หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 400 พบกับกงอวี้เฉินอีกครั้ง (3)

ตอนที่ 400 พบกับกงอวี้เฉินอีกครั้ง (3)

ตอนที่ 400 พบกับกงอวี้เฉินอีกครั้ง (3)
“พี่จิ้น นี่ท่านหมายความเช่นไร” รอจนหนานกงมั่วนั่งลง ชายผู้นั้นจึงสะกดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ ลุกขึ้นเอ่ยอย่างไม่พอใจ

จิ้นจั๋วเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรคือหมายความเช่นไร พี่เชาเป็นแขกของข้า ซิงเฉิงจวิ้นจู่เองก็เป็นแขกของข้าเช่นกัน จะว่าไป วันนี้เขาฝูวั่งของข้านับว่าเป็นเกียรติไม่น้อย” หนานกงมั่วหลุบตาลง เอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ “หัวหน้าจิ้น เขาฝูวั่งแห่งนี้เกรงว่าจะไม่ใช่ของท่านหรอกหรือไม่” จิ้นจั๋วเลิกคิ้วอย่างสนใจ “โอ้ เช่นนั้นจวิ้นจู่ลองว่ามาที เขาฝูวั่งแห่งนี้เป็นของผู้ใดกัน”

หนานกงมั่วเอ่ย “แน่นอนว่าต้องเป็นของราชสำนัก”

จิ้นจั๋วหัวเราะออกมา เนิ่นนานจึงหยุดและหันไปมองหนานกงมั่ว เอ่ย “น่าเสียดาย…ตอนนี้เขาฝูวั่งอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า ต่อให้กองทัพของราชสำนักอยากข้ามผ่านเขาฝู่วั่งไป ก็ต้องได้รับความยินยอมจากข้าจึงจะผ่านไปได้” หนากงมั่วมองเขาด้วยท่าทางนิ่งสงบ เอ่ย “ดูไม่ออกเลยว่าหัวหน้าจิ้นจะเป็นคนที่มองเฉพาะตรงหน้าไม่สนใจอนาคต” จิ้นจั๋วราวกับสนอกสนใจในวาจาของหนานกงมั่ว เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “จวิ้นจู่หมายความเช่นไรหรือ”

หนานกงมั่วเอ่ยถาม “หัวหน้าจิ้นคิดจะก่อกบฏดังเช่นเชาอู่หรือ”

จิ้นจั๋วยักไหล่ เอ่ย “ข้าเป็นจอมยุทธ์ ไม่สนใจเรื่องอำนาจยิ่งใหญ่คับฟ้าหรอก”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ยามนี้หัวหน้าจิ้นเป็นปฏิปักษ์กับราชสำนัก มีข้อดีอย่างไร” หนานกงมั่วเอ่ยถาม “ยามนี้หลิงโจวกำลังวุ่นวาย แต่หัวหน้าจิ้นคิดว่าจะวุ่นวายไปได้นานเพียงใด ต่อให้กองทัพของราชสำนักไม่ตีผ่านเขาฝูวั่งแล้วอย่างไร อย่างมากก็แค่ถ่วงเวลาออกไปอีกสักนิดก็เท่านั้น แต่เพียงราชวงศ์ยื่นมือเข้ามา…หัวหน้าจิ้นคิดว่าเจ้าเมืองยังจะเป็นตานซินอยู่หรือ”

จิ้นจั๋วทำราวกับไม่ใส่ใจ “ซิงเฉิงจวิ้นจู่ หลายปีมานี้คนที่ต้องการบุกเข้ามาในรังของข้าใช่ว่าจะไม่มี แต่ตอนนี้ข้าก็ยังอยู่ดี ทว่าคนพวกนั้น…”

หนานกงมั่วแค่นหัวเราะเสียงเย็น เอ่ย “ถ้าหากเป็นข้า คงไม่ต้องเสียแรงมากมายมาล้อม หากราชสำนักส่งทหารหลายหมื่นคนมาล้อมเขาฝูวั่งเอาไว้ หัวหน้าจิ้นคิดจะทำอย่างไร ไม่ผิด เขาฝูวั่งนั้นสูงชัน กองทัพของราชสำนักคิดจะเข้ามาในเขาฝูวั่งนั้นมิใช่เรื่องง่าย แต่เช่นกัน ทางขึ้นเขาฝูวั่งนั้นมีเพียงเส้นทางเดียว หากปิดเส้นทางนี้เอาไว้ หัวหน้าจิ้นคิดจะพาคนของท่านเข้าป่าไปเป็นคนป่าหรือ ต่อให้ท่านมีอาหารกักตุน หนึ่งเดือนไม่ได้ สามเดือน สามเดือนไม่ได้ครึ่งปี ครึ่งปีไม่ได้หนึ่งปี สองปี หัวหน้าจิ้นคิดว่าความคิดนี้ของข้าเป็นเช่นไร”

“พิษร้ายสุดคือจิตใจของสตรี” จิ้นจั๋วถอนหายใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันมายิ้มให้หนานกงมั่ว เอ่ย “ซิงเฉิงจวิ้นจู่ วิธีการนี้ของท่านนั้นไม่เลว เพียงแต่ว่า ราชสำนักจะใช้ทหารนับหมื่นมาถ่วงเวลากับเขาฝูวั่งเล็กๆ ของเรากว่าปีสองปีเลยหรือ ราชสำนักคงไม่ยอมเสียหน้ากับเรื่องนี้หรอกใช่หรือไม่” หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “หากครั้งนี้กองกำลังของราชสำนักไม่อาจผ่านเขาฝูวั่งไปได้ เช่นนั้นก็คงยิ่งเสียหน้าแล้ว ใต้หล้า ไม่มีที่ใดที่ไม่ใช่แผ่นดินของกษัตริย์ ผู้เป็นผู้นำดินแดน ไม่มีผู้ใดไม่ใช่ราษฎรของกษัตริย์ หากกองทัพทหารไม่สามารถทะลุผ่านดินแดนของตนเองได้ หัวหน้าจิ้นคิดว่าสำหรับฝ่าบาทแล้ว สิ่งไหนน่าขายหน้ามากกว่าหรือ” อยากให้ฝ่าบาทขายหน้า ก็ต้องเตรียมตัวเสียเลือดเสียเนื้อพันลี้เอาไว้ด้วย

จิ้นจั๋วนิ่งเงียบครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับชายวัยกลางคนแซ่เชาผู้นั้น ยิ้มเอ่ย “สิ่งที่ซิงเฉิงจวิ้นจู่เอ่ยข้าไม่อาจต่อต้านได้ พี่เชา ท่านเห็นว่าเยี่ยงไร”

ชายวัยกลางคนแซ่เชาผู้นั้นเริ่มร้อนใจ เอ่ยเสียงสูง “พี่จิ้น ขอเพียงท่านช่วยอย่าให้กองทัพของราชสำนักผ่านเขาฝูวั่งไปได้ เมื่อเราทำสำเร็จแล้วแม่ทัพอู่เต๋อยินดีจะยกเขาฝูวั่งให้กับพี่จิ้น”

จิ้นจั๋วคล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้มมองหนานกงมั่ว เอ่ย “ซิงเฉิงจวิ้นจู่ ข้อเสนอนี้ของพี่เชาดูท่าจะไม่เลว ท่านคิดว่าท่านจะเพิ่มอะไรสักหน่อยหรือไม่”

มุมปากของหนานกงมั่วกระตุกยิ้มเย็น “เกรงว่าคงทำให้หัวหน้าจิ้นต้องผิดหวังแล้ว จวิ้นจู่เช่นข้ามิได้ทำการค้า”

จิ้นจั๋วยิ้ม เอ่ย “”จวิ้นจู่ไม่ใช่ แต่คุณชายลิ่นใช่นะขอรับ หรือว่า…เป็นเจ้าสำนักลิ่น”

ลิ่นฉังเฟิงเอนตัวพิงเก้าอี้ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข่าวสารของหัวหน้าจิ้นช่างทั่วถึงเสียจริง เพียงแต่ ในเมื่อหัวหน้าจิ้นรู้ตัวตนของข้าแล้ว ท่านมั่นใจ…ว่ายังอยากคุยข้อเสนออยู่อีกหรือไม่”

จิ้นจั๋วหัวเราะเสียงดังขึ้นมาทันใด “วังจื่อเซียวนั้นร้ายกาจ เพียงแต่…หากคุณชายจื่อเซียวอยู่ที่นี่ หรือเกณฑ์คนของวังจื่อเซียวมาบางทีอาจจะทำลายเขาฝูวั่งของข้าให้สิ้นซากได้ แต่ว่า…อาศัยเพียงเจ้าสำนักและซิงเฉิงจวิ้นจู่รวมไปถึงไม่กี่คนนั่น เกรงว่าคงจะแย่สักหน่อย ทั้งสองท่านไม่เคยได้ยินประโยคหนึ่งหรือ มังกรแข็งแกร่งไม่อาจสยบงูได้”

หนานกงมั่ววางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะไม่หนักไม่เบา เอ่ยเสียงเรียบ “หากเป็นมังกรจริงๆ มีหรือจะสยบงูไม่ได้ มังกรที่สู้งูไม่ได้เช่นนั้นคงมิใช่มังกร”

บรรยากาศในห้องเริ่มตึงเครียด ไม่ว่าจะเป็นคนของจิ้นจั๋วหรือทุกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังหนานกงมั่วและลิ่นฉังเฟิงต่างยื่นมือกระชับอาวุธแน่น มองอีกฝ่ายอย่างระแวดระวัง คนที่ดีอกดีใจเพียงคนเดียวนั่นก็คือชายที่เชาอู่ส่งมาผู้นั้น “ถูก ถูกแล้ว หัวหน้าจิ้น สังหารพวกเขาเสีย เพียงสังหารพวกเขาได้ ท่านต้องการอะไรแม่ทัพอู่เต๋อนั้นยินดีให้ท่านได้สมปรารถนาเป็นแน่”

จิ้นจั๋วแม้มองยังคร้านจะมองเขา สายตาจับจ้องอยู่ที่หนานกงมั่ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ซิงเฉิงจวิ้นจู่ ท่านเป็นจวิ้นจู่ที่ถูกแต่งตั้ง เป็นบุตรีของฉู่กั๋วกง อีกทั้งยังเป็นพระชายาผู้สืบทอดจวิ้นอ๋อง สูงส่งยิ่งกว่าจอมยุทธ์ที่แฝงตัวอยู่ในยุทธภพเช่นเรา หากข้าตาย ก็คงเสียไปเพียงหนึ่งชีวิต แต่ถ้าท่านเป็นอันใดไป…”

หนานกงมั่วยิ้มบาง “หัวหน้าจิ้นกล่าวหนักเกินไปแล้ว ชีวิตใครไม่ใช่ชีวิต ชีวิตของข้าหนานกงมั่วก็มิได้มีมากกว่าใคร ยิ่งมิได้สำคัญถึงขึ้นให้หัวหน้าจิ้นต้องมาชดใช้ด้วยชีวิตของท่าน ดังนั้น ข้าจึงรู้สึกแปลกใจ หัวหน้าจิ้นทำให้ข้าลำบากใจ นั่นเป็นเพราะเหตุใดกัน” จิ้นจั๋วนั่งกลับคืนไปอย่างไม่ใส่ใจ เอ่ยอย่างเกียจคร้าน “แน่นอนว่าเพื่ออำนาจ จวิ้นจู่ไม่ได้ยินคำสัญญาของพี่เชาหรือ น่าเสียดายจวิ้นจู่ไม่ยอมทำการค้ากับข้า ข้าเชื่อว่าจวิ้นจู่จะให้ข้าได้มากกว่าพี่เชาอย่างแน่นอน”

หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คำสัญญาที่ไม่เป็นจริง ข้าไม่เชื่อว่าหัวหน้าจิ้นจะไร้เดียงสาเช่นนี้ ในเมื่อหัวหน้าจิ้นไม่ยอมบอก เช่นนั้นข้าคงต้องคาดเดาด้วยตนเอง…” หนานกงมั่วกวาดตามองสำรวจจิ้นจั๋ว เนิ่นนานจึงเอ่ย “น่าเสียดาย กองกระดูกริมแม่น้ำเหล่านั้น ยังเป็นสามีที่หญิงสาวใฝ่ฝันถึง ไม่รู้ว่าวันนี้หากหัวหน้าจิ้นตายไปด้วยกันกับข้าที่นี่ จะมีคนเป็นห่วงเพราะความคิดถึงจนต้องเสียน้ำตาหรือไม่”

ท่าทีเกียจคร้านของจิ้นจั๋วชะงัก สายตาแหลมคมจับจ้องไปยังหนานกงมั่ว เนิ่นนาน ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างผ่อนคลาย “จวิ้นจู่กำลังเอ่ยสิ่งใดอยู่หรือ ข้าเป็นคนไม่ละเอียดอ่อน ไม่เข้าใจบทกวีใดๆ”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เชิดปลายคางขึ้น เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พู่ผูกใจที่เอวของท่านดูไม่เลวเลย คนที่สามารถถักของแบบนี้ออกมาได้ คิดว่าคงเป็นหญิงงามที่มีฝีมือไม่น้อย จะว่าไป…ข้านั้นไม่เข้าใจกับของพวกนี้เท่าใดนัก ช่างละอายเสียจริง หากมีโอกาส คงต้องขอคำชี้แนะสักหน่อยแล้ว” จิ้นจั๋วเงียบไปเนิ่นนาน ดึงหยกที่มีพู่ผูกใจสีแดงออกจากเอว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สิ่งนี้หรือ ซื้อตามท้องถนน เห็นว่าไม่เลว เพียงตำลึงสองตำลึงเท่านั้น”

ลิ่นฉังเฟิงที่นั่งอยู่ด้านข้างหนานกงมั่วก้มหน้ากลั้นหัวเราะ มองเห็นสายตาของจิ้นจั๋วที่มองมายังตนเองจึงกระแอไอเบาๆ เอ่ย “เช่นนั้นหัวหน้าจิ้นคงซื้อถูกของดีแล้ว พู่ผูกใจอันนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงแผ่นหยกชิ้นนั้นแน่นอนว่าเป็นของชั้นสูง เพียงเอ่ยถึงเส้นด้ายที่ใช้ถักเงื่อนผูกใจ ด้ายไหมจวนเจียงหนิงที่ถูกส่งเข้ามาในวัง อ่า อาภรณ์ของฮ่องเต้เองก็ใช้ด้ายประเภทนี้ อีกทั้งยังมีทองคำบริสุทธิ์และด้ายเงินแทรกเข้ามาด้วย งานฝีมือปัจจุบันนี้ช่างละเอียดปราณีตเสียจริง หากวางขายตามท้องตลาดทั่วไป อย่าว่าแต่สองตำลึงเลย สองร้อยตำลึงเงินเป็นใครใครก็ต้องแย่งชิงเพื่อซื้อของดีชิ้นนี้เป็นแน่”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท