Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1876 ชุดนักพรตสมประสงค์ของศิษย์พี่สาม

ตอนที่ 1876 ชุดนักพรตสมประสงค์ของศิษย์พี่สาม
คำพูดของหลี่เสวียนเวยดูเหมือนเย้ยหยัน แต่ความจริงก็เป็นเช่นนั้น
ควรรู้ว่าเวลาในอดีตการปรากฏขึ้นของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ก็เพราะสมบัติมรรคแรกกำเนิดที่อยู่ในแดนแห่งปริศนา…
ศิลามรรคโลกาสวรรค์!
หากครั้งนี้หลินสวินมีโอกาสเข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณ ช่วงชิงสมบัติมรรคแรกกำเนิดในนั้นได้ ใครจะกล้าพูดว่าหลินสวินไม่สามารถก่อตั้งสำนักที่ไม่ด้อยไปกว่าเรือนมรรคโลกาสวรรค์ได้
“ศิษย์พี่ เรื่องนี้ข้าจะตั้งใจไปทำ แต่มีปัญหาหนึ่งที่ต้องแก้ไข”
หลินสวินกล่าววอย่างใคร่ครวญ
“กังวลว่าฐานะของตนจะเปิดเผยใช่หรือไม่”
ประโยคเดียวหลี่เสวียนเวยก็เดาความคิดของหลินสวินออกแล้ว ทำให้เขาเองยังอดประหลาดใจไม่ได้ พยักหน้ากล่าว “เป็นเช่นนั้นจริง”
หลี่เสวียนเวยยิ้มน้อยๆ เมื่อสะบัดแขนเสื้อ แสงทองกลุ่มหนึ่งปรากฏ เปลี่ยนเป็นชุดคลุมชุดหนึ่งกลางอากาศ
“นี่คือชุดนักพรตสมประสงค์ เป็นสมบัติจักรพรรดิที่ ‘รั่วซู่’ ศิษย์พี่สามของพวกเราเย็บเองกับมือ สวมใส่บนร่างแล้ว ไม่ว่าจะใช้วิชาลับอะไรก็ไม่มีใครสามารถมองทะลุและแยกแยะได้ พูดง่ายๆ ความมหัศจรรย์ของชุดนี้ คือสามารถปิดฟ้าข้ามทะเลภายใต้สายตาของระดับจักรพรรดิ”
สมบัติจักรพรรดิ!
ชุดนักพรตสมประสงค์!
หลินสวินสูดหายใจสะท้าน อดพูดไม่ได้ “ศิษย์พี่ สมบัตินี้… ล้ำค่าเกินไปหรือเปล่า”
“เรื่องนั้นเจ้าต้องถามศิษย์พี่สามแล้วล่ะ”
หลี่เสวียนเวยยิ้มน้อยๆ พร้อมเอ่ย “ในคีรีดวงกมล ศิษย์พี่รั่วซู่ได้รับการยอมรับว่าอ่อนโยนและเพียบพร้อมด้วยคุณธรรม ชุดที่ศิษย์พี่ศิษย์น้องใส่ล้วนเป็นชุดที่นางเย็บด้วยตัวเอง ต่อไปถ้านางเจอเจ้า จะต้องตัดเย็บชุดคลุมให้เจ้าด้วยตัวเองแน่นอน”
ศิษย์พี่สามรั่วซู่!
ลำดับอยู่หน้ามาก เป็นผู้สืบทอดคนที่สามที่บรรพจารย์คีรีดวงกมลรับไว้ รากฐานพลังต้องลึกล้ำเกินคาดเดาแน่นอน
อย่างชุดนักพรตสมประสงค์นี้ เสื้อผ้าชุดหนึ่งเท่านั้น ยังเป็นสมบัติระดับจักรพรรดิอย่างแท้จริง!
นี่ทำให้หลินสวินอดเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าไม่ได้ และจากที่ศิษย์พี่หลี่เสวียนเวยพูด ศิษย์พี่รั่วซู่ตัดเย็บชุดนักพรตเช่นนี้ไม่ใช่แค่ตัวเดียว ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลทุกคนล้วนมี…
“แต่ถึงตอนนั้นเจ้าอย่าใช้สมบัติอย่างพวกขวดมหามรรคไร้ขอบเขต สามพันเคลื่อนคล้อย เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด”
หลี่เสวียนเวยเตือน
หลินสวินพยักหน้า
ในใจเขาตื่นเต้นมาก
ตอนนี้แม้เขาใช้กายมรรคดินเหลืองปกปิดฐานะ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นมรดกที่มาจากศิษย์พี่เก่ออวี้ผู ขอเพียงปรากฏตัวในงานชุมนุมถกมรรค จะต้องถูกจับได้แน่
ยิ่งกว่านั้นวิธีการต่อสู้ของเขาเคยเปิดเผยตั้งแต่ตอนอยู่แหล่งสถานคุนหลุนแล้ว ทำให้ถูกคนมองออกได้ง่ายเช่นกัน
แต่ตอนนี้มีชุดนักพรตสมประสงค์แล้ว ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องพวกนี้อีก!
นี่เป็นถึงสมบัติจักรพรรดิชิ้นหนึ่ง สามารถปิดฟ้าข้ามทะเล ทำให้ระดับจักรพรรดิยังจับไม่ได้!
แม้เขาใช้ร่างต้นต่อสู้ ก็ไม่ต้องกลัวเกรงอีก
ทว่าเพื่อความรอบคอบ ไม่ใช่ช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน หลินสวินจะไม่ใช้ร่างต้น
หลี่เสวียนเวยพูด “ศิษย์น้อง เวลาไม่มากแล้ว พลังเจตจำนงเสี้ยวนี้ของข้ายืนหยัดได้ไม่นาน ข้าจะคุยกับชาวประมงน้อยสักหน่อย”
หลินสวินพยักหน้า
เขาหมุนตัวถอยไปข้างๆ พร้อมใส่ชุดนักพรตสมประสงค์ทันที
ฮูม…
แสงสมบัติแปลกประหลาดแทรกซึมทั้งในและนอกร่างกาย พอมองชุดนักพรตสมประสงค์อีกครั้งก็เปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อนแล้ว ไม่สะดุดตาสักนิด
หลินสวินเผยรอยยิ้ม สมบัติชั้นดี!
ไม่นานหลี่เสวียนเวยและป๋อหยาจื่อคุยกันเสร็จก็โบกมือให้หลินสวินพร้อมรอยยิ้ม “ศิษย์น้อง ค่อยพบกันใหม่”
พูดจบเงาร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นหมอควันกลุ่มหนึ่ง หายไปอย่างไร้ร่องรอย
บนผนังนั่นมีเพียงขวดมหามรรคไร้ขอบเขตที่เปล่งประกายวาว
“อาจารย์อาเล็ก ท่านอาจารย์กำชับไว้ว่าต้องให้ความร่วมมือกับการเคลื่อนไหวของท่านเต็มกำลัง ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เปิดเผยฐานะ”
ป๋อหยาจื่อสีหน้าอบอุ่น หลังจากคุยกับหลี่เสวียนเวย เขาราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน มีสง่าราศีที่สะท้านขวัญ
หลินสวินพูดอย่างจนใจ “ป๋อหยาจื่อ ท่านเรียกข้าว่าสหายยุทธ์เถอะ”
ตอนที่พูดเขาพลันเก็บขวดมหามรรคไร้ขอบเขต
ป๋อหยาจื่อบื้อใบ้ไป ค่อยพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
“ข้ามาสำนักยุทธ์เสวียนจีคราวนี้ ยังมีอีกเรื่อง”
หลินสวินเล่าเรื่องที่จะมุ่งหน้าไปเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียง ส่งมอบปิ่นปักผมของศิษย์พี่เสวียนคงให้กับเจียงซิงเชวี่ย
ป๋อหยาจื่อเอ่ย “เรื่องนี้ข้ารู้ดี ถึงอย่างไรก็เป็นคราวเคราะห์ที่เกิดกับอาจารย์อาเสวียนคง ตอนนั้นเป็นเรื่องฮือฮามาก”
ว่าแล้วเขาก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียด
สมัยบรรพกาล เสวียนคงผู้สืบทอดลำดับที่สี่สิบเก้าของคีรีดวงกมล ได้รู้จักกับเจียงซิงเชวี่ยทายาทเลือดบริสุทธิ์ของเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงโดยบังเอิญ
ทั้งสองต่างมีใจตรงกัน ตั้งใจจะแต่งเป็นคู่บำเพ็ญกัน เรื่องนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงด้วย
ใครจะคิดว่าการปะทุของศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิได้เปลี่ยนทุกอย่างนี้ไป
ในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิ ผู้สืบทอดหลายคนของคีรีดวงกมลถูกล้อมโจมตี ถูกบุคคลที่น่ากลัวกลุ่มหนึ่งโจมตีจนพ่ายแพ้
และในศึกครั้งนี้เองที่คีรีดวงกมลพังทลาย ป้ายศิลา ‘เสี้ยวจันทร์สามดารา’ ถูกทำลาย ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลที่ไม่ได้ร่วงหล่นก็กลายเป็นกลุ่มผีเร่ร่อนตั้งแต่นั้นมา
ตอนนั้นเสวียนคงเป็นผู้สืบทอดคนสุดท้ายที่เข้าสู่สำนัก เป็นเพียงผู้ฝึกปราณระดับมกุฎราชันอริยะเท่านั้น ไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิ
แต่เสวียนคงเองก็ได้รับการโจมตีเช่นกัน ลือกันว่าถูกบุคคลลึกลับที่มาจากสำนักพุทธกักขังสังหารใน ‘เมืองมรณะ’
รายละเอียดเป็นอย่างไร ป๋อหยาจื่อเองก็ไม่รู้
แต่พอเสวียนคงประสบเคราะห์ เผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงก็พลอยติดร่างแหไปด้วย เหตุผลเพราะเจียงซิงเชวี่ยและเสวียนคงมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกัน…
เผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงที่ประสบเคราะห์โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง มองเจียงซิงเชวี่ยเป็น ‘นักโทษของตระกูล’ อย่างไม่ลังเล จับตัวไปขังไว้ จนตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นตายอย่างไร
ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดนี้ หลินสวินอัเอ้นในใจ ราวกับถูกก้อนหินกดทับ แววตาเย็นชาน่ากลัว “ศิษย์พี่เสวียนคงของข้าก็ประสบเคราะห์แล้ว ศัตรูเหล่านั้นกลับยังไม่หยุด ยังพุ่งเป้าไปที่เจียงซิงเชวี่ย!”
เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ค่อยสูดหายใจลึกคราหนึ่งก่อนจะพูดว่า “เผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงเลือดเย็นไร้ปรานีเกินไป เพราะเหตุผลแค่นี้ก็มองเจียงซิงเชวี่ยเป็นคนบาปแล้ว น่าขันจริงๆ!”
ป๋อหยาจื่อถอนหายใจยาวเอ่ยว่า “เผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงเป็นทายาทจักรพรรดิเพลิงดึกดำบรรพ์ เท่าที่ข้ารู้ ที่พวกเขาทำเช่นนี้ แท้จริงแล้วเป็นเพราะถูกบีบบังคับจนปัญญา”
“หลังจากศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิครั้งนั้นสิ้นสุดลง เพื่อสลายอิทธิพลของคีรีดวงกมลให้สิ้นซาก สามเรือนมรรคใหญ่อย่างยุทธจักร จักรวาล ดึกดำบรรพ์ร่วมมือกับขุมอำนาจใหญ่อื่นๆ ไล่ล่าสังหารขุมอำนาจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคีรีดวงกมล”
“ตอนนั้นถ้าเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงไม่ทำเช่นนี้ ตระกูลเขาจะต้องได้รับความเสียหายอย่างไม่อาจจินตนาการ เจียงซิงเชวี่ยนั่นแม้ถูกกักขังในฐานะนักโทษ แต่อย่างไรก็รักษาชีวิตไว้ได้ ผลลัพธ์นี้ถือว่าไม่เลวแล้ว”
หลินสวินอึ้ง เพิ่งจะเข้าใจว่าตนเข้าใจเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงผิดไปอยู่บ้าง
“เพียงแต่เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องเก่าก่อนในสมัยบรรพกาล ในเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงตอนนี้ก็มีเพียงพวกเฒ่าชราที่รู้ความลับเหล่านี้ และพวกเขาไม่มีทางเล่าเรื่องพวกนี้ให้คนนอกฟัง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ข่าวรั่วไหลออกไปจนเกิดความวุ่นวาย”
ป๋อหยาจื่อพูด “แต่เช่นนี้ก็ทำให้เผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงในตอนนี้รู้เพียงว่า เจียงซิงเชวี่ยเป็นนักโทษชั่วนิรันดร์ของตระกูล กลับไม่รู้เหตุผล จึงต่างมองเจียงซิงเชวี่ยเป็นความอับอาย ไม่ยินยอมพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับนาง”
หลินสวินถอนหายใจในใจ
ก็จริง สมัยบรรพกาลอย่างน้อยก็เป็นเรื่องเมื่อแสนปีที่แล้ว ภายใต้เวลาที่เคลื่อนคล้อยไป ใครจะสนใจเหตุผลที่ผู้หญิงคนหนึ่งถูกตัดสินให้เป็นนักโทษของตระกูลกัน
แม้อยากรู้เหตุผลเหล่านี้ พวกเฒ่าดึกดำบรรพ์เผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงก็คงไม่บอก
ถึงอย่างไรในโลกปัจจุบัน อิทธิพลของสามเรือนมรรคใหญ่อย่างเรือนมรรคยุทธจักร เรือนมรรคดึกดำบรรพ์ เรือนมรรคจักรวาล ยังคงเรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลก!
“ถ้าอย่างนั้น หากข้าไปเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงตอนนี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะไม่เจอตัวเจียงซิงเชวี่ยสินะ”
หลินสวินใคร่ครวญ
ป๋อหยาจื่อคิดๆ แล้วพูดว่า “หากเพียงเจอหน้ากัน บางทีอาจจะทำได้ แต่ถ้าอยากช่วยนางออกมา กลับเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ เผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงแม้พลังดั้งเดิมเสียหายอย่างหนัก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ รากฐานพลังยังคงอยู่ ไม่เช่นนั้นภายใต้การกดดันของขุมอำนาจใหญ่มากมายในตอนนั้น ย่อมไม่มีทางรักษาชีวิตของเจียงซิงเชวี่ยไว้ได้”
หลินสวินแววตาลึกล้ำ “หากได้พบสักครั้งก็ยังดี”
ป๋อหยาจื่อสูดหายใจลึกคราหนึ่ง เอ่ยว่า “อาจารย์อาเล็ก ให้เวลาข้าเตรียมตัวสักระยะ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้ท่าน”
ครั้งนี้หลินสวินไม่ได้ถือสาคำเรียก ‘อาจารย์อาเล็ก’ อีก เขาคารวะอย่างจริงจังพร้อมพูดว่า “เช่นนั้นก็รบกวนด้วย”
……
นอกถ้ำสถิต เหิงเซียวได้กลับสู่ความสงบอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ได้เจอบรรพจารย์ป๋อหยาจื่ออีกครั้ง ก็ทำให้ในใจเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดี พออกพอใจ คิดว่ามีบรรพจารย์อยู่ ต่อไปการจะให้สำนักยุทธ์เสวียนจีกลายเป็นสำนักอันดับหนึ่งของแคว้นเมฆาก็คงจะเป็นจริงในไม่ช้าแล้ว
ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกตะลึงกับฐานะของหลินสวิน
บรรพจารย์ก่อตั้งสำนักยังเรียกเขาว่าอาจารย์อาเล็ก ที่มาของจินตู๋อีคนนี้น่าตกใจเกินไปแล้ว!
ในขณะที่เหิงเซียวจมอยู่ในภวังค์ความคิด หลินสวินและป๋อหยาจื่อก็เดินออกจากถ้ำสถิต
“ศิษย์พี่! ผู้อาวุโสจิน!”
เหิงเซียวรีบเข้าไปคารวะด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
หลินสวินมุมปากกระตุกคราหนึ่ง เหิงเซียวเป็นถึงเจ้าสำนักของสำนักเสวียนจี๋ บุคคลทรงอิทธิพลในแคว้นเมฆา ตอนนี้… มีท่าทางถ่อมตัวเหมือนเจอผู้อาวุโส ทำเอาหลินสวินไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ
ป๋อหยาจื่อราวกับเข้าใจความคิดของหลินสวิน จึงเรียกเหิงเซียวมาข้างๆ คุยกันอย่างลับๆ ครู่หนึ่ง ค่อยหันไปพูดกับหลินสวินพร้อมรอยยิ้ม “สหายยุทธ์ เหิงเซียวจะไม่เปิดเผยเรื่องวันนี้ เจ้าสามารถเคลื่อนไหวด้วยฐานะของจินตู๋อีได้ตามสบาย”
คราวนี้หลินสวินจึงเหมือนยกภูเขาออกจากอก พยักหน้าน้อยๆ
“นอกจากนี้เรื่องเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรค เหิงเซียวจะให้ข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นให้กับสหายยุทธ์ มีเรื่องอะไร ก็ให้เขาออกหน้าได้เลย”
ป๋อหยาจื่อย้ำเตือน
แน่นอนว่าหลินสวินไม่มีความเห็น ไม่นานก็จากไปพร้อมกับเหิงเซียว
ตั้งแต่วันนี้ หลินสวินถูกมองว่าเป็นแขกที่สูงศักดิ์ที่สุดของสำนักยุทธ์เสวียนจี พักอยู่ในถ้ำสวรรค์แดนมงคลที่นามว่ายอดเขาชำระหยก
นี่ทำให้เบื้องบนและล่างมากมายของสำนักยุทธ์เสวียนจีต่างตกใจ ถ้ำสวรรค์แดนมงคลแห่งยอดเขาชำระหยก เป็นถึงที่ฝึกปราณของเจ้าสำนักเชียวนะ
ตอนนี้กลับยกให้แขกที่มาจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนอย่างจินตู๋อีเป็นการชั่วคราว สิทธิระดับนี้ หาดูได้ยากจริงๆ
ทว่าเพราะเหิงเซียวจัดการด้วยตัวเอง จึงไม่มีใครกล้าโต้แย้ง
จินเทียนเสวียนเยวี่ยเองก็ประหลาดใจ นางรู้ดีว่า ด้วยป้ายคำสั่งประมุขขาวแผ่นหนึ่ง ไม่มีทางได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้แน่
จะต้องมีความลับอื่นแน่!
แต่นางชินกับเรื่องเหลือเชื่อต่างๆ ของหลินสวินมาตั้งนานแล้ว จึงมีไหวพริบไม่ได้ถามมาก
ตอนที่รู้ว่าหลินสวินเองก็ตัดสินใจเข้าร่วมศึกถกมรรคที่กำลังจะเริ่มขึ้นในแคว้นเมฆาในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ในใจจินเทียนเสวียนเยวี่ยเองก็ตื่นเต้นขึ้นมา เกินความคาดหมายอย่างที่สุด
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท