ตอนที่ 335 แยกทาง จวนองค์หญิง (1)
มององค์หญิงฉังผิงหมุนตัวเดินห่างออกไป เว่ยหงเฟยยื่นมือออกไปต้องการคว้าเอาไว้ ทว่ากลับถูกเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วขวางเอาไว้ แม้แต่ชายเสื้อขององค์หญิงฉังผิงก็คว้าเอาไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงตะคอกเสียงดัง “หลบไป”
หนานกงมั่วมองเว่ยหงเฟยที่โกรธจนแทบกระทืบเท้าเร่า ยิ้มพลางเอ่ย “จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องทำอันใดหรือ ในเมื่อไม่ชอบพวกเรา พวกเราไปก็เป็นดั่งที่ใจท่านปรารถนาแล้วมิใช่หรือ ร้อนรนเพียงนี้…คงไม่ใช่ว่าเสด็จแม่ไม่อยู่แล้วดูแลจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องไม่ได้หรอกกระมัง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ไยตอนนั้นท่านจึงไม่นอบน้อมดูแลองค์หญิงและซื่อจื่อ ปฏิบัติต่อบิดามารดาที่ให้เสื้อผ้าให้อาหารเช่นนี้…หากเป็นข้าข้าคงไปตั้งนานแล้ว เสด็จแม่ช่างจิตใจงดงาม” ขณะที่เอ่ยยังส่ายหน้าด้วยท่าทางเสียดาย “ข้าไม่ชอบที่สุดก็คือคนที่กินนมและด่าแม่ที่สุด ในเมื่อไม่มีความสามารถก็กินข้าวนิ่มๆ[1] ไปเสีย ยังจะหยิ่งในศักดิ์ศรีอันใดอีก”
“เจ้า…เจ้า…”
“โอ้ ท่านอ๋องท่านคงไม่คิดจะเป็นลมตามแม่เฒ่าไปหรอกกระมัง” หนานกงมั่วเอ่ยด้วยท่าทางตื่นตกใจ “อ่อนแอโต้ลมไม่ได้แบบนี้จะดีหรือ ซื่อจื่อ…”
เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “อู๋สยา ต่อให้ไม่เป็นซื่อจื่อข้าก็เลี้ยงเจ้ากับเสด็จแม่ได้ ไม่กินข้าวนิ่มหรอก”
“…” ลอบกลอกตาให้ ข้าไม่ได้หมายถึงแบบนี้ นึกถึงกล่องที่เต็มไปด้วยอัญมณี ตั๋วเงินและโฉนดที่ดินมากมายนั่นแล้ว คุณหนูใหญ่หนานกงจะไปกล้าหาว่าใครบางคนกินข้าวนิ่มได้เยี่ยงไร หากกินข้าวนิ่มต้องจ่ายเงินมากมายเพียงนั้น ใครยังจะกินอีก เว่ยซื่อจื่อมีเงินส่วนตัวมากมาย จะเอาเงินมากินแทนข้าวทุกวันก็มิใช่ปัญหา
มองเห็นใบหน้าท่านอ๋องที่แดงก่ำ ร่างกายโงนเงน คนรอบๆ พยายามเต็มที่เพื่อไม่ให้เผลอหัวเราะออกมา ขณะเดียวกันก็กังวลว่าท่านอ๋องคงไม่ได้โกรธเพราะพระชายาซื่อจื่อจนแทบเป็นลมหรอกใช่หรือไม่ มิฉะนั้นจะกล่าวได้ว่า…ร่างกายของท่านอ๋องอ่อนแอเกินไปแล้ว
หนานกงมั่วกลับไม่ยอมปล่อยคนพวกนี้ไปง่ายๆ เดินอ้อมจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องไปหาพระชายารองเฝิง เอ่ยขึ้นอีกว่า “พระชายารอง เงินสองหมื่นห้าพันตำลึงนั่นเจ้าคิดจะจ่ายเมื่อใด”
“อะไร” พระชายารองเฝิงมึนงง ยังไม่ทันได้สติจากฝ่ามือขององค์หญิงฉังผิงดีนัก
หนานกงมั่วขมวดคิ้ว “เจ้าคิดจะเบี้ยวหรือ” บุตรชายของเจ้ากำลังถูกโบยอยู่ด้านนอกนะ เจ้าคิดจะเบี้ยวเงินข้าจริงๆ หรือ
“หากเป็นเช่นนี้…งั้นก็ได้ หนึ่งร้อยตำลึงเท่ากับโบยหนึ่งครั้ง มอบมันให้เว่ยจวินเจ๋อทั้งหมดเลยแล้วกัน ข้าคิดเป็นตัวเลขศูนย์ให้เจ้านับเป็นสองร้อยก็แล้วกัน ออกไปบอกคนข้างนอก โบยเพิ่มอีกสองร้อยไม้”
ฟู่ว! สองร้อยห้าสิบไม้ คงโบยคุณชายสามจนแหลกละเอียดได้เลย
“ไม่เอา” ในที่สุดพระชายารองเฝิงก็ได้สติกลับมา
“ดังนั้น” หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าจะจ่ายหรือว่าไม่จ่าย”
“ข้าจ่าย” พระชายารองเฝิงกัดฟัด ใบหน้าซีดเซียว
รอจนกระทั่งหนานกงมั่วรับเงินจากมือพระชายารองเฝิงที่ทำใจส่งเงินให้ไม่ได้ จือซูก็วิ่งเข้ามารายงานบอกว่าเก็บของเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วพึ่งแต่งงานได้ไม่นาน และทั้งสองก็รู้ดีว่าคงอยู่ที่จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องแห่งนี้อีกไม่นานนัก ดังนั้นสินสมรสทำเพียงตรวจสอบและเก็บเข้าห้องเก็บของไปมิได้แตะต้อง ส่วนเว่ยจวินมั่ว ทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของเว่ยซื่อจื่อก็คือกล่องกล่องนั้นที่มอบให้หนานกงมั่วไว้ เครื่องเรือนที่เหลือยู่ก็เก็บไปหมดแล้ว นอกจากนั้นส่วนที่ถูกทุบแตกก็ถือเสียว่าขายแลกเป็นเงินสองหมื่นห้าพันตำลึงไปแล้ว อยากซื้ออีกหรือไม่
เก็บเงินเข้าถุงใต้แขนเสื้ออย่างพึงพอใจ จูงมือเว่ยจวินมั่วพลางโบกมือ กล่าวชักชวน “ไปกันเถิด ไปดูว่าเสด็จแม่เก็บของเรียบร้อยหรือไม่”
“เจ้าค่ะ พระชายาซื่อจื่อ”
ตกเย็น เหตุการณ์ในวันนั้นผู้คนที่อยู่รอบข้างจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องต่างก็เห็นว่าองค์หญิงฉังผิงพาบุตรชายและลูกสะใภ้ที่พึ่งแต่งเข้าจวนย้ายออกจากจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง มิใช่การออกไปเยี่ยมเยียนมิตรสหายดั่งที่เคยเป็นมา ทว่าเป็นขบวนยาวเยียดขนย้ายสิ่งของออกจากจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจริงๆ หากครั้งนั้นขบวนสินเจ้าสาวของหนานกงมั่วยาวเพียงใดกว่าจะมาถึงจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง ในยามนี้เมื่อผนวกรวมกับขบวนขององค์หญิงฉังผิงเข้าไปอีกจึงเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก
ภาพนี้ไม่ได้ปรากฏเมื่อครั้งองค์หญิงฉังผิงให้กำเนิดเว่ยจวินมั่วและถูกข้อครหาไปทั่วทั้งเมือง ไม่เคยปรากฏเมื่อครั้งจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องแต่งชายารองและให้กำเนิดเชื้อสายรอง ในที่สุดก็เกิดขึ้นแล้วหลังจากยี่สิบปีต่อมา ผู้คนแม้ต่อหน้าไม่เอ่ยสิ่งใด ในใจกลับคาดเดากันไปต่างๆ นานาว่าการกระทำขององค์หญิงฉังผิงในครั้งนี้หมายความเช่นไร
เวลานี้ประตูวังปิดแล้ว แน่นอนว่าในวังย่อมไม่รู้ข่าวองค์หญิงฉังผิงไปจากจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องแล้ว มองท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง องค์หญิงฉังผิงแทบรอไม่ไหวอยากรีบหนีไป เห็นได้ชัดว่าโกรธไม่น้อย ผู้คนพลางมองส่งขบวนทรัพย์สินขององค์หญิงฉังผิงไปยังจวนเยี่ยนอ๋องในจินหลิง พลางส่งสัญญาณบอกบ่าวไพร่ให้รีบไปสืบข่าวจากจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง
หน้าประตูจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง เว่ยหงเฟยใบหน้าเขียวปั๊ดมององค์หญิงฉังผิงที่ถูกหนานกงมั่วประคองอยู่ กัดฟันพลางเอ่ย “เจ้าจะก่อเรื่องเช่นนี้ให้ได้ใช่หรือไม่”
องค์หญิงฉังผิงหลุบตาลง ไม่เอ่ยตอบโต้แต่อย่างใด
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว ก้าวเดินเข้ามา เอ่ยจริงจัง “เกรงว่าท่านอ๋องคงกล่าวผิดไปแล้ว ไม่ใช่ข้าหรือเสด็จแม่ที่คิดจะก่อเรื่อง ในเมื่อจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องยอมรับพวกเราสามีภรรยาไม่ได้ พวกเราเองก็ไม่คิดจะเกาะติดจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องไม่ปล่อย แม้เงินเดือนของซื่อจื่อจะน้อย อย่างไรพวกเราก็ไม่มีทางอดตาย เสด็จแม่มีจวินมั่วเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว แน่นอนว่าพวกเราต้องเป็นคนเลี้ยงดู อยู่ที่จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง มีใครบ้างที่คิดว่าเสด็จแม่เป็นองค์หญิงจริงๆ”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ แต่ว่า…เมื่อมองดูขบวนข้าวของที่ไม่มีทีท่าจะสิ้นสุด ใครอดตายพวกเจ้าก็ไม่มีวันอดตายหรอก
หนานกงมั่วมิได้เอ่ยเสียงเบานัก ผู้คนที่มาคอยสืบข่าวอยู่ด้านข้างเข้าใจได้ทันที จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องไม่ต้อนรับเว่ยซื่อจื่อนั่นคือสิ่งที่ผู้คนรับรู้ แต่เรื่องที่ทำให้องค์หญิงโกรธถึงเพียงนี้นั้นหาได้ยากยิ่ง ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
“องค์หญิง นี่มันอันใดกัน” แม่เฒ่าที่ไม่รู้ฟื้นตั้งแต่ตอนไหนถูกคนประคองเข้ามาอย่างทุลักทุเล เอ่ยถามด้วยใบหน้าร้อนรน ตลอดหลายปีมานี้พวกเขาเพียงรังแกองค์หญิงที่อย่างไรก็ไม่เคยโกรธ แต่เมื่อองค์หญิงฉังผิงจะไปจากจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจริงๆ ก็อดร้อนใจไม่ได้ แม้แม่เฒ่าจะไม่ยอมรับ แต่ความจริงแม่เฒ่ารู้ดีอยู่ในใจว่าตำแหน่งจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องนี้ได้มาอย่างไร เป็นเพราะตระกูลเว่ยและราชวงศ์ทำสัญญากันก็เท่านั้น แต่งตั้งตำแหน่งจวิ้นอ๋องโดยให้เหตุผลว่าเป็นพระคุณที่นายท่านช่วยชีวิตฝ่าบาท ความจริงเป็นเพราะอดีตฮองเฮาและเยี่ยนอ๋องฉีอ๋องรวมไปถึงองค์หญิงหลายพระองค์ขอร้องเพื่อองค์หญิงฉังผิง แต่ในเมื่อตระกูลเว่ยทำสัญญากับราชวงศ์แล้ว ต่อให้เว่ยจวินมั่วจะมิใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของเว่ยหงเฟยจริงๆ ตระกูลเว่ยก็ต้องเลี้ยงดูเขาราวกับเลือดเนื้อเชื้อไข หากไม่ก่อเรื่องใหญ่โตฝ่าบาทคงจะหลับหูหลับตาไปได้ อย่างไรเสียการฝืนรับลูกที่ไม่ใช่ของตนมาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตนนั้นเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง แต่เมื่อเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นมา…ผิดคำพูดต่อราชวงศ์ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ
“องค์หญิงนี่มันอันใดกัน เด็กไม่รู้ความองค์หญิงลงโทษเขาก็พอแล้ว ไยจึงต้องออกจากบ้านไปเล่า” แม่เฒ่าเดินเข้ามาคว้ามือองค์หญิงฉังผิงเอาไว้ เว่ยจวินมั่วก้าวเข้ามาด้านหน้า ดึงให้องค์หญิงฉังผิงมาหลบที่ด้านหลังของตน หนานกงมั่วจับมือเว่ยจวินมั่ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่เฒ่ากล่าวหนักไปแล้ว วันนี้คุณชายสามกล้าทุบเรือนของพี่ชายและพี่สะใภ้ ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้จะไปทุบเรือนองค์หญิงหรือไม่ ในเมื่อจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องปกป้องคุณชายสาม พวกเราก็ไม่มีสิ่งใดต้องเอ่ย จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องยกให้พวกท่านไปเลยก็ได้ อย่าทำเหมือนพวกเราสามีภรรยาจะเลี้ยงดูเสด็จแม่ไม่ได้”
——————-
[1] กินข้าวนิ่ม เกาะผู้หญิงกิน