หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 387 ฮ่องเต้ โหว แม่ทัพ เป็นมาเพราะชาติกำเนิดอย่างนั้นหรือ (1)

ตอนที่ 387 ฮ่องเต้ โหว แม่ทัพ เป็นมาเพราะชาติกำเนิดอย่างนั้นหรือ (1)

ตอนที่ 387 ฮ่องเต้ โหว แม่ทัพ เป็นมาเพราะชาติกำเนิดอย่างนั้นหรือ (1)
หนานกงมั่วส่ายหน้า เอ่ย “ไม่ถูกสิ แม้จะเป็นเช่นนี้แล้วไยจินหลิงจึงไม่ได้รับข่าวคราวเลยแม้เพียงนิดเล่า” ต่อให้เจ้าหน้าที่เมืองหลิงโจวจะมีความกล้ากดข่าวนี้เอาไว้ ทว่าไม่มีทางจะเก็บข่าวมีคนก่อกบฏได้อย่างแน่นอน ทว่าจินหลิงไม่ได้ยินข่าวคราวฝั่งนี้เลยจริงๆ ลิ่นฉังเฟิงยักไหล่พลางเอ่ย “หลังจากที่เข้ายึดครองเมืองหลิงโจว แม่ทัพอู่เต๋อผู้นั้นราวกับฉลาดขึ้นมา ตอนที่พวกเจ้ามาก็คงจะได้เจอใช่หรือไม่ บุรุษทั้งหลายถูกจับมาเข้าร่วมกองทัพ จากนั้นส่งคนออกไปเฝ้าทุกเส้นทาง คนทั่วไปคิดจะส่งข่าวออกไปย่อมเป็นไปไม่ได้แล้ว” อีกทั้งจอมยุทธทั้งหลายไม่ว่าทำอะไรก็ไม่เคยใส่ใจเรื่องราชสำนักพวกนี้อยู่แล้ว

หนานกงมั่วเอ่ย “ท่านบอกว่าฉลาดขึ้น เช่นนั้นเดิมทีแม่ทัพอู่เต๋อผู้นี้มิได้ฉลาด มีคนคอยชี้นำเขาอยู่เบื้องหลังหรือไม่”

ลิ่นฉังเฟิงยักไหล่ “อย่างไรเสีย ครั้งนี้เซียวเชียนเยี่ยคงลำบากแล้ว”

คนสนิทของตนทำให้ทำให้คันกั้นน้ำต้องพังทลายจนทำให้มีคนก่อกบฏ เรื่องนี้อาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับเซียวเชียนเยี่ยโดยตรง แต่อย่างไรก็ตามเซียวเชียนเยี่ยก็ไม่อาจรอดตัวจากเรื่องนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นขุนนางในราชสำนัก ตระกูลผู้มีอิทธิพลล้วนไม่มีทางปล่อยเซียวเชียนเยี่ยไปเป็นแน่

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “ก่อนที่เซียวเชียนเยี่ยจะซวย นี่กลับเป็นความยุ่งยากของเราน่ะสิ”

ตอนนี้ เป็นความยุ่งยากของพวกเขาจริงๆ ฮ่องเต้มอบอำนาจให้เว่ยจวินมั่วจัดการ หากจัดการได้ไม่ดีย่อมเอ่ยได้ยากว่าฮ่องเต้จะโกรธหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น หนานกงมั่วดูแล้ว จากการปกป้องหวงจั่งซุนดั่งชีวิตของฮ่องเต้ เอ่ยได้ยากทีเดียวว่าฮ่องเต้อาจจะให้เว่ยจวินมั่วมารับผิดแทนเซียวเชียนเยี่ยหรือไม่

เรื่องนี้ เว่ยจวินมั่วกลับไม่สนใจ เพียงหันไปมองลิ่นฉังเฟิง เอ่ย “ตอนนี้ตานซินอยู่ที่ใด”

ลิ่นฉังเฟิงยักไหล่ เอ่ย “เจ้าตัวซวยนั่นน่ะหรือ ตอนนี้ถูกแม่ทัพอู่เต๋อจับขังคุกอยู่เลย คนผู้นี้ช่างน่าสนใจ ตนเองทำให้หลิงโจวราวกับจมอยู่ในโคลนตม แต่ก็ยังไม่ยอมจำนน ช่างจงรักภักดีต่อเซียวเชียนเยี่ยเสียจริง”

ได้ยินสิ่งที่ลิ่นฉังเฟิงเอ่ย หนานกงมั่วก็อดที่จะอึดอัดใจไม่ได้ คนบนโลกใบนี้นั้นช่างยุ่งเหยิงจนไม่อาจมีสิ่งใดมาเทียบได้ คนมักคิดว่าคนชั่วต้องมีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ ขุนนางจะต้องรักตัวกลัวตาย ผู้ร้ายขายบ้านขายเมืองจะต้องแล้งน้ำใจ แต่ว่ามีใครบ้างเล่าที่มีรูปลักษณ์เป็นไปแบบที่คิดเอาไว้ คนแบบตานซินผู้นี้มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขาคิดว่าตนเองนั้นภักดีต่อฮ่องเต้ ภักดีต่อราชสำนัก เพราะพวกเขาคิดว่ากินเงินเล็กๆ น้อยๆ ไม่ถือว่ามีความผิดแต่อย่างใด มิใช่การหักหลังต่อฮ่องเต้ มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ดีมาก เป็นข้าราชการอยู่พันลี้เพียงเพราะเงิน เพียงแต่ตานซินนั้นโชคไม่ดี เวลาเพียงสองสามปีกลับก่อเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ แต่เขายังคงไม่คิดว่าตนเองมีความผิด เขาเพียงรู้สึกว่าตนเองนั้นโชคร้าย เมื่อเผชิญหน้ากับกบฏเช่นนี้เขาต้องแสดงออกถึงความจงรักภักดีของข้าราชการ

คนเยี่ยงนี้ทำให้คนรู้สึกทั้งเกลียดทั้งโกรธและจนปัญญา ในสายตาของพวกโบราณคร่ำครึนั้นคงรู้สึกว่า คนผู้นี้นั้นไม่เลว มีความจงรักภักดี กับตานซินผู้นี้เสียเปรียบนับว่าเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ไม่สูญเสีย แต่หนานกงมั่วมองแล้ว ตานซินผู้นี้ต่อให้ตายก็ไม่สาสมกับความผิดที่ได้ก่อไว้ หากไม่มีเรื่องชั่วช้าของตานซินก็คงไม่มีแม่ทัพอู่เต๋ออะไรนั่น รับกรรมที่ตนเองก่อเสียจริง ต่อให้ตานซินควักหัวใจที่จงรักภักดีของเขาออกมา หนานกงมั่วก็ไม่มีความสนใจต่อความภักดีของเขาแม้เพียงนิด ‘ความภักดี’ ของข้าราชการเยี่ยงนี้ น้อยลงหนึ่งย่อมดีขึ้นหนึ่ง

ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยถาม “ตอนนี้ควรทำเยี่ยงไร” สภาพของหลิงโจวในยามนี้มิใช่พวกเขาสามคนหรือมือสังหารวังจื่อเซียวจะสามารถกำราบให้สงบลงได้ เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ส่งคนไปเรียกรวมกำลังพลมาแล้ว อีกสองวันก็คงมาถึง”

ลิ่นฉังเฟิงขมวดคิ้ว “ไม่ใช่สิ…กองกำลังทหารเมืองหลิงโจวถูกแม่ทัพอู่เต๋อควบคุมเอาไว้แล้ว เจ้าไปเรียกรวมกองกำลังทหารจากที่ใด เรียกกองกำลังทหารใหญ่โดยส่วนตัวนั่นเป็นโทษหนักเชียวนะ” ที่สำคัญคือจะเรียกได้หรือไม่นั่นก็เป็นอีกหนึ่งปัญหา กองกำลังทหารต่างๆ นอกจากฮ่องเต้แล้วใครจะเรียกได้ อีกทั้งป้ายทองและกระบี่อาญาสิทธิ์นั้นไม่มีอำนาจเรียกรวมกองกำลังทหาร

เว่ยจวินมั่วเอ่ย “หลิงโจวก่อจลาจล อยู่ใกล้เพียงนี้พวกเขายังไม่ไถ่ไม่ถาม สูญเสียกำลังคน พวกเขารับผิดชอบไหวหรือ นอกจากนี้ข้าไม่เชื่อว่ากบฏจะสามารถยึดครองกองกำลังได้ทั้งหมดในระยะเวลาอันสั้นเพียงเท่านี้” หนานกงมั่วพยักหน้าเห็นด้วยกับความเห็นของเว่ยจวินมั่ว คนพวกนั้นเป็นกองกำลังของราชสำนัก ต่อให้แม่ทัพตายแล้วไร้ซึ่งผู้นำก็ไม่ได้หมายความว่าจะสวามิภักดิ์ต่อศัตรูได้เร็วปานนั้น อย่างไรเสียคนพวกนี้ก็เป็นคนหลิงโจว ต่อให้คิดเข้าร่วมก็คงต้องไตร่ตรองถึงครอบครัวตนเองอยู่บ้าง อีกทั้งดูจากแม่ทัพอู่เต๋อที่ทำทุกวิถีทางเพื่อเกณฑ์ทหารมา หากเขาควบคุมกองกำลังทหารเมืองหลิงโจวได้จริงๆ ก็คงไม่ต้องรีบร้อนเกณฑ์กำลังทหารเพียงนี้

ลิ่นฉังเฟิงไม่สบายใจ “ท่านซื่อจื่อ พระชายาซื่อจื่อ บอกมาว่าจะทำเช่นไร” ยอมรับว่าสมองไม่ทันคนอื่นก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าพอใจอีกเรื่องรู้หรือไม่

หนานกงมั่วหันไปมองลิ่นฉังเฟิงด้วยความเห็นใจ ยิ้มพลางเอ่ย “ทหารแยกสองทาง หนึ่งไปเคลื่อนกองกำลังเสริม อีกทางไปเรียกรวมทหารของหลิงโจว คนที่จวินมั่วส่งไปเกรงว่าคงจะเรียกรวมคนพวกนั้นไม่ได้จริงๆ” คนที่ไปเรียกรวมทหารมีความสำคัญไม่มากพอย่อมเรียกรวมกำลังทหารไม่ได้ อย่างไรการเรียกกองกำลังทหารนั่นเป็นเรื่องใหญ่ แม่ทัพเหล่านั้นคงไม่อาจเคลื่อนพลโดยมีเพียงจดหมายฉบับเดียวเป็นแน่ ดังนั้นคนที่ไปเรียกกำลังทหารจึงต้องเป็นเว่ยจวินมั่ว

“เช่นนั้นข้าต้องอยู่รอรวมกำลังทหารหรือไม่” ลิ่นฉังเฟิงเลิกคิ้ว รู้สึกกังวลขึ้นมา ไม่ใช่เขามีความสามารถไม่มากพอ แต่เพราะสถานะของเขาไม่เพียงพอ อย่างไรคุณชายฉังเฟิงก็เป็นเพียงคุณชายตระกูลขุนนางผู้ถูกไล่ออกจากบ้าน เป็นเพียงพ่อค้าคนหนึ่งก็เท่านั้น

หนานกงมั่วมองเขาเล็กน้อย เอ่ย “เดี๋ยวข้าไปเอง”

“ได้เยี่ยงไรกัน” ลิ่นฉังเฟิงแย้ง

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มีสิ่งใดไม่ได้เล่า” ลิ่นฉังเฟิงเหลือบมองเว่ยจวินมั่วที่นิ่งเงียบอยู่ด้านข้าง ส่งสัญญาณให้เขาเอ่ยวาจาสักอย่าง เว่ยจวินมั่วเสดวงตาเรียบเฉยขึ้นมามองเขาเล็กน้อย แล้วจึงพยักหน้าเบาๆ เอ่ยว่า “ระวังตัวด้วย” หนานกงมั่วยิ้มร่า ดีใจต่อความเชื่อใจของเว่ยจวินมั่ว เป็นสตรีที่ถูกสามีคอยปกป้องดูแลอยู่ตลอดเวลานับเป็นเรื่องที่หวานชื่นอีกหนึ่งเรื่อง ทว่าหนานกงมั่วนั้นมิใช่สตรีทั่วไป นางมีความรู้ความสามารถไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์อันตรายเพียงใดนางล้วนเคยผ่านมันมาทั้งหมดแล้ว หากเว่ยจวินมั่วไม่ยอมให้นางทำสิ่งใดเลย คิดอยากจะเก็บนางไว้ข้างกายตลอดเวลา นั่นจะทำให้นางคิดว่าเว่ยจวินมั่วไม่เชื่อใจในความสามารถของนาง ไม่เกี่ยวกับนิสัย ผู้เข้มแข็งแน่นอนไม่ชอบถูกคนที่ตนเองหมายมั่นดูหมิ่น

ลิ่นฉังเฟิงหน้าเจื่อนลงทันใด เอ่ย “พวกเจ้าบ้าไปแล้วใช่หรือไม่ หากเกิดสิ่งใดไม่คาดคิดขึ้นจะทำเช่นไร”

เว่ยจวินมั่วมองเขา “หากอู๋สยาเป็นอันใดไป เจ้าก็ไปตายเสีย”

สีหน้าของลิ่นฉังเฟิงพลันเขียวคล้ำขึ้นมา กัดฟันเอ่ย “เว่ยจวินมั่ว เจ้าช่างเป็นเพื่อนที่ดีเสียจริง”

หนานกงมั่วยิ้มตาหยี “คุณชายฉังเฟิง พวกเราสองคนใครจะปกป้องใครก็ยังไม่แน่ ดังนั้น ไม่ต้องกังวลหรอก” เอ่ยตามจริง เมื่อต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ ไม่แน่ลิ่นฉังเฟิงอาจมิใช่คู่ต่อสู้ของนางก็ได้ เมื่อเอ่ยถึงประสบการณ์แน่นอนแม่นางหนานกงมิได้ด้อยไปกว่าลิ่นฉังเฟิงอย่างแน่นอน

“ขอบคุณคำปลอบใจของเจ้า” คุณชายฉังเฟิงกล่าวเสียงแข็ง

“มิต้องเกรงใจ”

“…” ช่างสมแล้วที่เป็นคู่สามีภรรยา

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท