หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 250 แต่งงาน อำนาจปกครองเรือน (3)

ตอนที่ 250 แต่งงาน อำนาจปกครองเรือน (3)

แม่เฒ่าใบหน้าถมึงทึงไม่เอ่ยสิ่งใดอีก แน่นอนว่านางไม่กล้าเอ่ยถึงอตีดฮองเฮาว่าไม่ดี

ฮูหยินน้อยสองคนที่นั่งอยู่ด้านล่างมองสบตากัน แววตาสับสน พี่สะใภ้ผู้มาใหม่ดูจะไม่ธรรมดา ชื่อเสียงของซิงเฉินจวิ้นจู่โด่งดังพวกนางเองก็เคยได้ยิน เพียงเสียดาย…พวกนางยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามมาตั้งแต่ต้น

“ซื่อจื่อและพระชายาซื่อจื่อมาแล้วขอรับ” ด้านนอก เสียงพ่อบ้านเอ่ยรายงานดังขึ้น

หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วจูงมือกันเดินเข้ามา ด้านหลังมีสองมามาและสาวใช้ทั้งสี่เดินตามเข้ามาด้วย แน่นอนว่าแม่เฒ่าจำได้ว่ามามาทั้งสองนั้นเป็นคนขององค์หญิงฉังผิง หันไปหาองค์หญิงฉังผิงพลันเอ่ย “เจ้าช่างดีกับซิงเฉิงจวิ้นจู่เหลือเกินนะ” องค์หญิงฉังผิงเอ่ยตอบ “มั่วเอ๋อร์เป็นสะใภ้ของข้า เปรียบดั่งบุตรีของข้า ข้าจะไม่ดีกับนางได้เช่นไรเจ้าคะ”

“คารวะท่านย่า ถวายพระพรเสด็จพ่อ เสด็จแม่” เว่ยจวินมั่วกล่าวเสียงเรียบด้วยใบหน้านิ่ง

หนานกงมั่วย่อตัวลงเล็กน้อย “อู๋สยาคารวะท่านย่า ถวายพระพรเสด็จพ่อ ถวายพระพรเสด็จแม่เพคะ”

แม่เฒ่าปรายตามองหนานกงมั่ว นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เจอกับหลานสะใภ้ผู้นี้ หันกลับไปมองหลานสะใภ้ทั้งสองที่นั่งอยู่ด้านข้าง อดที่จะถอนหายใจอยู่ในใจไม่ได้ เพราะแต่งงานใหม่หนานกงมั่วจึงมิได้ใส่เสื้อผ้าสีพื้นธรรมดาตามความเคยชิน ทว่าอยู่ในอาภรณ์สีแดงอมส้ม ด้านนอกคลุมด้วยเสื้อคุมแขนใหญ่สีเงินปักลายดอกบัว ส่วนเว่ยจวินมั่วอยู่ในอาภรณ์สีฟ้าครามคลุมด้วยเสื้อคลุมสีเงิน ดูเหมาะสมกันเป็นอย่างยิ่ง

เจอผู้ใหญ่ครั้งแรก หนานกงมั่วใส่ใจกับการแต่งกายมากทีเดียว ผมถูกมวยขึ้นง่ายๆ ด้วยฝีมือของสาวใช้แลดูสบายตา ปิ่นสีทองลวดลายรูปดอกโบตั๋นตกแต่งด้วยอัญมณี พู่สีทองทิ้งห้อยลงด้านข้าง พู่ระย้าแกว่งไกวไปมาตามการเคลื่อนไหวยิ่งส่งให้ดูงดงามยิ่งขึ้น แม้มิได้แต่งตัวโอ่อ่าทว่ามิอาจดูแคลนได้ ผู้ที่นั่งอยู่ ณ ที่ตรงนี้ล้วนแล้วแต่มีความรู้ แน่นอนรู้ดีว่าทุกชิ้นบนร่างกายของหนานกงมั่วไม่ว่าชิ้นใดก็ไม่ธรรมดาทั้งสิ้น การออกแบบลวดลายดอกโบตั๋นสีทองดอกนั่น อัญมณีที่ประดับอยู่บนปิ่นนั่นอีก ฐานะเช่นเฝิงซื่อไม่มีเกินสองชิ้นเป็นแน่ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงจี้หยกที่ห้อยอยู่ที่เอว เห็นได้ชัดว่าเป็นของในวัง

องค์หญิงฉังผิงชื่นชอบการแต่งกายของหนานกงมั่วมาก เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “มั่วเอ๋อร์แต่งตัวสวยมากทีเดียว สตรีรู้จักแต่งองค์ทรงเครื่องบ้างจึงจะถูก แต่พออายุเช่นข้าแล้วคิดอยากแต่งตัวคงน่าเบื่อแล้ว” หนานกงมั่วยิ้มบางๆ “องค์หญิงยังดูอ่อนวัยอยู่เลยเพคะ หากเดินออกไป ใครไม่รู้คงคิดว่าองค์หญิงเป็นพี่สาวของหม่อมฉัน”

องค์หญิงฉังผิงยกมือขึ้นป้องปากหัวเราะเบาๆ ออกมา มองไปยังหนานกงมั่ว เอ่ย “เจ้าเด็กคนนี้ เวลานี้แล้วยังจะเรียกองค์หญิงอยู่อีกหรือ”

เว่ยจวินมั่วกุมมือนาง เอ่ยเสียงกระซิบ “เรียกเสด็จแม่”

“เสด็จแม่” หนานกงมั่วเองไม่เขินอาย เรียกออกมาเสียงดัง องค์หญิงฉังผิงพึงพอใจ ตบลงบนหลังมือนางเบาๆ “เด็กดี ยกน้ำชาให้แม่เฒ่าก่อนเถิด”

ไม่นาน สาวใช้ก็ส่งน้ำชามาให้ หนานกงมั่วยกถ้วยน้ำชาก้าวไปด้านหน้า เอ่ยด้วยท่าทีนอบน้อม “ท่านย่า เชิญดื่มชาเจ้าค่ะ”

แม่เฒ่ามองสำรวจหนานกงมั่ว พยักหน้าและรับถ้วยชาไปดื่มหนึ่งอึก จากนั้นรับซองสีแดงมาจากสาวใช้ด้านข้างแล้วยื่นส่งให้กับหนานกงมั่ว บอกเพียงขอให้ใช้ชีวิตอย่างราบรื่นประโยคเดียวเท่านั้นและไม่กล่าวอันใดอีก หนานกงมั่วเองไม่ใส่ใจ หันไปยกน้ำชาให้องค์หญิงฉังผิงและจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องต่อ จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องให้เพียงซองแดงไม่เอ่ยสิ่งใด แต่เมื่อมาถึงองค์หญิงฉังผิง องค์หญิงฉังผิงประคองหนานกงมั่วขึ้นมา เอ่ยชื่นชม สาวใช้ด้านข้างยกพานมาอยู่ข้างๆ ในพานนั้นมีเครื่องประดับหลายชิ้นและซองแดงหนึ่งซอง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ของพวกนี้เป็นของที่ติดตัวข้าออกมาจากวัง ยามนี้คงไม่ได้ใช้แล้ว เจ้ารับไปเล่นเถิด”

หนานกงมั่วกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม แม้นางจะไม่เข้าใจของเหล่านี้ เพียงมองสายตาของบรรดาสตรีที่อยู่ในนี้ก็รู้ว่าของขวัญที่องค์หญิงมอบให้นั้นสำคัญเพียงใด

หนานกงมั่วเองก็มอบของขวัญที่ตนเองเตรียมมาแด่ผู้ใหญ่ แม่เฒ่ามองรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมตรงหน้า สีหน้าพลันอ่อนลงพลางพยักหน้าเบาๆ เฝิงซื่อที่ได้รับของขวัญใกล้เคียงกับอนุอีกสองคนแสดงสีหน้าไม่พึงพอใจเท่าใด องค์หญิงฉังผิงกวาดตามองเชื้อสายรองที่อยู่ตรงนี้ กล่าวว่า “พวกเจ้าเองก็มอบของขวัญให้พระชายาซื่อจื่อสักชิ้นเถิด”

องค์หญิงฉังผิงมิได้บอกว่าพี่สะใภ้ นางรู้ดีว่าเชื้อสายรองพวกนี้มิได้คิดว่าเว่ยจวินมั่วเป็นพี่ใหญ่ จึงไม่คาดหวังให้พวกเขาเคารพต่อพี่สะใภ้ผู้นี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงต้องมีความสัมพันธ์กันเพียงซื่อจื่อและพระชายาซื่อจื่อเพียงเท่านั้น ฐานะแตกต่าง ของขวัญเองก็สมควร

พวกเว่ยจวินปั๋วพลันเปลี่ยนสีหน้าไป เว่ยจวินเจ๋อกำลังจะลุกขึ้นเอ่ยบางสิ่งทว่ากลับถูกเว่ยจวินปั๋วยื่นมือมาจับเอาไว้ เว่ยจวินปั๋วลุกขึ้นก่อนเดินเข้าไปหาหนานกงมั่ว โค้งคำนับอย่างสุภาพ “จวินปั๋วคารวะพี่สะใภ้”

หนานกงมั่วพยักหน้าน้อยๆ “คุณชายรองไม่ต้องมากพิธี” เมื่อครั้งอยู่ตานหยางหนานกงมั่วมิได้สังเกตเว่ยจวินปั๋วโดยละเอียด ยามนี้มองแล้วจึงรู้ว่าเว่ยจวินปั๋วนั้นคล้ายกับจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องกว่าเจ็ดส่วน เมื่อเทียบกับเว่ยจวินเจ๋อผู้ใจร้อน เห็นได้ชัดว่าเว่ยจวินปั๋วนั้นเจ้าแผนการกว่ามาก จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องไม่ต้องการยกตำแหน่งจวิ้นอ๋องให้เว่ยจวินมั่ว แปดส่วนคงอยากยกให้เว่ยจวินปั๋วสินะ

สตรีที่นั่งอยู่ข้างเว่ยจวินปั๋วเองก็ลุกตามมา คารวะด้วยท้วงท่างดงาม “น้องสาวเสิ่นซื่อคารวะพี่สะใภ้”

หนานกงมั่วคารวะกลับ ยื่นของขวัญที่ให้คนเตรียมไว้ให้ส่งให้กับนาง ต่อมาก็เป็นคู่สามีภรรยาเว่ยจวินเจ๋อรวมถึงเว่ยจวินอี้ อีกทั้งน้องสาวเชื้อสายรองอีกสองคนก็เข้ามาต่อแถวกันคารวะ

“เว่ยเฟยคารวะพี่สะใภ้”

“เว่ยเชี่ยนคารวะพี่สะใภ้” เด็กสาวสองคน หนึ่งคนดูคล้ายจะอายุสิบหกสิบเจ็ด ส่วนอีกคนคล้ายว่าจะสิบสามสิบสี่ แม้จะไม่ได้งามหยดย้อยทว่างดงาม โดยเฉพาะบุตรีคนโตเว่ยเฟย หน้าตาถอดมาจากมารดาของนางอนุเซียง เมื่อช้อนตาขึ้นมาเห็นได้ถึงความน่ารักอย่างชัดเจน เพียงแต่อายุเพียงนี้แล้วยังไม่แต่งงานคาดว่าแม้แต่เรื่องออกเรือนก็คงมิได้เอ่ยถึง ในจินหลิงนั้นค่อยข้างหาได้ยากในหมู่สตรีสูงศักดิ์ คิดว่าเพราะเป็นเชื้อสายรองจึงหาตระกูลที่เหมาะสมได้ยาก

หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ยเสียงเบา “น้องสาวทั้งสองไม่ต้องมากพิธี” มอบถุงผ้าปักลายงดงามส่งให้ทั้งสอง หนานกงมั่วไม่คิดเอนเอียงต่อใคร ของในถุงผ้าทั้งสองนั้นเหมือนกัน ทุกคนได้รับปิ่นทองหนึ่งอันและกำไลข้อมือหนึ่งชิ้น แต่เว่ยเชี่ยนที่ยังเด็กนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ แค่นเสียงในลำคอด้วยสีหน้านิ่ง แม้จะเสียงเบาแต่หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วล้วนแต่หูไวทั้งคู่ แววตาเย็นยะเยือกของเว่ยจวินมั่วมองปราดไปยังเว่ยเชี่ยน เว่ยเชี่ยนตื่นตระหนกรีบก้มหน้าและก้าวถอยออกไป

พึ่งยกน้ำชาเสร็จ เว่ยหงเฟยก็จะไม่นั่งอยู่แล้ว ขณะกำลังจะลุกขึ้น แม่เฒ่าจึงรีบเอ่ย “ในเมื่อพระชายาซื่อจื่อแต่งเข้ามาแล้ว มีบางเรื่องที่ต้องเอ่ยต่อหน้าท่านอ๋องและองค์หญิงสักนิด ตามหลักแล้ว…ยามนี้องค์หญิงไม่ปกครองเรือนหลัง พระชายาซื่อจื่อแต่งเข้ามาแล้ว เรื่องทั้งหมดควรต้องยกให้พระชายาซื่อจื่อเป็นผู้ดูแล”

แต่ว่า… หนานกงมั่วคิดอยู่ในใจ

“แต่ว่า พระชายาซื่อจื่ออายุยังน้อย อีกทั้งยังอยู่ตานหยางเป็นเวลานานไม่เคยจัดการบ้านเรือน คงจะไม่ถนัดเรื่องนี้” แม่เฒ่ามองไปยังองค์หญิงพลางเอ่ยต่อ องค์หญิงฉังผิงเลิกคิ้ว เอ่ยว่า “คนหนุ่มสาวยังไม่มีประสบการณ์จัดการดูแลนั้นไม่แปลก ค่อยๆ เรียนรู้ไปก็ได้ หากแม่เฒ่ากลัวว่ามั่วเอ๋อร์ยังเด็กไม่มีประสบการณ์ ให้ข้าดูแลและสอนนางไปด้วยก็ได้”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท