ตอนที่ 413 เสียโฉมและความทะเยอทะยานที่น่ายกย่อง (1)
หลิ่วพยักหน้า เอ่ย “เจ้าสำนักหอธารามีวิชาควบคุมงูเจ้าค่ะ คนที่ซั่นจยาเซี่ยนจู่พาไปกว่าครึ่งล้วนถูกงูกัดตาย ที่เหลือ…ถูกจูชูอวี้สังหารแล้ว แต่ตอนนี้ คิดว่าคงโยนความผิดให้กงอวี้เฉินหมดแล้วเจ้าค่ะ”
“ไร้ประโยชน์เสียจริง” เว่ยจวินมั่วนวดหัวคิ้วเอ่ยเสียงเรียบ
ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยด้วยความยินดี “จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ได้ ก่อนเกิดเรื่องเราก็มิรู้ว่ากงอวี้เฉินจะมีความสามารถนี้นะ เจ้ากล่าวไว้ไม่ผิด หากบีบบังคับให้กงอวี้เฉินต่อสู้จนตายไปกับเรา หากไม่ระวังเขาคงสังหารคนไปไม่น้อย เพียงแต่…ไยจูชูอวี้ต้องสังหารคนของจิ้นจั๋วด้วยเล่า”
หนานกงมั่วยิ้มบางๆ เอ่ย “คิดว่าคงกลัวคนของจิ้นจั๋วไปเห็นสิ่งใดที่ไม่ควรเห็น ความสัมพันธ์ของคุณหนูใหญ่ตระกูลจูกับกงอวี้เฉินนั้นไม่ธรรมดา”
ลิ่นฉังเฟิงลูบปลายคาง เอ่ย “เอ่ยเช่นนี้ คนที่โชคร้ายที่สุดก็ไม่ใช่จิ้นจั๋วหรือ”
หนานกงมั่วยิ้มบาง ไม่เอ่ยสิ่งใด
“อย่างช้าที่สุดเมืองหลิงโจวจะถูกยึดครองในวันพรุ่งนี้ สิ่งสำคัญหลังจากนี้คือการบรรเทาทุกข์แก่ชาวเมืองหลิงโจว” เว่ยจวินมั่วหยิบกระดาษพับในมือขึ้นมา เอ่ยถาม “นี่คืออันใด” หนานกงมั่วเหลือบมอง เอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ “นี่คือแผนบรรเทาทุกข์ภัยที่นายทหารผู้ช่วยเฉินที่ปรึกษาของเย่วจวิ้นอ๋องเขียนขึ้นมาเอง ถูกข้าปฏิเสธไปแล้ว” ผู้เล่าเรียนศึกษารอบข้างเซียวเชียนเยี่ยล้วนแล้วแต่มีภาษาที่งดงามน่าหลงใหล ทว่าสิ่งที่เรียกว่าแผนบรรเทาทุกข์นั้นถูกเขียนมาหลายสิบหน้า ความจริงพูดง่ายๆ ก็คือ… “ผู้บรรเทาทุกข์ภัยก็คือหวงจั่งซุน ผู้มีพระคุณต่อประชาชนก็คือหวงจั่งซุน หวงจั่งซุนรักประชาชนราวกับลูก”
“ทำตามแผนของพวกเจ้า เซียวเชียนเยี่ยมีปัญหาอันใดให้เขามาหาข้า” เว่ยจวินมั่วโยนกระดาษพับในมือทิ้ง
หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้ ท่านวางใจเถิด ท่านรีบมาเขาฝูวั่ง สงครามที่หลิงโจวยังไม่สงบ รีบกลับไปเถิด เดี๋ยวปัญญาชนคร่ำครึพวกนั้นจะพูดจาเหลวไหลอีก” เว่ยจวินมั่วไม่สนใจ เอ่ยเสียงเรียบ “เมืองหลิงโจวเล็กๆ ไม่จำเป็นต้องกังวลเพียงนั้น” เมื่อก่อนเป็นเพราะขาดเสบียงอาหาร ทหารที่หิวโซอย่างไรก็ไม่อาจสู้รบได้ ยามนี้กองทัพขับไล่กบฏของราชสำนักนั้นแข็งแกร่ง หากแม้แต่กองกำลังที่ยึดครองหลิงโจวยังจัดการไม่ได้ คนพวกนั้นคงไม่มีหน้ากลับไปพบฝ่าบาทอีกแล้ว
หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ว่าจะเอ่ยเช่นไร ไปทำเรื่องสำคัญก่อนเถิด”
เว่ยจวินมั่วก้มลงมา มองนางด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง หนานกงมั่วและลิ่นฉังเฟิงต่างสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจจากใบหน้าเรียบนิ่งของเขา คุณชายฉังเฟิงรีบเอ่ยบอกว่าเขายังมีอันใดต้องทำ คงต้องขอตัวไปจัดการก่อน หนานกงมั่วที่นั่งอยู่ด้านข้างเว่ยจวินมั่วกลับไม่ง่ายที่จะหลีกเลี่ยงได้ ลอบก่นด่าใครบางคนแล้งน้ำใจ หนานกงมั่วมองเว่ยจวินมั่วพร้อมกับยิ้มหวานออกมาด้วยท่าทีว่านอนสอนง่าย “จวินมั่ว เป็นอันใดหรือ”
เว่ยจวินมั่วยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้างดงามของนางเบาๆ เอ่ย “เพื่อสาวใช้เพียงคนเดียว วันนี้เจ้าเกือบถูกกงอวี้เฉินจับตัวไป”
หนานกงมั่วจับมือของเขา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็ไม่ได้เป็นอันใดมิใช่หรือ ต่อให้ข้าถูกจับตัวไปก็ไม่มีทางเป็นอันใด อย่างไรก็ชีวิตคนทั้งคน หรือว่าข้าต้องเห็นคนตายไม่ช่วยอย่างนั้นหรือ”
เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้ว เนิ่นนานจึงเอ่ย “ต่อไปห้ามช่วย หากเจ้าเป็นอันใดไปเพราะใครอีก ข้าจะฆ่านางทิ้งเสีย”
หนานกงมั่วถอนหายใจ โน้มตัวเข้าไปกอดเอวเขาเอาไว้ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้ว่าท่านเป็นห่วงข้า ข้าไม่เป็นอันใดจริงๆ ท่านวางใจเถิด ต่อให้ข้าจะช่วยใครข้าต้องมั่นใจว่าข้าจะไม่เป็นอันตรายอยู่แล้ว ท่านเองก็รู้ ข้ามิใช่คนที่จะยอมตายง่ายๆ” เว่ยจวินมั่วกอดนางเอาไว้ เนิ่นนานจึงเอ่ย “ต่อไปกงอวี้เฉินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าแล้ว แต่ครั้งหน้าพบเจอเขาอีกอย่างไรก็ต้องระมัดระวัง”
เอ่ยถึงกงอวี้เฉิน ดวงตาของหนานกงมั่วพลันเยือกเย็น เอ่ย “ครั้งหน้าหากข้ามีโอกาส ต้องสังหารเขาให้ได้ คนผู้นี้ช่าง…” นางไม่รู้ว่าควรบอกว่ากงอวี้เฉินนั้นไม่มีความเป็นคนหรือบ้าเกินไป แต่การมีตัวตนของกงอวี้เฉินอยู่บนโลกใบนี้นั้น สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วนับว่าเป็นภัยอันตราย
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “วรยุทธ์ของเขาสูญสิ้น ต่อไปเกรงว่าคงไม่กล้าปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนนัก” กงอวี้เฉินนั้นหลงระเริง แต่เขาไม่โง่ ในเมื่อเขากล้าให้คนสลายวรยุทธ์ของเขา แน่นอนว่าไม่มีทางไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองอย่างแน่นอน ดังนั้น เมื่อจูชูอวี้ลอบสังหารกงอวี้เฉินพลาดไป เว่ยจวินมั่วจึงรู้สึกเสียดายเล็กน้อยทว่าไม่ได้ผิดหวังจนเกินไป
หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากเขาไม่ปรากฏตัวไปตลอดชีวิตนั่นจะเป็นเรื่องที่ดี”
เว่ยจวินมั่วลูบแผ่นหลังของนางแผ่วเบา ดวงตาสีม่วงสวยมองออกไปไกล ตลอดไปนั้นเกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นกงอวี้เฉิน เขาก็มีความรู้สึกบางอย่าง พวกเขาสองคนคงจะเป็นศัตรูที่ไม่ตายจากกันก็คงไม่เลิกรา และนิสัยของกงอวี้เฉิน ไม่มีทางที่จะเงียบหายไปตลอดชีวิตเพียงเพราะบาดแผลแค่นี้
ในเมืองหลิงโจว ป้ายจวนแม่ทัพที่ถูกแขวนขึ้นไปเป็นระยะเวลาไม่ถึงสองเดือนพลันถูกเอาออก ป้ายหยาเหมินถูกแขวนกลับเข้าไปอีกครั้ง เพียงแต่ผู้ปกครองหยาเหมินคนเดิมนั้นยังเป็นนักโทษอยู่ ในห้องโถง ตานซินคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างตกที่นั่งลำบาก เมื่อมองเห็นเซียวเชียนเยี่ยที่นั่งอยู่ตรงหน้าสีหน้าพลันยินดีขึ้นมา “ท่านอ๋อง เย่ว์จวิ้นอ๋องได้โปรดช่วยชีวิตกระหม่อมด้วย”
เดิมคิดว่าตนเองนั้นต้องตายแน่แล้ว แต่เมื่อมองเห็นเซียวเชียนเยี่ยพลันรู้สึกราวกับมองเห็นแสงสว่าง ตานซินเอ่ยร้องขอเสียงดังขึ้นมา
เซียวเชียนเยี่ยนั่งอยู่บนตำแหน่งที่นั่งเหนือสุด มองเห็นท่าทางจนตรอกของตานซินพลางขมวดคิ้ว สำหรับการกำจัดตานซินนั้น เซียวเชียนเยี่ยรู้สึกลำบากใจอยู่ในใจ หากก่อนหน้านี้ตานซินถูกทหารกบฏสังหารไป เขายังสามารถร้องขอให้ฝังศพเขาได้อย่างสง่าผ่าเผย กระทั่งต่อให้ถูกเว่ยจวินมั่วหรือหนานกงมั่วสังหาร เขาก็คงไม่ว่าอันใด นับว่าได้กำจัดตัวปัญหาใหญ่นี้ไปแล้ว แต่ตอนนี้ตานซินยังมีชีวิตอยู่ สำหรับเขานับว่าเป็นปัญหาใหญ่แล้ว
ความผิดของตานซินนั้นยากที่จะชดใช้ ต่อให้สมองของเซียวเชียนเยี่ยมีปัญหาก็รู้ดีว่าตานซินนั้นสมควรตาย แต่ส่วนตัวแล้ว ตานซินนั้นจงรักภักดีต่อตนมาก ตานซินมีความโลภ แต่ตนนั้นก็รู้ดีว่าเงินที่ตานซินคดโกงไป กว่าครึ่งนั้นถูกส่งไปให้ตนที่จินหลิง หากสังหารเขาโดยไม่ปรานีเช่นนี้ สำหรับคนเหล่านั้นที่ทำงานถวายชีวิตให้กับตนแล้ว จะเห็นว่าผู้เป็นนายไม่รู้จักเห็นใจ เห็นคนจะตายแล้วยังไม่ช่วย
ชั่วครู่ เซียวเชียนเยี่ยรู้สึกเสียดายขึ้นมา ไยตานซินจึงไม่ตายนะ
หนานกงมั่วนั่งอยู่ด้านข้างเว่ยจวินมั่ว มองคิ้วของเซียวเชียนเยี่ยที่ขมวดมุ่นเป็นปม แน่นอนตานซินไม่ตาย หากตานซินตายนางจะได้เห็นหวงจั่งซุนผู้นี้ลำบากใจหรือ นางเองก็อยากรู้ ว่าเซียวเชียนเยี่ยจะเลือกอย่างไรกันแน่ ละเว้นสักครั้งหรือว่าจัดการให้สิ้นซาก
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องได้โปรดช่วยชีวิตกระหม่อมด้วย กระหม่อมจงรักภักดีต่อฝ่าบาทและพระองค์…กระหม่อมถูกใส่ร้ายนะพ่ะย่ะค่ะ” ตานซินร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล ไม่มีความเย่อหยิ่งทะนงตนของผู้เล่าเรียนศึกษาเหลืออยู่แล้ว
เจียงฉงเฟิงที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับมองต่อไปไม่ไหวแล้ว ก้าวขึ้นมายกเท้าขึ้นกำลังจะถีบตานซิน “ใต้เท้าตาน ท่านหมายความว่าพวกเราใส่ความท่านหรือ”
ตานซินกระถดถอยหลังด้วยความหวาดกลัว มองไปยังเซียวเชียนเยี่ยอย่างกระตือรือล้น “คันกั้นน้ำพังทลายเป็นภัยธรรมชาติ กระหม่อมพยายามเต็มที่แล้ว เรื่องทหารกบฏ…เดิมเป็นเพราะผู้บัญชาการไร้ความสามารถ เกิดทหารกบฏขึ้นมา กองทัพแตกพ่ายก็แตกพ่าย ยอมจำนนก็ยอมจำนน เพียงแต่ตอนนี้…ในห้องโถงนี้ยังมีผู้บัญชาการที่ให้การช่วยเหลือทหารกบฏอยู่ด้วยหลายคน ท่านอ๋อง กระหม่อมถูกใส่ความจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ”