ตอนที่ 39 ขึ้นราคา
ชายชราท่านนั้นมองซ่งอิงทั้งสองคนแวบหนึ่งอย่างเห็นใจ แต่ก็พอคาดการณ์ได้แต่แรกแล้วว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่บอกกล่าวกันเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวขอบคุณ “ท่านพี่ เราขายในราคาจินละห้าอีแปะเช่นเดิมแหละเจ้าค่ะ หากมีคนมาซื้อ ก็กล่าวว่าปริมาณลวี่โต้วกั่วมีไม่มาก ขายได้นานสุดก็อีกแค่ห้าวันเท่านั้น พรุ่งนี้เป็นต้นไปก็จะขึ้นราคาแล้ว ขืนยังไม่ซื้อ ก็จะไม่ได้ลิ้มรสผลไม้ที่หวานหอมอย่างนี้อีกแล้ว”
ซ่งสวินได้ยินดังกล่าว เผยรอยยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยพูด “ตกลง”
ชายชราที่อยู่ด้านข้างได้ยินดังกล่าว มองสองพี่น้องคู่นี้ด้วยแววตาประหลาดใจ
แม่นางน้อยผู้นี้มิได้ประสาทกลับไปแล้วกระมัง? ลวี่โต้วกั่วมีอยู่เกลื่อนกลาดไปหมด แล้วจะมีปริมาณไม่มากไปได้อย่างไร
ทว่าเมื่อวานก็มีโชคได้ลิ้มรสผลไม้ของบ้านแม่นางน้อยผู้นี้เช่นกัน รสชาติไม่เลวเลยจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะหวานเสียยิ่งกว่าลูกท้อด้วยซ้ำ ทั้งยังมีรสชาติผลไม้อันเป็นเอกลักษณ์อยู่ด้วยเล็กน้อย เป็นรสชาติที่ยังคงหลงเหลือในปากคอไม่จางหาย
ครั้นคิดได้เช่นนี้ ชายชราท่านนั้นก็อดเสียดายไม่ได้ “แม่นางน้อย เหตุใดผลไม้บ้านเจ้าจึงรสชาติไม่เหมือนกับที่คนอื่นขายล่ะ”
“บอกกล่าวกับท่านตามจริงเลยแล้วกัน ผลไม้นี้เป็นของที่ข้าค้นหามาจากบริเวณเงียบสงัดลับตาผู้คนในเขา บริเวณนั้นมีแสงอาทิตย์เพียงพอ แล้วยังมีน้ำพุไหลผ่าน ทั้งหมดมีเพียงยี่สิบต้นโดยประมาณ ผลของมันจึงมีจำนวนจำกัด ดังนั้น…จะขายได้เพียงไม่กี่วันนี้เท่านั้น จากนั้นก็ไม่มีอีกแล้วเจ้าค่ะ” ซ่งอิงเอ่ยปากบอกกล่าว
ซ่งสวินได้ยินดังกล่าว นัยน์ตาทอประกายรอยยิ้มเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยแย้งอะไร
วันนี้ผลไม้ป่ากองพะเนินเต็มไปหมด ผู้คนที่ไม่ได้ซื้อหาเมื่อวานจำนวนไม่น้องล้วนเกิดความประหลาดใจ แทบจะทุกแผงล้วนขายออกไปได้แล้วไม่กี่จิน แต่อย่างไรก็ตาม ร้านค้าขายประเภทนี้โดยทั่วไปล้วนไม่มีลูกค้ากลับมาซื้ออีก
ทางด้านซ่งอิงนี้แตกต่างออกไป ลูกค้าที่ซื้อผลไม้ของนางเมื่อวานจำนวนไม่น้อย ครั้นเห็นนางและซ่งสวินก็พากันเดินเข้ามาทันที
“เล่นเป่ายิ้งฉุบแลกรางวัลอย่างเมื่อวานยังมีอยู่หรือไม่” เรื่องดีๆ บางอย่าง ท้ายที่สุดก็อดเอ่ยถามไม่ได้
“มีเจ้าค่ะ เหมือนเมื่อวาน ซื้อสองจินเล่นเป่ายิ้งฉุบได้หนึ่งครั้ง” ซ่งอิงกล่าวทันควัน
เมื่อคำพูดนี้กล่าวออกไป ลูกค้าก็พากันเลือกซื้ออย่างดีอกดีใจ
ทว่าก็มีลูกค้าใหม่บางส่วนที่ไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์นัก ครั้นเอ่ยปากถามแล้วได้ความว่าหนึ่งจินห้าอีแปะ ก็เป็นอันหันหลังให้เดินจากไปทันที แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ทางด้านซ่งอิงก็ยังค้าขายดีที่สุดเช่นเดิม
ส่วนแผงร้านอื่น มีคนเลียนแบบวิธีการเช่นนางขึ้นมาเช่นกัน
เปายิ้งฉุบชนะก็ไม่ต้องจ่ายเงิน
ทว่าไม่ใช่ทุกคนล้วนมีความสามารถเช่นซ่งอิง
ลองใช้วิธีการนี้อยู่สองครั้งก็พบว่าสถานการณ์ไม่เข้าท่าเสียแล้ว จึงเกิดความเสียใจภายหลังยิ่ง
“สหายซ่ง!?” ทั้งสองกำลังค้าขาย มีคนส่งเสียงตะโกนเรียกกะทันหัน
คนผู้นั้นก้าวเดินเข้ามาอย่างฉับไว มองซ่งอิงแวบสายตาหนึ่งเป็นอันดับแรก แล้วจึงกล่าว “ได้ยินสหายจิ้นเป่าเอ่ยว่าสถานการณ์การครอบครัวพวกเจ้ายากลำบาก คิดไม่ถึงว่าจะลำบากถึงขั้นนี้ เจ้าบุรุษคนหนึ่งถึงขั้นต้องมาวางแผงขายของหาเงินเลี้ยงปากท้อง…หยา! เจ้าขายผลไม้ป่านี่น่ะหรือ สหายซ่งอา เจ้ามีมือมีเท้า ตอนแรกก็เคยร่ำเรียนตำรามีความสามารถอยู่บ้าง ตอนนั้นท่านอาจารย์ยังกล่าวเชยชมเจ้าว่ามีพรสวรรค์ แล้วไยถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ กลับคิดเพียงแค่จะทำอะไรที่ไม่ต้องเปลืองแรงสินะ?”
ผู้มาเยือนใบหน้าดูหน่อมแน้ม คำพูดคำจากลับผิดจากหน้าตาที่เห็น
“สหายเจียงพูดติดตลกไปได้ ผลไม้ป่านี่ก็ต้องเด็ดลงมาเช่นกัน จะไม่เปลืองแรงได้อย่างไร มิหนำซ้ำ การหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวก็คือสิ่งที่พึงกระทำ ไม่ว่าทำอันใด ขอเพียงมาในแนวทางที่ถูกต้องชอบธรรม ซ่งสวินล้วนไม่คิดว่าเป็นการขายหน้าทั้งนั้น” ซ่งสวินเห็นผู้มาเยือน ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มเรียบเฉย
ซ่งอิงค้นพบว่า พี่ชายผู้นี้ของนาง แม้อายุจะพอๆ กับนาง แต่กลับสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ได้ดีจริงๆ
“นี่ก็คือน้องสาวเจ้าสินะ?” เจียงจื่อชางกวาดสายตามองซ่งอิงตั้งแต่บนจรดล่างอยู่ครู่หนึ่ง “ตอนนั้นที่เจ้าและข้าเรียนในโรงเรียนเดียวกัน ก็เคยเห็นน้องสาวเจ้าผ่านตาอยู่บ้าน ตอนนั้นเจ้าและข้าต่างก็รู้ดีว่า จินเป่ามีความเกี่ยวข้องกับน้องสาวเจ้า คิดไม่ถึงเลยว่าพอน้องสาวเจ้าเปลี่ยนจากไก่ป่ากลายเป็นหงส์ ก็เลยทอดทิ้งเขาไปเสียดื้อๆ…”
“สหายเจียงช่วยระมัดระวังคำพูดด้วย!” ซ่งสวินเผยสีหน้าเย็นเยียบ “ไม่ได้พูดคุยตกลงไว้ชัดเจนและไม่ได้วางสินสอดของหมั้นใดๆ ครอบครัวข้ากับครอบครัวหลี่จะไปเอาความเกี่ยวข้องกันจากไหนมาหรือ! หากสหายเจียงไม่มีเรื่องอันใด ก็อย่ารบกวนเวลาค้าขายของเราพี่น้องเลย!”
ตอนที่ 40 ละโมบโลภมากเกินไปแล้ว
ซ่งสวินชักสีหน้าเปลี่ยนไปจากเดิม เจียงจื่อชางกลับหัวเราะออกมา
“สหายซ่งโกรธเคืองแล้วหรือ มิใช่ร้อนตัวแล้วกระมัง” เจียงจื่อชางได้ใจ “นึกถึงตอนแรก ท่านอาจารย์มักกล่าวว่าเจ้าซ่งสวินเป็นผู้ฉลาดเฉลียวมากด้วยพรสวรรค์ ภายภาคหน้าจะต้องเป็นใหญ่เป็นโตแน่ แล้วก็กล่าวว่าข้ากับจิ้นเป่าไม่มีความพยายามเพื่อจะก้าวหน้า เสียแรงที่เป็นลูกผู้ชาย แล้วดูเจ้าในบัดนี้สิ จุ๊ๆๆ…น่าเวทนานัก คิดไม่ถึงว่าจะหันมาริเริ่มค้าขายผลไม้ป่าเสียแล้ว…ไม่เหมือนข้ากับสหายจิ้นเป่า ท่านพ่อท่านแม่ข้าเปิดร้านเป็นหลักเป็นแหล่งในอำเภอให้ข้าดำเนินกิจการ ส่วนจิ้นเป่าก็ใกล้จะมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว ในใจสหายซ่งนี่คงไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งสินะ?”
“สหายเจียงยังคงยึดนิสัยของตนเองมาวัดผู้อื่นไม่เปลี่ยนเลย” ซ่งสวินแสยะยิ้มเหยียดหยัน “สหายเจียงอยู่ตรงนี้ส่งผลกระทบต่อการค้าขายของข้าเสียแล้ว หากยังไม่ไป เกรงว่าข้าคงต้องเรียกเจ้าหน้าที่ตรวจตราแล้ว”
“ท่านพี่ นี่ท่านพี่ทำไม่ถูกแล้วเจ้าค่ะ” ซ่งอิงเอ่ยปากพูด
ซ่งสวินหันไปมองนาง กลับเห็นนางเอ่ยปากพูดขึ้นอีกครั้ง “มองแวบเดียวก็รู้ว่าพี่เจียงเป็นคนใจกว้างและมีมารยาทคนหนึ่ง อุตส่าห์วิ่งเข้ามาส่งเสียงทักทายท่านแต่ไกล คงเป็นเพราะห่วงใยเส้นทางในหน้าที่การงานภายภาคหน้าของท่านเป็นแน่ถึงได้เอ่ยปากพูด ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
เจียงจื่อชางยกยิ้มมุมปาก “แน่นอน ก็เพราะข้าเห็นสหายซ่งตกที่นั่งลำบาก ดังนั้นถึงได้เอ่ยแนะนำสองสามประโยคเท่านั้นเอง ข้าคิดว่าสหายซ่งคงไม่ใจแคบเพียงนี้กระมัง”
“พี่ชายข้าไม่โกรธหรอกเจ้าค่ะ นานๆ ทีพี่เจียงจะมาหากันถึงที่ เราดีใจกันจนตั้งตัวไม่ทันต่างหาก!” ซ่งอิงเผยรอยยิ้มตาหยี “พี่เจียงต้องการกี่จินหรือ เห็นแก่ความที่พี่เจียงเป็นสหายพี่ชายข้า ข้าจะให้สิทธิพิเศษท่านหน่อยแล้วกัน คนรอบข้างหากซื้อสองจินถึงจะเล่นเป่ายิ้งฉุบได้ สำหรับพี่เจียง…ทุกๆ หนึ่งจินก็ให้เล่นเป่ายิ้งฉุบได้แล้วกัน ไม่ว่าพี่เจียงจะซื้อจำนวนเท่าใด ขอเพียงชนะได้สักครา เช่นนั้นผลไม้ทั้งหมดนั้นก็ให้ท่านโดยไม่คิดเงิน นอกจากนั้นทุกรอบการเล่นที่เอาชนะได้จะให้เงินด้วยห้าอีแปะ!”
“ซื้อของแล้วเล่นเป่ายิ้งฉุบ?” เจียงจื่อชางตะลึงงันชั่วครู่
เขาเพียงแค่เห็นซ่งสวินแต่ไกลๆ ดังนั้นจึงมาเยาะเย้ยถากถางเฉยๆ หากไม่เข้ามาใกล้ๆ จะมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าซ่งสวินขายอะไรอยู่
ตอนนี้พอมองเห็น…
มิใช่ว่าซ่งสวินโง่เขลาไปแล้วหรือไร
ผลไม้ป่าธรรมดาๆ เท่านั้นเอง ยังต้องเปลืองแรงเช่นนี้ด้วยหรือ
แต่อย่างไรก็ตาม…
หลังซ่งอิงกลับมาจากบ้านครอบครัวคนใหญ่คนโตครานี้ คงไม่เข้าใจความยากลำบากของชาวบ้านธรรมดาทั่วไปแล้วจริงๆ สินะ ถึงได้เอ่ยปากว่าจะสมนาคุณให้ห้าอีแปะได้อย่างหน้าตาเฉย น่าขันดีเหมือนกัน
แต่ในเมื่อนางต้องการมอบให้ แล้วเขาจะปฏิเสธช่องทางได้เงินมาเปล่าๆ ได้อย่างไร
“ในเมื่อแม่นางซ่งให้เกียรติเพียงนี้ เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้วกัน” เจียงจื่อชางกล่าว
“เช่นนั้นไม่ทราบว่าพี่เจียงต้องการซื้อกี่จินหรือ ในเมื่อพี่เจียงอยู่ในตัวเมือง มีหน้าร้านห้องแถวใหญ่โตพร้อมสรรพ เช่นนั้นคงต้องมีภูมิหลังเป็นผู้บรรดาศักดิ์อย่างแน่นอน คาดว่าหากไม่ใช่เพราะวาสนาของพี่ชายข้า ก็คงไม่ชายตาแลสิ่งนี้ของบ้านข้า ดังนั้นซื้อผลไม้นี้กลับไป ก็คิดเสียว่าเอาไปให้เป็นน้ำใจแก่ข้ารับใช้กระมัง? หากเป็นเช่นนั้น อย่างน้อยก็ต้องสิบจินขึ้นไปสินะ พี่เจียง ท่านช่างเป็นผู้มีเกียรติสำหรับครอบครัวข้าจริงๆ เลย…” ซ่งอิงกล่าวอย่างใจเย็น
เจียงจื่อชางรู้ดีเช่นกันว่าคำพูดเหล่านี้ของซ่งอิงไม่ได้ออกมาจากใจ ทว่าคิดๆ ดูแล้วเงินรางวัลห้าสิบอีแปะ ก็ถือว่าไม่เสียหายเช่นกัน
“หนึ่งอีแปะหนึ่งจินใช่หรือไม่ เช่นนั้นเอามายี่สิบจินแล้วกัน สหายซ่ง อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจเจ้าแล้วกัน” เจียงจื่อชางเตรียมโยนเงินให้
สาเหตุที่เขาซื้อจำนวนมากมายเพียงนี้ เพราะคิดว่าจะได้เล่นเป่ายิ้งฉุบหลายๆ ครั้งหน่อย
ซื้อครั้งเดียวให้เสร็จสรรพ จากนั้นสองพี่น้องนี้พ่ายแพ้แล้วต้องมอบเงินให้ จะได้กลับคำไม่ได้โดยง่าย
“เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ พี่เจียงเข้าใจผิดแล้ว ผลไม้ของบ้านข้าแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทหนึ่งคือผลไม้ป่าธรรมดาที่ไม่มีอันใดพิเศษ ห้าอีแปะหนึ่งจิน คาดว่าท่านก็คงไม่ชายตาแลมัน ส่วนอีกประเภทหนึ่งเป็นผลไม้ชั้นเยี่ยมพิเศษ ห้าสิบอีแปะหนึ่งจิน” ซ่งอิงกล่าวหน้าตาเฉย
เจียงจื่อชางได้ยินดังกล่าว หัวเราะออกมาทั้งที่ในใจเดือดดาลแทบแย่ “เจ้าเห็นข้าเป็นคนโง่เขลาหรือ ของเหมือนๆ กันทั้งนั้น ราคาจะต่างกันมากมายเพียงนี้ได้อย่างไร! ผลไม้บ้านคนอื่นเขาเพียงแค่อีแปะเดียวด้วยซ้ำ! นี่พวกเจ้าละโมบโลภมากเกินไปแล้วกระมัง!”
“พี่เจียง หากพวกเราละโมบโลภมาก ก็คงไม่ให้ท่านได้เล่นเป่ายิ้งฉุบมากครั้งกว่าหน่อยหรอก หากท่านไม่เชื่อ ไปถามดูรอบๆ ก็ได้ เมื่อวานกับวันนี้มีใครได้เงินจากการเอาชนะเป่ายิ้งฉุบข้าบ้างหรือไม่ กฎนี้สำหรับท่านถือว่าได้รับการยกเว้นแล้วหรือไม่!”