ตอนที่ 326 ประสบความสำเร็จในการสอบและเขยขวัญที่เตียงตะวันออก (2)
เมื่อก่อนไม่ว่าเฉิงจวิ้นอ๋องจะจัดงานเลี้ยงที่ใดก็ไม่เคยเชิญเว่ยจวินมั่ว ทว่าปีนี้กลับส่งเทียบเชิญมาให้ ไม่ต้องบอกว่าหมายถึงอย่างไรก็คงรู้ดี
เว่ยจวินมั่วไม่ใส่ใจ เอ่ยว่า “ไม่ต้องไปสนใจเขา”
หนานกงมั่วกะพริบตาปริบมองเขา “แต่ว่า…ข้าอยากไป”
“นี่เป็นของข้า” นี่คือของบุรุษ ซินเย่ว์หยวนไม่รับแขกที่เป็นสตรี นี่คือสิ่งที่เว่ยจวินมั่วจะสื่อ
“แต่ว่า…ข้าอยากเห็นว่าคณิกาอันดับหนึ่งในจินหลิงหน้าตาเป็นเช่นไร” หนานกงมั่วมองเขาอย่างน่าสงสาร เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว นิ่งสงบไม่เอ่ยสิ่งใด หนานกงมั่วยู่ปาก เดินเข้าไปกอดคอของเขาและซบลงกับไหล่ “คณิกาอันดับหนึ่งของจินหลิงเลยนะ ท่านก็ไม่เคยเห็นมิใช่หรือ”
“ข้าไม่สนใจ” เว่ยจวินมั่วเอ่ยตอบ
“ข้าสนใจ” หนานกงมั่วเอ่ยอย่างกระตือรือร้น “ร่ายรำจนถึงยามดวงจันทร์สาดส่องเข้ามาในกลางหอ พัดร่ายรำจนเหน็ดเหนื่อย ได้ยินชื่อเสียงแล้วดูเหมือนหญิงงามที่ไม่เหมือนใคร”
เว่ยซื่อจื่อก้มหน้าลง มองนางนิ่ง
“จวินมั่ว…” หนานกงมั่วเอ่ยเรียกเสียงเบา น้ำเสียงอ่อนหวานจนตัวเองแทบขนลุก เว่ยซื่อจื่อเองราวกับรับมือไม่ไหว ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นมุมปากยกยิ้มขึ้นมา หนานกงมั่วส่งเสียงหึเบาๆ แล้วกลับมาเป็นปกติ “ต้องทำเช่นไรท่านจึงจะพาข้าไปด้วย”
เว่ยจวินมั่วครุ่นคิด เอ่ยกระซิบชิดใบหูของนางไม่กี่ประโยค
หนานกงมั่วกัดฟัน เอ่ย “เว่ยจวินมั่ว ท่านมันคนบ้า”
“ไม่ไปหรือ”
“ไป” กัดฟันด้วยความโกรธ ต้องมีสักวันที่ท่านจะต้องมาอ้อนวอนอยู่ในกำมือของข้า
หนานกงมั่วคิดมาตลอดว่าการปลอมตัวเป็นชายนั้นเป็นเรื่องหลอกลวง แม้นางจะเลียนแบบภาษาท่าทางและน้ำเสียงได้กว่าเก้าส่วน เสียดายใบหน้าไม่ช่วย สตรีอายุสิบหกต่อให้แต่งเหมือนบุรุษอย่างไรก็ดูเป็นเด็ก แต่ว่าเมื่อไปซินเย่ว์หยวนสถานที่แบบนั้น ทำได้เพียงต้องแต่งเป็นชาย ต่อให้นางอยากแต่งเป็นสาวใช้ของเว่ยจวินมั่วก็ทำไม่ได้ แน่นอนอนุภรรยาใช่ว่าจะพาไปไม่ได้ แต่ว่า…เว่ยจวินมั่วไม่มีอย่างไรเล่า
ซินเย่ว์หยวนตั้งอยู่ทิศใต้นอกเมืองติดกับเมืองชั้นใน เหมือนกับที่อื่นๆ ตลอดทั้งถนนเส้นนี้คือล้วนเป็นหอนางโลม เพียงแต่ซินเย่ว์หยวนนั้นแตกต่างจากที่อื่นไม่น้อย ซินเย่ว์หยวนนั้นครอบครองถนนไปกว่าสองส่วน เดิมทีซินเย่ว์หยวนไม่ได้ใหญ่เพียงนี้ ล้วนสร้างขึ้นมาหลังจากแม่นางซินเย่ว์ผู้นี้โด่งดังขึ้นมาจนกลายเป็นคณิกาอันดับหนึ่ง แน่นอนว่าในหอยังมีคณิกาคนอื่น แต่ผ่านไปกว่าห้าหกปี แม่นางซินเย่ว์ก็ยังงดงามไม่สร่างซาจากเมื่อก่อนเลยแม้เพียงนิด
หนานกงมั่วมิได้ไปกับเว่ยจวินมั่วเพียงสองคน ทว่าไปกับลิ่นฉังเฟิงและเว่ยจวินมั่ว คนทั่วทั้งในจินหลิงต่างรู้ดีว่าคุณชายใหญ่ตระกูลลิ่นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเว่ยจวินมั่ว เข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยกันก็ไม่น่าแปลกใจ หากหนานกงมั่วไปกับเว่ยจวินมั่วสองคนคงเป็นที่น่าสงสัย เพราะการผูกมิตรของเว่ยจวินมั่วนั้นมีขีดจำกัด แต่เมื่อมีลิ่นฉังเฟิงทุกอย่างก็จะแตกต่างออกไป คุณชายลิ่นวิ่งแจ้นไปทั่วตั้งแต่อายุยังน้อย มีมิตรสหายกว้างขวาง
หนานกงมั่วเดินลงจากรถม้าตามหลังเว่ยจวินมั่ว เล่นพัดในมือไล่สายตามองสำรวจซินเย่ว์หยวนตรงหน้า หากจะบอกว่าอำนาจของซินเย่ว์หยวนกดหอนางโลมแห่งอื่นเอาไว้ก็ย่อมมีเหตุผล มองดูสวนงดงามที่มีกลิ่นอายโบราณตรงหน้า จากนั้นหันไปมองหออาคารที่วิจิตรตระการตาด้านข้าง ความแตกต่างนี้คงเหมือนกับความแตกต่างของไนต์คลับในชาติที่แล้ว
ทั้งสองคนลงจากรถ มีคนมารอรับอยู่หน้าประตูอยู่ก่อนแล้ว มองเห็นรถม้าของจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจึงรีบเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้มและท่าทีนอบน้อม “เว่ยซื่อจื่อมาถึงแล้วหรือ เชิญด้านในขอรับ จวิ้นอ๋องรออยู่ด้านในแล้วขอรับ” มองเห็นหนานกงมั่วที่เดินตามหลังเว่ยจวินมั่วเข้ามา แม้จะมีความประหลาดใจแฝงอยู่ในดวงตา ใบหน้ากลับยังไม่เปลี่ยน เชิญทั้งสามคนเดินเข้าไปด้านใน
พื้นที่ของซินเย่ว์หยวนนั้นกว้างขวาง สภาพแวดล้อมก็ต่างไปจากที่หอนางโลมควรมี แม้ยามนี้จะเป็นฤดูใบไม้ร่วงในสวนกลับมีดอกไม้ผลิบานสะพรั่ง มีดอกไม้ที่ควรมีในฤดูหนาว และมีดอกไม้ปลอมจากใยผ้าทว่ากลับทำออกมาราวกับมีชีวิตอยู่มากมาย ตกแต่งไปทั่วทุกหนแห่ง คิดว่าเจ้าของคงลงทุนไปไม่น้อยเลยทีเดียว ศาลาในสวน ศาลาในหอ ศาลาริมน้ำล้วนมีครบครัน อีกทั้งยังมีหญิงงามคอยร่ายรำทำเพลงจนเต็มสวน ไม่แปลกเลยที่จะถูกคุณชายเหล่านั้นเรียกว่าสถานที่งดงามอันดับหนึ่งของจินหลิง
หนานกงมั่วชื่นชมมาตลอดทาง ต่อให้นางมาดูแลหอนางโลมสักแห่ง นางคิดว่าตนเองคงไม่อาจทำได้ดีเพียงนี้
“มั่ว…คุณชายมั่ว เป็นเยี่ยงไร ที่นี่ไม่เลวใช่หรือไม่”
หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าคุณชายฉังเฟิงเองก็มาเป็นแขกที่นี่บ่อยหรือ”
ลิ่นฉังเฟิงยักไหล่ เอ่ยขึ้น “น่าเสียดาย แม่นางหมิงเย่ว์ไม่ชอบข้า”
ตลอดทางผู้คนที่เดินผ่านเองก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองสำรวจหนานกงมั่วด้วยความประหลาดใจ สำหรับสตรีความสูงของหนานกงมั่วนับว่าไม่เลว แต่เมื่ออยู่ระหว่างบุรุษเห็นได้ชัดว่าค่อนข้างเตี้ยไปบ้าง บวกกับใบหน้าที่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ยังดูเด็กไม่อาจปิดบังได้ ดูแล้วเหมือนเด็กหนุ่มอายุสิบสามสิบสี่ เด็กอายุสิบสามสิบสี่เที่ยวหอนางโลมในจินหลิงใช่ว่าจะไม่มี แต่เด็กหนุ่มท่าทางนิสัยดีเป็นเด็กเรียบร้อยมาปรากฏตัวในหอนางโลมนับว่าเป็นเรื่องแปลก “จวินมั่วมาแล้วหรือ” ทั้งสองพึ่งเดินไปถึงหน้าประตู น้ำเสียงดีใจของเซียวเชียนลั่วก็ดังออกมาจากด้านใน สำหรับเซียวเชียนลั่ว เคยเจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง ไม่เคยแม้แต่จะพูดคุย หนานกงมั่วยิ่งไม่รู้จักคนผู้นี้เลย แต่ก็ดูออกว่าชายผู้นี้ไม่ใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน สามารถแสดงท่าทีสนิทสนมราวกับพวกเขาเป็นพี่น้องที่เติบโตมาด้วยกันภายใต้ความไม่สนิทสนมเพียงนี้นับว่ามีความสามารถนัก ทั้งสามเดินเข้าไปด้านในเซียวเชียนลั่วอดชะงักนิ่งไม่ได้ มองไปยังหนานกงมั่วด้วยความสงสัย เอ่ยถาม “จวินมั่ว คุณชายน้อยผู้นี้คือ?”
เว่ยจวินมั่วใบหน้าเรียบนิ่ง ยังคงประหยัดคำพูดเช่นเดิม ลิ่นฉังเฟิงก้าวขึ้นมาด้านหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้มร่าเริง “ผู้นี้คือเพื่อนของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ คุณชายมั่ว ได้ยินชื่อเสียงของแม่นางซินเย่ว์มานานเลยอยากเห็นสักครั้ง เฉิงจวิ้นอ๋อง รบกวนแล้ว” เซียวเชียนลั่วเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ “ได้เยี่ยงไร คุณชายลิ่นพามาแน่นอนว่าเป็นแขกของข้าด้วย”
แม้ลิ่นฉังเฟิงจะไม่เป็นที่โปรดปรานของนายท่านตระกูลลิ่น แต่ตราบใดที่เขายังไม่ถูกไล่ออกจากตระกูลอย่างเป็นทางการก็ยังคงเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลลิ่นอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเห็นแก่ความสัมพันธ์กับเว่ยจวินมั่วเขาจึงต้องให้เกียรติ มองดูเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่กับลิ่นฉังเฟิง ดวงตาคู่นั้นกวาดสายตามองสำรวจไปรอบด้าน ท่าทางราวกับถูกเลี้ยงทะนุถนอมมาอย่างดีและเมินเฉยต่อโลก
เซียวเชียนลั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้คุณชายน้อยมั่วอยากเจอซินเย่ว์อย่างนั้นหรือ ซินเย่ว์…อายุมากกว่าคุณชายน้อยเกือบสิบปีเชียวนะ” หนานกงมั่วแต่งตัวเป็นชายดูแล้วราวกับอายุเพียงสิบสาม ทว่าซินเย่ว์อายุยี่สิบกว่าไปแล้ว อายุต่างกันไม่น้อยจริงๆ
หนานกงมั่วกะพริบตา ใบหน้าใสซื่อราวกับไร้พิษภัย “เช่นนั้นแล้วอย่างไร ข้าได้ยินพี่ลิ่นพูดมานานแล้วว่าแม่นางซินเย่ว์เป็นสตรีที่งดงามที่สุดในจินหลิง วันนี้ไม่ง่ายเลยที่จะได้มาถึงจินหลิงแน่นอนว่าต้องมาให้เห็นกับตาสักครั้ง”