หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 389 กลางดึกในค่ายทหาร (1)

ตอนที่ 389 กลางดึกในค่ายทหาร (1)

ตอนที่ 389 กลางดึกในค่ายทหาร (1)
หนานกงมั่วยังคงยิ้ม ยกมือขึ้นประสาน “ข้าน้อยแซ่มั่ว มีเรื่องกิจการจะมาหารือกับแม่ทัพอู่เต๋อ”

องครักษ์ไล่สายตามองหนานกงมั่วหนึ่งรอบ ส่งเสียงหยัน “เป็นเด็กเป็นเล็กจะมีเรื่องใดมาหารือกับท่านแม่ทัพได้หรือ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่ รีบไสหัวไปซะ” เมื่อหนานกงมั่วสวมเสื้อผ้าบุรุษดูแล้วราวกับอายุสิบสามสิบสี่ปี ท่าทางราวกับหยกแกะสลัก มิน่าอีกฝ่ายจึงไม่เชื่อ หนานกงมั่วลอบกลอกตา ว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้ เพราะท่าทางอ่อนปวกเปียกไม่มีกำลังเช่นนี้ ถึงนางจะสวมชุดบุรุษแล้ว นอกเสียจะแต่งหน้าแต่งตาของตนเองให้เหมือนชายแก่อายุเจ็ดสิบแปดสิบมิเช่นนั้นก็คงเหมือนเด็กหนุ่มอายุสิบสามสิบสี่ แต่งเป็นคนแก่ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่รูปร่างและส่วนสูงนั้นไม่ให้ ทำให้มีช่องโหว่ได้ง่ายๆ

สีหน้ายังคงเดิม หนานกงมั่วกวาดตามองคนผู้นั้น เอ่ย “บอกให้เจ้าไปรายงานเจ้าก็รีบไปเสีย บอกกับแม่ทัพอู่เต๋อ ข้าสามารถช่วยเขาแก้ไขปัญหาที่ประสบอยู่ในตอนนี้ได้”

องครักษ์เฝ้าหน้าประตูชะงักไปชั่วครู่ เห็นได้ชัดว่าตกใจกับท่าทีข่มขู่ของเด็กหนุ่มตรงหน้า หันไปมองชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งท่าทางเคร่งขรึมด้านหลังของเขา ในที่สุดจึงพยักหน้าและหมุนตัวเข้าไปรายงาน

หนานกงมั่วยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ กวาดสายตามองการแบ่งเวรยามในจวนแม่ทัพด้วยท่าทางไม่ใส่ใจนัก เห็นได้ชัดว่าทหารองครักษ์ที่เฝ้ายามนั้นมิได้มีฝีมือ อย่างน้อยเมื่อเทียบกับองครักษ์ที่เฝ้าจวนแม่ทัพของจังติ้งฟังที่เฉินโจวแล้วยังห่างไกลอยู่มาก เห็นชัดว่าองครักษ์ที่ถูกจัดให้มาอยู่เวรยามมิได้มีความเชี่ยวชาญเลย นี่ก็ทำให้นางวางใจขึ้นมาไม่น้อย ไม่ว่าเบื้องหลังของแม่ทัพอู่เต๋อผู้นี้จะเป็นใคร หากมิใช่เพราะอีกฝ่ายไม่ได้เรื่อง เช่นนั้นก็คงจะมิได้เต็มที่มากนัก

ไม่นาน คนที่เข้าไปรายงานก็ออกมา มองหนานกงมั่วอย่างแปลกใจ เอ่ย “ท่านแม่ทัพเชิญคุณชายเข้าไปด้านในขอรับ”

“ขอบคุณมาก” หนานกงมั่วพยักหน้าเบาๆ

เดินตามหลังองครักษ์ ทั้งสามเดินเข้าไปในจวนแม่ทัพซึ่งดูเหมือนจะแขวนป้ายได้ไม่นาน ไม่ได้แตกต่างจากที่ว่าการทั่วไปมากนัก เดินอยู่ด้านในแม้หนานกงมั่วจะมาครั้งแรกก็ไม่ใช่เรื่องยากที่หนานกงมั่วจะรู้ทางอย่างแม่นยำ เมื่อเข้ามาด้านใน ห้องที่อยู่ระหว่างทางนั้นเต็มไปด้วยอัญมณีและโบราณวัตถุมากมาย ดูร่ำรวยมั่งคั่ง หนานกงมั่วอดไม่ได้กระตุกมุมปาก นี่แน่นอนว่าไม่ใช่การจัดการของตานซิน ตานซินแม้จะมีความโลภแต่อย่างไรเขาก็เป็นนักเรียนที่มาจากตระกูลนักปราชญ์ รสนิยมโดยพื้นฐานเขายังพอมีอยู่

หนานกงมั่วถูกจัดให้นั่งรออยู่ในห้องโถงรับแขก องครักษ์ที่นำทางมาถอยออกไปแล้ว ไม่มีใครยกชามาให้ ทั้งสองหนึ่งคนนั่งหนึ่งคนยืนรอนิ่งๆ อยู่ในห้องโถงรับแขก หนานกงมั่วเองไม่ใส่ใจ การแสดงอำนาจเช่นนี้นางไม่รู้สึกสะท้านเลยแม้เพียงนิด กวาดตามองของเล่นภาพวาดโบราณต่างๆ ด้วยความสนใจ หนานกงมั่วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “แม้จะวางระเกะระกะ แต่ก็ยังเป็นของล้ำค่า ดูเหมือนว่าสองปีมานี้ตานซินคงจะคดโกงไปไม่น้อย”

เวยเอ่ยเสียงเข้ม “ตอบคุณชาย ข้าน้อยไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ขอรับ”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เข้าใจไม่เป็นไร เจ้ารู้แค่ว่าของพวกนี้…ชิ้นใดชิ้นหนึ่ง หลายครั้ง…มีค่ากว่าหนึ่งชีวิตก็พอแล้ว”

เวยรู้สึกสนใจขึ้นมา เงยหน้าขึ้นมากวาดตามองภาพวาดที่ถูกแขวนอยู่บนผนัง ในสายตาของนักฆ่า ชีวิตคนนั้นมีราคา บางคนหลายพันตำลึง หลายร้อยตำลึง จนกระทั่งกี่สิบตำลึงก็สังหารได้ และบางคนยังต้องมีกว่ากี่หมื่นตำลึงหรือแม้กระทั่งกี่แสนตำลึง ภาพวาดพวกนี้…มีค่ามากกว่าชีวิตคนส่วนใหญ่เชียวหรือ

“ฮ่าๆ คุณชายมั่วสายตาแหลมคมแล้ว” น้ำเสียงดังค่อนข้างน่าหนวกหูดังมาจากประตู ทั้งสองหันกลับไปมอง มองเห็นชายร่างกำยำเดินนำคนเข้ามา เวยนับว่าสูงแล้วเมื่อเทียบกับบุรุษทั่วไป แต่ชายผู้นี้สูงกว่าเวยอยู่บ้าง รูปร่างสูงใหญ่แต่ไม่เทอะทะ ดวงตาคู่นั้นดูมีชีวิตชีวา ใบหน้ามีรอยยิ้มเปิดเผย ดูเหมือน…วีรบุรุษผู้หนึ่งจริงๆ

หนานกงมั่วลุกขึ้น ยกมือขึ้นประสาน เอ่ย “ข้าน้อยคารวะท่านแม่ทัพอู่เต๋อ”

ชายวัยกลางคนดึงสติกลับมามองสำรวจหนานกงมั่วหนึ่งรอบ ขมวดคิ้วเอ่ย “เจ้าหรือ เป็นเจ้าหรือที่บอกจะหารือกับข้า”

หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน”

ชายวัยกลางคนสีหน้าพลันเปลี่ยน เอ่ยเสียงเย็น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลอกแม่ทัพเช่นข้าจะมีจุดจบเยี่ยงไร” ใบหน้าของหนานกงมั่วยังคงนิ่งเฉย ควงพัดในมือเล่น เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไยท่านแม่ทัพต้องโกรธด้วยเล่า จะหารือการค้าอันใดเราค่อยๆ หารือกันไปดีหรือไม่” ชายวัยกลางคนจ้องมองเขานิ่งอยู่นาน ก่อนจะพยักหน้า เอ่ย “ได้ เจ้าลองว่ามาสิ ข้าอยากรู้ว่าเรื่องที่แม่ทัพเช่นข้ายากที่จะแก้ไขคือเรื่องใด”

หนานกงมั่งนั่งลงสบายๆ หันกลับไปมองชายวัยกลางคนที่จ้องตนเขม็ง เอ่ยตอบ “ตอนนี้ปัญหาที่ท่านแม่ทัพเชายากจะแก้ไขได้…มิใช่เรื่องอาหารหรอกหรือ” แม่ทัพอู่เต๋อแซ่เชา ชื่อเดียวว่าอู่ ไม่รู้ว่าแม่ทัพอู่เต๋อชื่อนี้ผู้ใดเป็นคนคิดขึ้นมา

ชายวัยกลางคนสายตาพลันเปลี่ยน ดวงตาฉายแววอาฆาต ด้านหลังหนานกงมั่ว ดวงตาของเวยหดลง ร่างกายตื่นตัวระแวดระวัง หนานกงมั่วเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ด้านหลังท่าทางผ่อนคลาย เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “บังเอิญเสียจริง ข้าน้อย…ช่วยท่านแม่ทัพแก้ปัญหานี้ได้นะขอรับ”

ชายวัยกลางคนเงียบไปชั่วครู่ เอ่ย “แม่ทัพเช่นข้าไยต้องเชื่อเจ้า คุณชายแซ่มั่วหรือ ข้ายังไม่เคยได้ยินตระกูลใหญ่ที่ไหนแซ่มั่วมาก่อน” แม้แม่ทัพอู่เต๋อจะเป็นเพียงหัวหน้าสำนักคุ้มภัย แต่เมื่อครั้งคอยคุ้มกันภัยนั้นได้ออกเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ไปทั่วทุกคนทุกแห่งนับว่ามีประสบการณ์กว้างขวาง

พัดในมือของหนานกงมั่วถูกรวบเก็บ เอ่ยด้วยรอยยิ้มละไม “ท่านแม่ทัพ แผ่นดินนี้กว้างใหญ่ หรือว่าจะมีเพียงตระกูลขุนนางใหญ่ๆ ไม่กี่ตระกูลเพียงเท่านั้นหรือ มีหนึ่งประโยคกล่าวได้ดีมาก ไม้ที่งามเกินง่ายที่จะโดนลมพัดโค่น เมื่อก่อนตระกูลเสิ่นนั้นยิ่งใหญ่ค้ำฟ้า ท่านแม่ทัพก็เห็นถึงจุดจบแล้วใช่หรือไม่”

ชายวัยกลางคนพยักหน้า ไม่รู้ว่าถูกหนานกงมั่วโน้มน้าวแล้วหรือไม่ เพียงเอ่ยขึ้น “ต่อให้สิ่งที่ท่านเอ่ยจะเป็นความจริง ท่านเป็นใครกันเล่า ไยข้าต้องเชื่อว่าท่านจะมาช่วยแก้ปัญหาของข้าได้” หนานกงมั่วโยนป้ายออกไปหนึ่งแผ่น เอ่ย “ข้าเป็นเพียงผู้ดูแลรุ่นต่อไปของตระกูลมั่ว และตระกูลมั่ว บังเอิญว่ามีร้านขายข้าวอยู่หลายสิบร้านอีกทั้งยังมีที่นาในแผ่นดินเซี่ยที่ยิ่งใหญ่นี้อีกเป็นพันฉิ่ง[1] ท่านแม่ทัพคิดว่าเพียงพอหรือไม่”

ชายวัยกลางคนลูบนิ้วมือโดยไม่ตั้งใจ ก้มหน้าไตร่ตรอง แต่หนานกงมั่วรู้ว่าเขาเริ่มสนใจแล้ว ที่สำคัญย่อมไม่ใช่มีร้านขายข้าวสิบกว่าร้านหรือที่นาหลายพันฉิ่ง แต่มีร้านขายข้าวก็สามารถซื้อข้าวจากทั่วทุกที่และขนมายังหลิงโจวได้ ยามนี้ราชสำนักยังไม่รู้สถานการณ์การในหลิงโจวนับว่ายังดีอยู่ หากเรื่องราวในหลิงโจวถูกแพร่งพรายออกไป ราชสำนักเพียงตัดเส้นทางขนเสบียงอาหารมายังหลิงโจว ดังนั้นทหารนับแสนและตนเองก็ต้องหิวตาย ต่อให้หิวทว่าไม่ตาย ทหารหัวหนักขึ้นก็คงก่อกบฏโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

เนิ่นนาน ชายวัยกลางคนจึงเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยถาม “เช่นนั้น คุณชายมั่วต้องการสิ่งใด คงไม่ใช่ว่า…จะเข้ามาช่วยข้าง่ายๆ หรอกใช่หรือไม่” แม่ทัพอู่เต๋อยังไม่โง่ ท่องอยู่ในยุทธภพมานานไยจะไม่รู้ว่าโลกใบนี้ไม่มีขนมหล่นลงมาจากสวรรค์

หนานกงมั่วคลี่พัดในมือออก เอ่ยยิ้มๆ “นั่นเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว ขอเพียงได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย การค้านี้จึงจะยืนยาวมิใช่หรือ”

ชายวัยกลางคนเอ่ย “เช่นนั้นคุณชายมั่วลองเอ่ยมาเถิด ท่านต้องการสิ่งใด”

———————–

[1] ฉิ่ง เป็นหน่วยวัดพื้นที่ของจีนโบราณ หนึ่งฉิ่งเทียบได้กับ 66666.6667ตารางเมตร

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท