สีหน้าของเว่ยจวินมั่วเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก้าวถอยหลัง “ต่อไปทุกอย่างในเรือนซูอวิ๋นต้องยกให้เจ้าเป็นคนจัดการ ฮูหยินจัดการตามเห็นสมควรก็พอ จริงสิ พวกนี้ก็ยกให้เจ้าด้วย” ลุกขึ้นยืนและยกกล่องเล็กออกมาจากตู้ วางลงตรงหน้าหนานกงมั่ว เอ่ยจริงจัง “นี่เป็นทรัพย์สินในบ้านทั้งหมดที่ข้ามี ต่อไปคงต้องรบกวนฮูหยินแล้ว”
หนานกงมั่วมองสายตาหนักแน่นของเขา เปิดกล่องออกด้วยความสงสัยพลันต้องตาพร่า แม้กล่องจะไม่ใหญ่มาก แต่ด้านในนั้นเต็มไปด้วยอัญมณีสีสันหลากหลาย ไม่ใช่เม็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่ฝังอยู่ในเครื่องประดับทั่วไปของสตรี ทุกชิ้นใหญ่จนสามารถนำมาประดับทำเป็นมงกุฎหงส์[1]ของฮองเฮาในวังได้ ในนั้นยังมีเพชร มรกต ทับทิม ไพลิน สิ่งที่ควรมีก็มีไปเสียทุกอย่าง หนานกงมั่วเห็นเครื่องประดับเพชรพลอยมามาก สมบัติของฮั่นอ๋องมีหลากหลายชนิดจนนับไม่ถ้วนแน่นอนว่าไม่ขาดอัญมณี แต่ยังไม่เคยเห็นเศรษฐีผู้ใดมีกล่องที่บรรจุอัญมณีเต็มไปหมดถึงเพียงนี้
หนานกงมั่วหยิบเพชรเม็ดหนึ่งที่มีขนาดเกือบเท่ากำมือของตนเองขึ้นมา ของเล่นชิ้นนี้…หากอยู่ในยุคก่อนหน้าของนางผู้คนคงได้เป็นบ้าแน่ ขนาดไม่ได้เล็กไปกว่าเพชรคัลลินัน[2]ที่มีชื่อเสียงว่าใหญ่ที่สุดในโลกในยามนั้นมากนัก แน่นอน…ในยุคสมัยนี้เพชรอาจจะไม่ได้มีค่าเท่ามรกต แต่ว่า…นี่ก็เพียงพอที่จะทำให้สตรีทั้งหลายต้องบ้าคลั่งเลยรู้หรือไม่
“เว่ยจวินมั่ว ท่านบอกความจริงมา ท่านปล้นเหมืองไปกี่ตระกูลกันแน่” หนานกงมั่วคว้าแขนเสื้อของใครบางคนไว้พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นมา เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว ฟังใครบางคนเอ่ยขึ้นมาอย่างซื่อตรง “ครั้งหน้าพาข้าไปด้วยได้หรือไม่”
เว่ยจวินมั่วยกมือขึ้นลูบผมสวยของนางอย่างเบามือ เอ่ยถาม “อู๋สยาขาดเงินหรือ พวกนี้ข้ายกให้เจ้าทั้งหมดเลย” ไม่ได้ เมืองจินหลิงนี้ใครจะขาดเงินก็ตาม แต่อู๋สยาจะขาดเงินไม่ได้ น่าเสียดายที่เว่ยซื่อจื่อไม่รู้ บนโลกใบนี้มีคนมากมายหลายรูปแบบ แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีความโดดเด่นคล้ายๆ กัน…เรื่องหลงใหลในทรัพย์สมบัติ และบังเอิญว่าคุณหนูใหญ่หนานกงก็เป็นหนึ่งในนั้น เงินมากเงินน้อยไม่ใช่ปัญหา นับวันเงินในมือยิ่งเพิ่มขึ้นก็จะรู้สึกมีความสุขอย่างหาที่เปรียบมิได้
หนานกงมั่วปล่อยเสื้อของเขาโดยเร็ว นั่งฟุบตัวลงไปกับกล่องและเล่นอัญมณีเหล่านั้นอยู่สักพัก จากนั้นจึงพลิกเอากระดาษปึกหนึ่งที่อยู่ด้านล่างขึ้นมาดู อดไม่ได้หันกลับไปหาเว่ยจวินมั่ว สังคมมืดนี่มันเป็นการค้าที่หาเงินได้ดีทีเดียว เงินส่วนตัวของคุณชายเว่ยมีมากกว่าที่นางคาดเอาไว้เสียอีก กิจการร้านค้าหลายร้อยแห่งทั่วประเทศ แม้ส่วนใหญ่จะไม่ได้อยู่ในจินหลิง นอกจากนี้แล้วยังมีตั๋วเงินตำลึงเงินตำลึงทองอยู่ในร้านรับฝากเงินใหญ่ๆ ทั่วประเทศ รวมๆ แล้วทั้งหมดมีตำลึงทองคำสองแสนตำลึง ตำลึงเงินมากกว่าหนึ่งล้านตำลึง
การรวบรวมทรัพย์สินโดยมิชอบพวกนี้ หากบอกว่าเว่ยจวินมั่วคิดก่อกบฏนางก็เชื่อ หากฮ่องเต้รู้ว่าเว่ยจวินมั่วมีเงินซุกซ่อนไว้มากมายถึงเพียงนี้…หึหึ…รวมถึงพวกผู้มีอำนาจในจินหลิงพวกนั้น คงต้องร้องไห้จนตายแน่
หนานกงมั่วปิดกล่องลงอย่างรวดเร็ว ผลักกล่องคืนให้เว่ยจวินมั่ว เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว “อย่างไรหรือ”
“ข้ามือสั่น กลัวถือมันไม่อยู่”
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ไม่เป็นไร ข้าจะช่วยเจ้ารับมันเอาไว้”
หนานกงมั่วไร้เรี่ยวแรง “ของมากมายเอาไว้ที่บ้าน ท่านไม่กลัวโจรขโมยหรือ”
“ไม่มีใครกล้าขโมยของข้า” คุณชายเว่ยเอ่ยสีหน้าเรียบนิ่ง เมื่อมองเห็นใบหน้ามีโทสะของหนานกงมั่ว คุณชายเว่ยชะงักไปชั่วครู่ เอ่ย “หากอู๋สยาไม่วางใจ เอาไปเก็บไว้ที่คลังก็ได้ เอ่อ ห้องลับก็ได้ อยู่ในห้องของเรา”
“ก็ต้องวางไว้ในห้องลับสิ” หนานกงมั่วกลอกตา เอ่ย “พอดีเลย ของของข้าก็จัดการให้เรียบร้อยจะได้เอาเข้าไปเก็บพร้อมกันเลย” แม้ข้าจะมีเงินมาก แต่ไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนรู้ว่านี่คือความจริง เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเฉยเมย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อไปบัญชีของเรือนก็ยกให้เป็นหน้าที่อู๋สยาแล้วกัน หากข้าต้องใช้เงินจะมาถามที่เจ้า”
อืม บุรุษที่มอบรายได้ให้ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นบุรุษที่ดี เพียงแต่…มอบบัญชีทั้งหมดให้ข้าหมายความเช่นไร หนานกงมั่วนึกไปถึงกิจการร้านค้าหลายร้อยแห่งก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ยุ่งยากเล็กน้อย ของเสด็จแม่ ของเรือน ข้าจัดซื้อเป็นการส่วนตัว ยังมีวังจื่อเซียว ต้องแยกกันจัดการ ดังนั้น ลำบากอู๋สยาแล้ว”
“ท่านไม่กลัวว่าข้าจะหอบเงินของท่านหนีไปหรือ” หนานกงมั่วกัดฟันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลันรู้สึกว่าโดนหลอกแล้ว เจ้าบ้านี่ความจริงแล้วต้องการหาคนจัดการบัญชีใช่หรือไม่
“หากอู๋สยาอยากได้ ให้เจ้าหมดเลย” แต่ต้องเอาคนมาชดใช้
“ช่างใจกว้างเสียจริง”
“จริงสิ เมื่อวานอาจารย์อาให้สิ่งใดกับท่าน” หนานกงมั่วนึกขึ้นมาได้ เอ่ยถามด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าเว่ยจวินมั่วเองก็ลืมไปแล้ว ไม่นานจึงนึกขึ้นได้ว่าเอาของไปวางไว้ที่ใด หันกลับไปหาและนำมายื่นให้นาง หนานกงมั่วเปิดออกดูพลันตกตะลึง มองเว่ยจวินมั่วพลางถอนหายใจ “อาจารย์อาช่างใจกว้าง ดูเหมือนอาจารย์อาของข้าคงจะไม่พอใจต่อศิษย์พี่มาก” ครั้งนี้อาจารย์อาไม่ได้มอบสมบัติล้ำค่าหรือเงินตราอัญมณีใดๆ อาจารย์มอบยาหนึ่งขวดที่สรรพคุณไม่ชัดเจนและตำราเกี่ยวกับเคล็ดลับการต่อสู้ หากเป็นคนทั่วไป มียาที่ไม่รู้สรรพคุณก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร แต่หนานกงมั่วเป็นใคร ต่อให้ไม่เก่งเท่าเสียนเกอนางก็เป็นศิษย์น้องของหมอเทวดา เพียงดมเล็กน้อยจากนั้นโยนให้เว่ยจวินมั่ว “รับไป ใช้ช่วยชีวิต”
เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว หนานกงมั่วกลอกตา “ก็อย่างเช่นหากท่านยังมีลมหายใจเฮือกสุดท้ายอยู่ก็สามารถช่วยท่านยืดเวลาออกไปอีกสักวันสองวันอะไรแบบนั้น” หากบอกว่าฟื้นคืนชีพคนตายก็คงจะเกินไป แต่ตราบใดที่ยังมีลมหายใจก็สามารถช่วยได้เสมอ อย่างไรก็ดีกว่ายาที่ศิษย์พี่ให้ครั้งก่อน อีกทั้งเคล็ดลับการต่อสู้นั่น เมื่อครั้งนั้นนางแอบเข้าไปขโมยในห้องอาจารย์อายังไม่ยอมเลย ยามนี้กลับโยนให้เว่ยจวินมั่วง่ายๆ
เว่ยจวินมั่วเปิดดู วางเคล็ดลับการต่อสู้ไว้ด้านข้าง “นี่เหมาะกับอู๋สยา”
แน่นอนว่านางรู้ หากนางฝึกได้แล้วอาจารย์อาจะไม่ซ่อนเอาไว้ แต่ตัวเองทำอย่างไรก็ไม่ได้มันมา คนอื่นกลับได้มันไปง่ายๆ มันรู้สึก…
“อู๋สยาอิจฉาอีกแล้วหรือ” เว่ยจวินมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หนานกงมั่วกลอกตา ก้มหน้าจัดการกับของบนโต๊ะต่อไปไม่สนใจเขา เว่ยจวินมั่วเองก็ไม่รีบร้อน เพียงนั่งมองนางเปิดอ่านบัญชีนั้นอย่างรวดเร็วอยู่เงียบๆ พลางคิดบัญชีพลางเขียนบัญชีใหม่ไปด้วย ท่าทางจดจ่อและจริงจังของนางทำให้แสงสว่างในดวงตาของเว่ยจวินมั่วยิ่งดูลึกซึ้งมากขึ้น รอจนกระทั่งหมิงฉินเข้ามารายงานถึงเวลาทานอาหารกลางวันแล้ว หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นมาจึงได้รู้ว่าเว่ยจวินมั่วนั้นนั่งนิ่งมองนางอยู่ตลอดเวลา พลันทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย “ท่านยังนั่งอยู่ตรงนี้ทำไมกัน”
เว่ยจวินมั่วเอ่ยตอบ “ข้าไม่ต้องเข้าเวร ก็อยู่เป็นเพื่อนอู๋สยาคิดบัญชีสิ”
“นี่คืออยู่เป็นเพื่อนข้าหรือ” นางนั่งยุ่งวุ่นวายไก่หมากระเจิง เขานั่งอยู่ข้างๆ ไม่ขยับสักนิด นางต้องตาบอดเพียงใดถึงคิดว่าบุรุษผู้นี้เป็นบุรุษที่ดี
คุณชายเว่ยมองไปยังหนานกงมั่วด้วยท่าทางน้อยใจ เอ่ย “อู๋สยา ว่ากันว่า…แต่ละคนมีความสามารถไม่เหมือนกัน ไม่มีใครเก่งไปเสียทุกด้าน”
“แล้ว”
“ข้าไม่ถนัดคิดบัญชี” คุณชายเว่ยเอ่ยด้วยท่าทีสงบ
ท่านช่างเปิดเผยนัก หนานกงมั่วตำหนิอยู่ในใจ กวาดตามองบัญชีบนโต๊ะ ถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างน้อยส่วนที่ควรจัดการก็จัดการเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือเป็นหน้าที่ของบ่าว เมื่อลองคิดไตร่ตรองในใจอย่างจริงจัง หนานกงมั่วพลันตกใจเมื่อพบว่าแม้ตอนนี้ตนเองจะห่างไกลกับคำว่าร่ำรวยจนเป็นศัตรูต่อประเทศได้ แต่ในเมืองจินหลิงก็เรียกได้ว่าเป็นเศรษฐี สินเจ้าสาวจวนฉู่กั๋วกง สินเจ้าสาวของมารดา สินเจ้าสาวที่อาจารย์มอบให้ อีกทั้งยังมีเงินที่ตนเองเก็บสะสมมาและทรัพย์สินส่วนตัวที่เว่ยจวินมั่วพึ่งจะมอบให้เมื่อครู่ บวกกับภาษีในแต่ละปีจากอาณาบริเวณที่ฮ่องเต้ประทานให้ เงินในมือของนางอยู่ในระดับที่ทำให้คนต้องตกตะลึงได้แล้ว ยังไม่นับรวมกับสมบัติที่ถูกเก็บรักษาอยู่ในห้องลับที่ยังเอาออกมาใช้ไม่ได้ เงินมากมายเพียงนี้…เอามาทำอันใดกัน
——————————
[1] มงกุฎหงส์ เป็นเครื่องประดับศีรษะของสตรีสามัญชนที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ ลวดลายของมงกุฎแตกต่างกันไปตามระดับชั้นที่ได้รับ หากเป็นของไทเฮา ฮองเฮา พระสนมฯก็จะเป็นรูปหงส์ แต่หากเป็นสามัญชนก็จะเป็นลวดลายดอกไม้
[2] เพชรคัลลินัน เป็นเพชรคุณภาพอัญมณีดิบ ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบ หนัก 3,106.75 กะรัต มีความยาวประมาณ 10.5 ซม. ค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1905 ใกล้กับกรุงพริทอเรีย ประเทศแอฟริกาใต้