เมื่อคิดไตร่ตรองดีแล้วสุดท้ายจึงส่ายหน้า อีกหนึ่งเดือนก็ต้องเข้าพิธีแต่งงานแล้ว ช่วงเวลาก่อนหน้าเช่นนี้ควรอยู่ให้นิ่งเสียจะดีกว่า รอแต่งงานแล้ว…จะทำอันใดคงสะดวกมากกว่านี้ เมื่อคิดได้ดังนั้น หนานกงมั่วจึงวางบัญชีในมือ หยิบเล่มที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา นี่ก็เป็นลิ่นฉังเฟิงส่งมาเช่นกัน ทว่าไม่ใช่บัญชี ทว่าเป็นข้อมูลของคนในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง ตั้งแต่ฐานะ ชื่อ จื้อ อายุ กระทั่งนิสัยใจคอ ความเคยชินและงานอดิเรกล้วนถูกเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน ไม่รู้ลิ่นฉังเฟิงใช้เวลานานเพียงใดเพื่อรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ อ่านไปได้เพียงครึ่งเดียวก็ต้องยกมือขึ้นมากุมขมับ หนานกงไหวเห็นใจเจิ้งซื่อจนเกินไปนั่นไม่ผิด แต่อย่างไรเสียทุกสิ่งทุกอย่างในจวนยังอยู่ภายใต้การปกครองของหนานกงไหว แต่จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง…ไยจึงวุ่นวายเพียงนี้
นอกจากเรือนที่องค์หญิงฉังผิงและเว่ยจวินมั่วอาศัยอยู่ ซึ่งมีองค์หญิงฉังผิงเป็นผู้จัดการทุกอย่าง คนนอกไม่สามารถยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวได้แล้ว ทั่วทั้งจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องก็วุ่นวายกันไปหมด ภรรยาผู้เป็นที่โปรดปรานคือชายารองเฝิงที่มีบุตรชายสองคน แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆ จะไม่คิดต่อสู้แย่งชิง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเหนือกว่านั้นยังมีแม่เฒ่า เบื้องล่างยังมีเครือญาติมากมาย หนานกงมั่วพลันรู้สึกว่าเรือนหลังของจวนฉู่กั๋วกงนับว่าสงบและรักใคร่กลมเกลียวกันดีแล้ว
“อู๋สยากำลังคิดอันใดอยู่หรือ” เสียงคุ้นหูดังเข้ามาในหูของนาง หนานกงมั่วตกใจ หันกลับไป เป็นเว่ยจวินมั่วที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างกำลังมองมายังนาง นึกถึงร่างกายของเขา หนานกงมั่วจึงขมวดคิ้วลุกขึ้น “ท่านมาได้เยี่ยงไร หายดีแล้วหรือ” แววตาเว่ยจวินมั่วฉายแววอบอุ่น เอ่ยตอบ “ดีขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องกังวล”
หนานกงมั่วยื่นมือไปดึงเขาเข้ามา มืออีกข้างตรวจดูชีพจรของเขา ขมวดคิ้วเอ่ย “มีเรื่องอันใด รออีกสักสองวันค่อยพูดมิได้หรือ ร่างกายของท่านยังไม่หายดีเลย” พึ่งจะดีขึ้นมาก็เริ่มดื้อ มิน่าอาการบาดเจ็บของเขาจึงไม่เคยหาย เว่ยจวินมั่วยื่นมือออกไปรวบนางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน เอ่ยเสียงทุ้ม “ไม่ได้เห็นอู๋สยา ข้าไม่วางใจ”
“…” นี่คือเว่ยจวินมั่วผู้ที่มีใบหน้าเป็นอัมพาตผู้นั้นแน่หรือ ใครปลอมตัวมาหรือไม่
ก้มลงไปมองสีหน้าแปลกประหลาดของหนานกงมั่ว ดวงตาของเว่ยจวินมั่วฉายแววจนปัญญา แน่นอนว่าหนานกงมั่วรู้ว่าตนคิดมากไป ยิ้มขันออกมาเล็กน้อยแล้วรีบเปลี่ยนหัวข้อ “มีเรื่องอันใดหรือ” อีกหนึ่งเดือนพวกเขาก็จะแต่งงานกันแล้ว ตามธรรมเนียมแล้วในตอนนี้พวกเขายังไม่ควรพบกัน แต่ทั้งสองล้วนแล้วแต่ไม่สนใจกฎเกณฑ์ใดๆ อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่สนใจในเรื่องนี้
เว่ยจวินมั่วเดินมานั่งลงด้านข้าง พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “อีกสองวันเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระชายารัชทายาท เจ้าระวังตัวด้วย”
หนานกงมั่วชะงัก ไม่นานจึงได้สติกลับคืนมา เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “เพราะ…ฝ่าบาทแต่งตั้งข้าเป็นจวิ้นจู่งั้นหรือ”
“พร้อมทั้งที่ดินด้วย” เว่ยจวิ้นมั่วชี้ให้เห็น หากเป็นแค่การแต่งตั้งตำแหน่งจวิ้นจู่คงไม่มีสิ่งใดน่ากังวล ทว่าหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนจะได้รับที่ดินเป็นรางวัลด้วยซึ่งนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว อย่างไรก็ตามจวิ้นจู่หลายคนยังไม่ได้รับที่ดินมาปกครองซึ่งจะต้องได้รับจากการมอบศักดินาด้วยซ้ำ แม้ซิงเฉิงจะมิใช่พื้นที่กว้างใหญ่ แต่เรียกได้ว่าเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งในหูก่วงก็ว่าได้ คนที่ไม่ได้คิดมากก็เข้าใจไปเพียงว่าฮ่องเต้อยากเอาใจฉู่กั๋วกงเท่านั้น แต่กับคนที่มีความคิดสลับซับซ้อนนั้น ย่อมคาดเดาได้ยากว่าพวกเขาจะคิดเห็นเช่นไร
อย่าว่าแต่หนานกงมั่ว แม้แต่องค์หญิงฉังผิงก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา อย่างไรเสียต่อไปหนานกงมั่วก็ต้องแต่งกับเว่ยจวินมั่ว แม้ศักดินาของจวิ้นจู่หรือองค์หญิงจะเป็นมรดกไม่ได้ แต่เมื่อองค์หญิงฉังผิงและหนานกงมั่วยังอยู่ ต่อให้เว่ยจวินมั่วไม่รับตำแหน่งจวิ้นอ๋อง ศักดินาก็ไม่น้อยหน้าจวิ้นอ๋ององค์ใดแล้ว บนโลกใบนี้ต้องมีคนอิจฉาตาร้อนไม่น้อยเลยทีเดียว
หนานกงมั่วมองใครบางคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า คิดอยู่ในใจ หากนางมิใช่พวกเดียวกันกับเว่ยจวินมั่ว นางคงอดริษยาเด็กคนนี้ไม่ได้ วังจื่อเซียว สมบัติของกษัตริย์ฮั่น เบื้องหลังยังมีองค์หญิงฉังผิงและชินอ๋องทั้งสองคอยสนับสนุน หากให้น้องชายในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องที่พยายามแก่งแย่งตำแหน่งจวิ้นอ๋องกับเขารู้เรื่องพวกนี้เข้าคงจะโกรธจนแทบกระอักเลือด ทุกอย่างที่เว่ยจวินมั่วมี ต่อให้เปรียบกับทั้งจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องก็มิอาจเทียบเขาได้
หนานกงมั่วมองสายตากังวลของเขา พลันยิ้มบางๆ พลางพยักหน้าส่งให้ “ข้ารู้แล้ว ท่านวางใจเถิด”
เว่ยจวินมั่วพยักหน้า เอ่ยเสียงเบา “รอเราแต่งงานกันแล้ว อู๋สยาไปโยวโจวกับข้าเป็นเช่นไร”
หนานกงมั่วชะงัก ไม่เคยคิดว่าเว่ยจวินมั่วจะไปจากเมืองหลวง “ฝ่าบาทพึ่งแต่งตั้งตำแหน่งให้ท่านมิใช่หรือ” เว่ยจวินมั่วเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ “เสด็จตาเพียงต้องการหาพวกก็เท่านั้น แม้ตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังคุ้มกันเมืองหลวงจะสำคัญ แต่ในจินหลิงมีถึงสิบเจ็ดคน ต่างฝ่ายต่างมีกำลังเท่ากัน ยิ่งไปกว่านั้น…นี่ไม่มีประโยชน์อันใดกับข้า หากมิใช่เพราะแบบนี้ เสด็จตาคงไม่มีทางมอบอำนาจทางการทหารให้ข้าง่ายๆ” เขาเป็นเพียงโอรสขององค์หญิง แม้แต่ตำแหน่งจวิ้นอ๋องก็ยังไม่ได้รับ กองกำลังทหารเมืองจินหลิงสำหรับเขาแล้วมิได้มีประโยชน์ใดมากมาย ในทางตรงกันข้าม เมื่อมีอำนาจก็ต้องเข้าไปยุ่งกับการแก่งแย่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาต้องเลือกฝ่ายสนับสนุน หรือไม่ก็ต้องอยู่เป็นกลาง ยืนอยู่ข้างเสด็จตา แต่เช่นนี้จะง่ายต่อการเป็นเครื่องมือให้เสด็จตาใช้ในการโจมตีคนอื่น เว่ยจวินมั่วไม่เคยคิดว่าเสด็จตาผู้นี้ของเขาเหมาะที่จะเป็นผู้อาวุโสอันเป็นที่รักเลย
อีกทั้งเรื่องในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง แม้มารดายืนหยัดต้องการให้เขารับตำแหน่งจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง ทว่าตัวเว่ยจวินมั่วเองกลับไม่ต้องการ ความต้องการของเขามีเพียงหวังให้มารดาละทิ้งทุกอย่างและตามเขาไปอยู่โยวโจว เมื่อมีเสด็จลุงดูแลมารดาแล้วไม่ว่าจะทำสิ่งใดเขาล้วนวางใจได้ เมื่อได้ไปจากจินหลิง บางทีอาจทำให้เรื่องราวมากมายที่มารดาละทิ้งไม่ได้ค่อยๆ กลายเป็นสิ่งไม่สำคัญ
หนานกงมั่วคิดอย่างจริงจัง หากได้ไปโยวโจวแน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องดี โยวโจวอยู่ห่างจากฮ่องเต้ อ๋องที่ต้องออกจากวังไปเรียกได้ว่ากลายเป็นฮ่องเต้ในศักดินาที่ตนปกครอง ไม่ต้องเอ่ยถึงความรักที่เยี่ยนอ๋องมีให้เว่ยจวินมั่ว ต่อให้เป็นความสัมพันธ์แบบลุงหลานธรรมดา อย่างไรเสียก็คงดีกว่าคอยอยู่รับใช้ฮ่องเต้ที่จินหลิงและเข้าไปพัวพันในการแก่งแย่งโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเทียบกับจินหลิงที่เต็มไปด้วยกลอุบายมากมาย นางต้องชื่นชอบท้องฟ้ากว้างใหญ่และอิสระมากกว่าอยู่แล้ว
“ได้” หนานกงมั่วตอบด้วยรอยยิ้ม
เว่ยจวินมั่วจ้องมองนางนิ่ง เนิ่นนานจึงเอ่ย “อู๋สยา…”
หนานกงมั่วกะพริบตา เลิกคิ้วถาม “ทำไมหรือ”
เว่ยจวินมั่วส่ายหน้า “ไม่มีอันใด โยวโจวหนาวเย็นยะเยือก ข้ากลัวว่าอู๋สยาจะลำบาก แต่ว่า…ข้ายังอยากให้อู๋สยาไปกับข้า”
หนาวเย็นยะเยือกหรือ หนานกงมั่วไม่สนใจ คิดว่าข้าไม่เคยเรียนภูมิศาสตร์มาหรืออย่างไร ก็ได้ เทียบกับเมืองข้าวเมืองน้ำอย่างจินหลิงแล้ว โยวโจวนับว่าเป็นสถานที่หนาวเย็น หนานกงมั่วหัวเราะอย่างพึงพอใจ เอ่ยหยอกล้อ “มิใช่ว่า…แต่งงานกับไก่ตามไก่ แต่งงานกับหมาตามหมาหรอกหรือ ซื่อจื่อ ท่านจะชดเชยให้ข้าเยี่ยงไร”
ภายใต้แสงเทียนสาดส่อง ใบหูในเงามืดที่มองไม่เห็นของเว่ยจวินมั่วแดงระเรื่อ ทว่าใบหน้ากลับยังนิ่งสงบ ดวงตาที่มองไปยังหนานกงมั่วหวานหยาดเยิ้มจนแทบจะมีน้ำหยดออกมาได้ “จวินมั่วจะไม่ทำให้อู๋สยาต้องผิดหวัง”
นี่มันผิดกติกาชัดๆ หนานกงมั่วมองสบดวงตาสีม่วงงดงามราวกับอัญมณีตรงหน้า รู้สึกว่าตนเองทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รีบเบี่ยงหน้าหลบไปทางอื่น ทว่าทันเห็นรอยยิ้มและความสุขสะท้อนเป็นประกายวิบวับอยู่ในดวงตาสีม่วงคู่นั้น