหย่วน ทำให้แม่นางต้องตกใจแล้ว” พระรูปนั้นค้อมศีรษะให้ ยิ้มบางๆ

“เนี่ยนหย่วนงั้นหรือ” หนานกงมั่วมีท่าทีแปลกใจ เอ่ยปากถาม “ก็คือ…เนี่ยนหย่วน[2]ที่อยู่ใน ‘ทิวเขาแม่น้ำอันกว้างใหญ่ปรากฏสู่สายตา ใจคนึงหาผู้อยู่แสนไกล’ หรือไม่”

รอยยิ้มมีเมตตาที่ประดับบนใบหน้าหล่อเหลาสง่างามของเนี่ยนหย่วนแข็งค้างขึ้นมาทันใด แม้ว่าเขาจะอายุยังน้อย แต่เขาเป็นผู้อาวุโสในวัดต้ากวงหมิง ไม่เคยมีใครเคยเอาชื่อของเขามาล้อเล่น ทว่าหนานกงมั่วนั้นมิได้คิดจะเอาชื่อเขามาล้อเล่น เพียงแต่เมื่อได้ยินคำว่าเนี่ยนหย่วน คำนั้นก็ผุดขึ้นมาในใจ ทิวเขาแม่น้ำอันกว้างใหญ่ปรากฏสู่สายตา ใจคนึงหาผู้อยู่แสนไกล ดอกไม้ร่วงโรยและลมฝนยิ่งหดหู่ มิสู้สงสารคนตรงหน้า พระรูปหนึ่ง ใช้ชื่องดงามมีเสน่ห์ถึงเพียงนี้จะดีจริงๆ หรือ แน่นอนว่าการตั้งชื่อนี้คงจะโทษเนี่ยนหย่วนไต้ซือผู้นี้ไม่ได้ แปดส่วนนั้นคงโดนผู้อาวุโสแกล้งเป็นแน่ อย่างเช่นนางที่ครั้งหนึ่งเคยถูกตั้งชื่อว่าหนานกงชิงเฉิง ยกตัวอย่างอีกหนึ่งตัวอย่าง หากลูกศิษย์ชั้นที่ต้องใช้ตัวอักษรเจี้ยในการตั้งชื่อ หากโชคร้ายหน่อยอาจจะได้ชื่อว่าเจี้ยเซ่อ[3]แล้ว

เว่ยจวินมั่วถอนหายใจเงียบๆ คว้ามือของหนานกงมั่วเอาไว้ “ท่านนี้คือไต้ซือที่มีชื่ออยู่ในรุ่นตัวอักษรเนี่ยนของวัดต้ากวงหมิง” ใบหน้าของหนานกงมั่วแสดงออกชัดเจนว่าไม่เข้าใจ เว่ยจวินมั่วจึงอธิบายต่อ “เจ้าอาวาสวัดต้ากวงหมิงคนปัจจุบันคือคงหรูไต้ซือที่อยู่ในรุ่นตัวอักษรคง ซึ่งเป็นศิษย์หลานของเนี่ยนหย่วนไต้ซือ”

เป็นพระรุ่นใหญ่นี่เอง ผู้ที่สามารถเป็นเจ้าอาวาสวัดต้ากวงหมิงได้แน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดาและย่อมต้องมิใช่ผู้ที่ดูอายุน้อยดังเช่นผู้ที่มีใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้านี้แน่ เกรงว่าน่าจะเป็นพระรุ่นใหญ่อายุราวๆ สี่ห้าสิบปีแล้ว ทว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าน่าจะอายุไม่ถึงสามสิบปีด้วยซ้ำ

“ข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว ขอไต้ซือโปรดอภัยด้วย” หนานกงมั่วไม่ใช่คนไม่รู้จักให้เกียรติผู้อื่น เกรงว่าคำพูดเมื่อสักครู่ของตนนั้นคงไม่นอบน้อมต่อไต้ซือท่านนี้ จึงรีบพนมมือกล่าวขออภัย เนี่ยนหย่วนกอดฉินเอาไว้ ใบหน้ากลับมานิ่งสงบดังเดิม เผยรอยยิ้มบาง “เกรงใจเกินไปแล้ว ชื่อเป็นเพียงคำเรียกขานเพียงเท่านั้น เอาตามที่โยมสะดวกเถิด”

หนานกงมั่วยิ้ม “ไต้ซือจิตใจกว้างขวาง ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”

เนี่ยนหย่วนเดินมานั่งลงบนก้อนหินข้างแอ่งน้ำ วางฉินลงบนหน้าขา ยิ้มให้เว่ยจวินมั่ว เอ่ยถามขึ้น “นานแล้วที่ซื่อจื่อไม่ได้มาวัดต้ากวงหมิง ก่อนหน้านี้ได้ข่าวว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรสแก่ซื่อจื่อ เดาว่าท่านนี้คือคุณหนูตระกูลหนานกง ถูกหรือไม่”

————————————————————————————————

[1] ฉิน เครื่องดนตรีโบราณของจีน ประเภทเครื่องสาย

[2] เนี่ยนหย่วน ในภาษาจีนหมายถึง ความคิดถึงต่อผู้ที่อยู่แสนไกล

[3] เจี้ยเซ่อ หมายถึง ห้ามมีเพศสัมพันธ์หรือมีเพศสัมพันธ์อย่างถูกต้องเหมาะสม

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท