ตอนที่ 35 แบ่งกำไร
ท่านอาผู้นั้นคิดในใจว่า เป็นลวี่โต้วกั่วเหมือนๆ กัน แล้วรสชาติจะไม่เหมือนกันได้อย่างไร
เพียงแต่เกรงใจเกินกว่าจะกล่าวต่อหน้า ส่วนลูกๆ ในครอบครัวก็โวยวายยิ่งนัก หากจนปัญญาจริงๆ ช่วงบ่ายวันนี้เขาก็จะขึ้นเขาไปสักครั้งด้วยตนเอง ดูว่าจะเด็ดมาได้บ้างหรือไม่
เห็นสีหน้าคนผู้นี้ ซ่งอิงก็พอคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เก็บคำพูดของนางเอาไปใส่ใจ
นางเองก็ไม่มัวตอแยจนเกินไปแต่อย่างใด
เมื่อเก็บสิ่งของเรียบร้อย ซ่งอิงดึงซ่งสวินเดินเตร็ดเตร่ไปตามทางสายนี้ หมายซื้อของตามรายทางติดไม้ติดมือไปเล็กน้อย
ในช่องว่างระหว่างมิติ จะดีจะร้ายก็มีพื้นที่กว่าหนึ่งร้อยตารางเมตรเห็นจะได้ ปลูกพวกแตงหรือผักสดได้บ้าง สิ่งเหล่านี้เมล็ดพันธุ์ราคาไม่แพง ซ่งอิงจะเลือกสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยครั้งเตรียมเอาไว้ น่าเสียดาย น้ำส่งผ่านจิตของนางไม่ได้มีความอัศจรรย์มากเกินไปอย่างการมีประสิทธิผลเร่งเจริญเติบโต มิเช่นนั้นจะซื้อโสมไปเสียหน่อย ก็คงทำให้ร่ำรวยขึ้นมาได้ในชั่วข้ามคืน
ทว่า…
เมื่อเอ่ยถึงโสม ซ่งอิงพลันนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของท่านอาผู้เป็นบุตรคนโตครอบครัวหลี่
ท่านอาหลี่ต้ากล่าวว่าหลี่ซานพบเห็นโสมในแปลงผักของบ้านนาง…
ทว่าหลี่ซานกลับปากแข็งไม่ยอมรับ
ทุกส่วนของแปลงผัก นางเคยรดน้ำทั่วทั้งหมด แต่ไม่เคยเห็นสิ่งประเภทโสมนี้เลย แต่หากไม่มี แล้วเหตุใดท่านอาหลี่ต้าถึงพูดเช่นนั้น
บางทีอาจเป็นเพียงการพูดจาเหลวไหลชั่วขณะของหลี่ซาน ทว่าอาหลี่ต้ากลับเชื่อคำพูดของเขา?
ซ่งอิงครุ่นคิดเรื่อยเปื่อยอยู่พักหนึ่ง ขณะเดียวกันก็เลือกสิ่งของเอาไว้ได้แล้วจำนวนไม่น้อย
ผักผลไม้ในยุคสมัยนี้มีค่อนข้างมาก ที่เติบโตในระยะเวลาอันสั้นและเป็นสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด หนีไม่พ้นพวกมะเขือเทศ แตงหวาน[1] ฟัก แตงกวา น้ำเต้า มะเขือม่วง หัวไชเท้า แล้วยังมีผักใบเขียวอย่างเช่น ปวยเล้ง ผักกาดหอม ผักตั้งโอ๋ ผักโขม คะน้า ผักจวินต๋า[2] และผักม่านชิง[3]เหล่านี้ แน่นอนว่า ของที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนักก็มีเช่นกัน หนึ่งในนั้นก็คือแตงโมที่พบเห็นได้ยากยิ่ง เช่นเดียวกับลิ้นจี่ มีเพียงในพระราชวังเท่านั้นถึงจะได้กินของประเภทนี้
ผักผลไม้หลากหลายชนิดพันธุ์อย่างที่นางเองก็รู้จักไม่ทั้งหมด ซ่งอิงจึงเลือกเพียงชนิดที่มีความต้องการบริโภคสูงและรสชาติดี อย่างเช่นแตงหวานและหัวไชเท้า รวมไปถึงมะเขือเทศ
ใช้จ่ายค่าเมล็ดพันธุ์ไปทั้งสิ้นห้าสิบอีแปะ จากนั้นซ่งอิงก็ซื้อน้ำผึ้งและน้ำตาลจำนวนหนึ่ง ของสองสิ่งนี้ราคาสูงมาก ซื้อเพียงอย่างละหนึ่งจิน ก็ใช้จ่ายเงินไปแล้วถึงหนึ่งร้อยอีแปะ แป้งสาลีและข้าวเหนียวอย่างละยี่สิบจิน เป็นเงินอีกสองร้อยหกสิบอีแปะ
ตอนนี้เป็นช่วงปลายเดือนสาม อีกเดือนเดียว ในตลาดนี้ก็จะมีบ๊ะจ่างออกมาขายให้เห็นแล้ว
ซื้อข้าวเหนียวล่วงหน้าเอากลับไปสักหน่อย อีกทั้งใบบัวในหมู่บ้านอีกไม่กี่วันก็จะขนาดพอเหมาะ เด็ดมาใช้ได้พอดี
ซ่งสวินมองดูซ่งอิงนำเหรียญทองแดงใช้จ่ายจนเหลือเพียงสิบอีแปะ
ปวดใจจริงๆ แต่กลับไม่อาจหยุดยั้งนางได้
น้องสาวใช้ชีวิตอยู่ในจวนโหวเป็นเวลาเกือบสองปี หลังกลับมาคงไม่ค่อยคุ้นชินเท่าใดนัก จะใช้จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่ายไปบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดามากเช่นกัน
สิบอีแปะที่เหลือ ซ่งอิงก็ไม่คิดจะเหลือมันไว้แต่อย่างใด พากันไปกินบะหมี่กับซ่งสวินคนละชาม แล้วยังซื้อขนมอบชิ้นหนึ่งติดมือกลับไปอีกด้วย
ขนมอบนั่นขนาดเล็กจนน่าเวทนา ตามจริงซ่งอิงก็รู้สึกเกรงใจอยู่บ้างเช่นกัน
“ท่านพี่ ที่บ้านเรายังมีลวี่โต้วกั่วอีกมากพอตัว ไว้ขายหมดแล้วข้ายังขึ้นเขาไปเด็ดมาอีกได้ ถึงเวลาค่อยแบ่งกำไรกับท่านพี่นะเจ้าคะ” ซ่งอิงค่อนข้างละอายแก่ใจ เนื่องจากมัวแต่ใช้จ่ายเงินโดยคำนึงถึงแต่ตนเอง
แต่ครั้นคำพูดนี้เอ่ยออกจากปากไป สีหน้าซ่งสวินก็เคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อยทันที “เจ้าเป็นคนหาผลไม้ป่าเจอ และเป็นเจ้าที่เด็ดมันเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นเป็นเจ้าที่คิดนำมันขายออกไป แล้วข้าจะต้องการขอส่วนแบ่งได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ทั้งหมดข้าเป็นคนทำ เงินนี้ก็ยินดีให้เจ้าใช้จ่ายเช่นกัน อย่าได้เอ่ยคำพูดที่ประเภทคนอื่นคนไกลเช่นนี้อีก”
“ท่านพี่ นี่ข้าไม่ได้เห็นท่านเป็นคนอื่นคนไกลนะเจ้าคะ แต่เพราะคำนึงถึงภายภาคหน้า ท่านพี่ ท่านอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ชาวบ้านคนอื่นๆ ในวัยนี้ก็ควรมีคู่หมั้นหมายกันแล้วถึงจะถูก แต่เพราะเรื่องราวของข้า จึงรบกวนเวลาของท่านมาโดยตลอด หากท่านพี่ไม่มีแม้แต่เงินและครอบครัวเป็นของตัวเอง จะพานให้ผู้คนหัวเราะเยาะเอาได้? ภายภาคหน้าข้าจะคิดวิธีหาเงินให้ได้มากๆ ถึงตอนนั้นก็จะมีส่วนของท่านพี่ด้วย หากท่านพี่พบแม่นางที่ถูกใจ จะได้มีเงินซื้อเครื่องประดับผมเป็นของขวัญมอบให้คนเขาอย่างไรเจ้าคะ”
ตอนที่ 36 ใช้เล่ห์เหลี่ยมยกใหญ่
ยามที่ซ่งอิงพูดจา ใบหน้าของซ่งสวินเคลือบไว้ด้วยสีแดงระเรื่อ
ส่งอิงพลันรู้สึกสุขใจ พี่ชายนางผู้นี้ แม้ว่าปกติแต่ละวันจะจงใจทำเป็นผู้ใหญ่มากประสบการณ์ ไม่ค่อยชอบพูดชอบจาและมักทำตัวหัวโบราณ แต่เห็นได้ชัดว่าก็ยังเป็นหนุ่มแรกแย้มคนหนึ่งอยู่ดี!
ทั้งสองนั่งรถเกวียนวัวลากจูงกลับกันไป ซ่งจินซานไม่ได้ไปทำงาน หร่วนซื่ออยู่บ้านทำกับข้าวคอยไว้เสร็จสรรพแล้วเช่นกัน
มองเห็นตะกร้าที่อยู่ด้านหลังทั้งสองคนดูเหมือนยังคงเต็มแน่น ทั้งสองคนต่างมองหน้ากันแวบสายตาหนึ่ง จากนั้นคลี่ยิ้ม “ขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ยาโถวไม่ได้ไปในตัวอำเภอนานมากแล้ว ก็ถือเสียว่าไปเที่ยวเล่นสักครั้งแล้วกัน”
“ท่านแม่ ขายได้ขอรับ นี่เป็นของที่ข้าและน้องซื้อกลับมาต่างหากละขอรับ” ซ่งสวินรีบกล่าวทันที
“ขายได้ด้วยหรือ ได้มากี่อีแปะล่ะ” หร่วนซื่อตกตะลึง
“กี่อีแปะที่ไหนกันเจ้าคะ กี่ร้อยอีแปะถึงจะถูก ลวี่โต้วกั่วขายดีมาก เพิ่งพ้นช่วงเที่ยงวันไม่ทันไรพวกเราก็ขายของหมดแล้ว ได้มาทั้งหมดสี่ร้อยยี่สิบอีแปะ เพียงแต่…ข้าซื้อของมาไว้จำนวนหนึ่ง เลยใช้จ่ายเงินหมดเกลี้ยง…” ซ่งอิงสารภาพตามจริง
หร่วนซื่อเร่งรีบเดินเข้าไปมองดู ในตะกร้านั้นไม่มีลวี่โต้วกั่วแม้แต่ผลเดียว มีเพียงแป้งสาลีและข้าวเหนียว ตลอดจนน้ำผึ้งและน้ำตาลจำนวนหนึ่งเท่านั้น!
สี่ร้อยยี่สิบอีแปะ!?
“เจ้า…เจ้าขายผลไม้ป่าหนึ่งจินกี่อีแปะหรือ” หร่วนซื่อตกใจเหลือเชื่อจนหัวใจเต้นระรัว
“ห้าอีแปะเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวหน้าตาเฉย
หร่วนซื่อได้ยินดังกล่าว เกือบเป็นลมล้มพับ
“ห้าอีแปะ!? เจ้าก็ช่างกล้าตั้งราคาจริง! ข้าวสารปีนี้ยังราคาไม่ถึงห้าอีแปะด้วยซ้ำ!” หร่วนซื่อคิดว่าลูกๆ สองคนนี้ตั้งราคาเกินจริงเกินไปแล้ว ขายราคาแพงขนาดนี้ เกิดถูกคนเขาหาเรื่องมาลงไม้ลงมือจะทำอย่างไร
ซ่งอิงไม่แยแส “ท่านแม่อา ผลไม้ป่าของพวกเราอร่อยหรือไม่”
“แน่นอน อร่อยกว่าสาลี่และแตงหวานเสียอีก” หร่วนซื่อพยักหน้า
“เช่นนั้นก็เหมาะสมแล้วนี่เจ้าคะ? สมกับราคาห้าอีแปะอย่างยิ่ง! ท่านแม่ บอกกับท่านตามตรงเลยแล้วกัน ข้ามีเคล็ดลับส่วนตัว ตอนนั้นที่อยู่จวนโหว ข้าได้เจอนักพรตเฒ่าคนหนึ่ง นักพรตเฒ่าผู้นี้มีความแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปท่านนั้น สอนสิ่งต่างๆ ให้ข้ามากมาย ถือว่าเป็นอาจารย์คนหนึ่งของข้าก็ว่าได้ หลายวันก่อนที่ข้าจิตใจว้าวุ่นแล้วออกจากบ้านไป ได้เจอะเจอกับอาจารย์ที่มาหาข้า เขาสงสารข้าที่เผชิญความทุกข์ยากลำบาก จึงให้ของดีไว้พกข้างกายอย่างหนึ่งแก่ข้า” ซ่งอิงบอกกล่าว “ท่านแม่ พวกท่านรอเดี๋ยวนะ ข้าจะไปหยิบมาให้พวกท่านดู”
หลังจากนั้น ซ่งอิงไปใต้เตียงที่อยู่ในห้อง นำโถเครื่องเคลือบใบหนึ่งขนออกมา ฉวยจังหวะที่พวกเขาไม่ทันสังเกตุ เติมน้ำผ่านจิตจากช่องว่างระหว่างมิติจนเต็มโถดังกล่าว
จากนั้นจึงยกออกไป
“โถนี้…เป็นของที่ข้าใช้เก็บออมเงินก่อนหน้านี้…” หร่วนซื่อชี้นิ้วไปที่โถขณะกล่าว
เพียงแต่ปีนี้สถานการณ์ครอบครัวไม่ค่อยดี โถนี้จึงว่างเปล่ามาพักใหญ่แล้ว
“ท่านอาจารย์ให้ยาเม็ดไว้กับข้าจำนวนมาก นี่เป็นสิ่งที่ละลายยาเม็ดหนึ่งลงไปแล้ว เขากล่าวว่า น้ำนี้ใช้สำหรับรักษาโรคในพืช ช่วยทำให้ต้นพันธุ์แข็งแรงเป็นการเฉพาะ” ซ่งอิงกล่าวโดยใช้เล่ห์เหลี่ยมต่อไป “พืชและมนุษย์ก็เหมือนๆ กัน ล้วนต้องการของบำรุง นี่ก็คือของบำรุงเจ้าค่ะ”
“ของบำรุง?” ซ่งสวินมักคิดว่าช่างแปลกพิลึก
“ถูกต้องแล้ว ด้วยเหตุนี้ต้นไม้สามต้นที่ข้าหาเจอนั่นจึงแตกต่างออกไป ก็เพราะข้าใช้ยาน้ำเหล่านี้ละเจ้าค่ะ หลังต้นไม้ได้ดูดซับยาน้ำนี้ เพียงแค่ครึ่งชั่วยาม ก็จะดูดซึมได้อย่างหมดจด จากนั้นจะเปลี่ยนไปแข็งแรง ผลที่ออกมาก็เลยงดงามสมบูรณ์แบบ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“มีของแบบนี้จริงหรือ เช่นนั้นเหตุใดถึงไม่แจกจ่ายปวงประชาล่ะ? หากแปลงนาทุกบ้านล้วนมียาน้ำนี้ เช่นนั้นก็ไม่…ก็ไม่ต้องมีคนอดยากปากแห้งอีกแล้ว?!” ซ่งจินซานตื่นเต้นอย่างยิ่ง
“ท่านพ่อ ในเมื่อเป็นของดี แน่นอนว่าต้องได้มาจำนวนไม่มาก และไม่ได้ปรุงกันขึ้นมาโดยง่ายดาย ยาเม็ดมีจำนวนจำกัด ท่านอาจารย์กลัวว่าคนอื่นจะอยากได้ของดีที่อยู่กับข้า ดังนั้นตอนที่ให้ยาเม็ดแก่ข้า จึงให้ข้ากล่าวสาบานเอาไว้ว่า จะให้คนในครอบครัวตลอดจนผู้คนภายนอกรู้เกี่ยวกับของสิ่งนี้ไม่ได้เป็นอันขาด มิเช่นนั้นข้าจะมิได้ตายดี…”
[1] แตงหวาน (甜瓜) คือผลไม้ประเภทแตงที่มีรสหวาน เช่น แคนตาลูป แตงโม เป็นต้น
[2] ผักจวินต๋า (莙荙) ผักชนิดหนึ่งเป็นที่นิยมกินในแถบกวางโจว มีลักษณะเป็นต้นใบก้านยาว สีเขียวเข้ม
[3] ผักม่านชิง (曼青) ผักใบเขียวชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดในเอเชียและปลูกในหลายจังหวัดทางตอนเหนือและตอนใต้ของจีน โดยเฉพาะในลุ่มน้ำแยงซี ใบสีเขียวอ่อน เป็นหนึ่งในผักที่พบมากที่สุด