ตอนที่ 67 กินดินไปเถอะ
ซื้อข้าวเหนียวมาใหม่อีกหนึ่งร้อยจิน น้ำตาล พุทราน้ำผึ้ง ไข่เป็ด เนื้อหมู เม็ดเกาลัด และถั่วแดง ต่างก็ซื้อมาอย่างละหน่อย
นางขนของกลับไปกองโต จากนั้นซ่งอิงก็เริ่มยุ่งตัวเป็นเกลียว
หร่วนซื่อกลัวว่าซ่งอิงจะไม่มีฟืนจุดไฟ จึงขนมาไว้ให้นางก่อนหน้านี้แต่เนิ่นๆ แล้ว นางนำเถาวัลย์ถั่วที่ตากแห้งเตรียมไว้ดิบดีกองรวมกันเป็นกองสูง ซ่งอิงนำน้ำเถ้าจากเถาวัลย์ถั่วเหล่านี้กรองซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายครั้ง เช่นนี้บ๊ะจ่างที่ทำออกมาจะได้ลักษณะภายนอกสีเหลืองทอง ดูสวยงามเป็นที่สุด
ข้าวเหนียวที่แช่ไว้เรียบร้อยเมื่อวานมีจำนวนไม่น้อย ล้วนนำไปให้มารดาตั้งแต่เช้าตรู่ทั้งหมดแล้ว
ข้าวเหนียวชุดนี้เป็นปริมาณแปดสิบจิน ทั้งหมดจะทำเป็นบ๊ะจ่างไส้พุทราน้ำผึ้งที่เรียบง่าย บ๊ะจ่างประเภทนี้ราคาไม่สูง แต่ความต้องการมากที่สุด
ข้าเหนียวหนึ่งจินทำบ๊ะจ่างได้ประมาณสิบห้าถึงยี่สิบชิ้น ราคาตามท้องตลาดของข้าวเหนียวคือจินละหกอีแปะ ที่แพงสุดก็คือพุทราน้ำผึ้งและน้ำตาล
“เหล่าต้า มนุษย์อย่างพวกเจ้าทำของได้อร่อยขนาดนี้ทั้งนั้นเลยหรือ” ภูตโสมเริ่มติดใจถอนตัวไม่ขึ้น
เมื่อวานทำบ๊ะจ่างไปจำนวนไม่ถึงสี่สิบชิ้น ครึ่งหนึ่งมอบให้บิดามารดา ส่วนที่เหลือเหล่านั้นแทบจะตกลงสู่ท้องของภูตโสมทั้งหมดก็ว่าได้
“เจ้ายังอยากกินอีกหรือ โสมอย่างพวกเจ้ากินดินไปก็พอ ของประเภทนี้ไม่เหมาะกับเจ้าหรอก” ซ่งอิงกล่าวอย่างดูถูก
สหายคู่หูตัวน้อยอย่างพืชชนิดหนึ่ง ห่วงโซ่สุดท้ายของวงจรสิ่งมีชีวิต กลับกินเก่งเสียยิ่งกว่านางอีก!
ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด!
“ข้าเห็นเจ้าเตรียมใบหลูไว้แล้ว บางส่วนมีกลิ่นอายของพลังหลิงชี่[1]ด้วย!” ภูตโสมกล่าวเชิงทักท้วง “ข้าจะกิน ข้าจะกิน!”
“นี่เป็นบ๊ะจ่างชั้นยอด ช่วงที่ขายบ๊ะจ่าง บ๊ะจ่างประเภทนี้วันหนึ่งเจ้าจะกินได้มากสุดแค่สามชิ้นเท่านั้น มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว” ซ่งอิงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
นางมีน้ำผ่านจิตมากมาย ตั้งหนึ่งบ่อทะเลสาบเต็มๆ ยิ่งไปกว่านั้นขวดหยกนั่นก็ยังมีน้ำรินไหลออกมาอย่างช้าๆ ตลอดเวลา
แต่ระยะที่ผ่านมานี้นางลองคิดคำนวณระดับความเร็วของการไหลจากขวดหยก
ระยะเวลาหนึ่งวัน ขวดหยกจะปล่อยน้ำผ่านจิตออกมาน่าจะมีปริมาณเพียงสามอ่างเก็บน้ำขนาดกลางเท่านั้น
แน่นอนละว่า นี่ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แล้ว แต่ภายภาคหน้านางยังมีอีกหลายส่วนที่ต้องใช้น้ำผ่านจิตนี้ อีกทั้งเพื่อป้องกันการขาดแคลนในยามจำเป็น ดังนั้นจึงไม่อาจใช้อย่างสิ้นเปลืองโดยเด็ดขาด
ยิ่งไปกว่านั้น นางจะเอาแต่หวังพึ่งพิงแต่น้ำผ่านจิตนี้มากเกินไปไม่ได้เช่นกัน เกิดวันใดวันหนึ่งช่องว่างระหว่างมิติหายไปล่ะ
ดังนั้น ต่อให้มีใบห่อบ๊ะจ่างที่มีรสของน้ำผ่านจิต ในวันหนึ่งก็จะเตรียมขายเพียงไม่เกินหนึ่งร้อยชิ้นเท่านั้น โดยหลักๆ ยังคงต้องอาศัยบ๊ะจ่างธรรมดาทั่วไปทำขาย
ภูตโสมไม่รู้ว่าน้ำผ่านจิตมีจำนวนเท่าใด ในความนึกคิดเขา ของที่ดีเยี่ยมเพียงนี้ ต้องลดน้อยลงไปทีละนิดทุกครั้งที่กินเป็นแน่
สติปัญญาของเขาตามจริงก็แค่เด็กประมาณห้าหกขวบเท่านั้น บ๊ะจ่างขนาดใหญ่จำนวนสามชิ้น ก็ไม่รู้สึกว่าน้อยนิดแต่อย่างใด
ยิ่งไปกว่านั้น ซ่งอิงรับปากไว้อีกด้วยว่า ทุกวันจะรดน้ำผ่านจิตให้เขาหนึ่งกาน้ำชา
“สิ่งนี้ขายได้ราคาเท่าไหร่หรือ” ภูตโสมกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“วันนี้ตอนเข้าไปในอำเภอข้าลองถามมาบ้างแล้ว บ๊ะจ่างอย่างประเภทธรรมดาหนึ่งชิ้นสองอีแปะ บ๊ะจ่างไส้เนื้อสัตว์สามอีแปะ ราคาของพวกเราจะแตกต่างจากของคนอื่นมากเกินไปไม่ได้ นอกเสียจากบ๊ะจ่างชั้นยอดเยี่ยม ราคากำหนดอยู่ที่ไม่เกินเจ็ดอีแปะ” ซ่งอิงกล่าว
ภูตโสมไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับเงินทองเท่าใดนัก
จนกระทั่งคำพูดดังกล่าวนี้นางเอาไปพูดคุยกับหร่วนซื่อ หร่วนซื่อก็แสดงออกอย่างเห็นดีเห็นงามด้วย
“ยาโถว บ๊ะจ่างนี้ดูดีทีเดียว จะต้องขายดีกว่าคนอื่นหน่อยเป็นแน่ กำไรน้อยหน่อยแต่ได้ปริมาณมาก พรุ่งนี้ให้พี่ชายเจ้า…” หร่วนซื่อพูดจบ เสียงชะงักงันไป “พรุ่งนี้ให้พ่อเจ้าไปขายเป็นเพื่อนเจ้าแล้วกัน”
ซ่งสวินยังไม่ได้แต่งงาน อย่างไรเสียก็ต้องหลีกเลี่ยงเอาไว้หน่อย เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นขี้ปากผู้คนพูดจาเหลวไหล
“บ๊ะจ่างชุดนี้จำนวนไม่มาก ข้าไปขายเองได้เจ้าค่ะ ไว้คราวหน้าค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน” ซ่งอิงกล่าวทันควัน
หร่วนซื่อช่วยนางคำนวณแล้ว ก็แค่ประมาณสามร้อยชิ้นเท่านั้น ไม่ถึงขั้นต้องใช้คนสองคน
“เช่นนั้นก็ได้ ทว่ายามขากลับต้องรอกลับพร้อมพ่อเจ้า เจ้าหญิงสาวตัวคนเดียวพาเด็กเล็กคนหนึ่งไปด้วยและพกเงินไว้อีก เกิดมีหัวขโมยหมายตาปองร้ายจะทำอย่างไร” หร่วนซื่อกล่าวขึ้นอีกครั้ง
อำเภอหลี่สงบสุขดี แต่นั่นคือในตัวเมือง ส่วนนอกตัวเมืองก็ไม่แน่
ตอนที่ 68 ทำให้คนสุขใจ
ซ่งอิงขานรับเงื่อนไขของหร่วนซื่ออย่างว่าง่าย เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นก็นำหม้อนึ่งถ่านไฟ และบ๊ะจ่างเข้าอำเภอไป
หม้อนึ่งถ่านไฟสะดวกสบายดีเหมือนกัน เพียงแค่ต้องนำถ่านไฟติดไปด้วยในปริมาณที่เพียงพอก็เป็นอันใช้ได้ ซ่งอิงเช่าเกวียนเทียมวัวคันไม่ใหญ่มากนัก นางไม่สะดวกนำถ่านไฟไปจากบ้าน แต่ก็ดีที่ตลาดในอำเภอนั่นมีทุกสิ่งอย่าง ขาดเหลืออะไร ถึงเวลาค่อยไปซื้อก็ย่อมได้
เมื่อวานออกจากบ้าน โสมน้อยยังคงฝังตัวอาบแดดในลานบ้าน ส่วนวันนี้ถูกซ่งอิงจูงมือติดสอยห้อยตามมาด้วย
ภูตผีปีศาจชราตนหนึ่งที่มีชีวิตมาแล้วเป็นพันปี ครั้นเข้าเมืองก็วางท่าใสซื่อน่าเอ็นดู ใบหน้าเต็มไปด้วยความขลาดกลัวเล็กน้อย ส่งผลให้ซ่งอิงหัวเราะแทบแย่
“นั่นคืออันใดหรือ ท่านแม่ ข้ากินได้หรือไม่” หลังเช่าแผงขายเสร็จเรียบร้อย ภูตโสมชี้นิ้วไปทางแผงขายถังหูลู่ด้านนั้น ดวงตากลมโตแทบจะทะลักร่วงลงมา
“สายตาเจ้าใช้การได้ดีเหมือนกันนี่ แวบเดียวก็มองออกว่าของสิ่งนั้นคือของอร่อย” ซ่งอิงเม้มปาก นางข้ามภพมานานเพียงนี้แล้ว ยังไม่เคยได้ลิ้มชิมรสถังหูลู่ของยุคโบราณเลย!
“อร่อยหรือ” นัยน์ตาภูตโสมพลันสว่างสดใส “ท่านแม่…ข้าอยากกิน”
หลังเลี้ยงดูเขามาระยะหนึ่ง ซ่งอิงได้ยินเพียงประโยคนี้บ่อยครั้งที่สุด
“ได้สิ ทว่าต้องทำงานก่อน เห็นบ๊ะจ่างนี้หรือไม่ เจ้าตั้งใจขาย ขายหมดแล้ว ข้าจะให้เงินค่าแรงเจ้าสิบอีแปะ ซื้อถังหูลู่ได้ตั้งสิบไม้เชียวละ!” ซ่งอิงยกยิ้มมุมปาก
ลงจากเขามาตั้งเนิ่นนานเพียงนี้ ภูตโสมเป็นอันสัมผัสได้ถึงความสำคัญของเงินก็ในยามนี้เอง
คนชั่วร้ายผู้นี้ พูดอะไรก็เป็นเงินไปหมด หญ้าที่ลานหลังบ้านหากใช้หาเงินได้ บ๊ะจ่างก็ต้องทำเงินได้เช่นกัน…
ภูตโสมมุ่นคิ้ว มองคนที่เดินผ่านไปผ่านมา…
หลังคนเหล่านี้หยิบสิ่งของ ล้วนยื่นแผ่นกลมๆ ที่ทำจากทองแดงออกมาให้ ดูท่า หากอยากกินของอร่อยๆ ไม่มีเงินก็คงไม่ได้สินะ
คาดหวังให้คนใจร้ายผู้นี้ซื้อของให้เขากิน? ไม่แน่ว่าเขาจะถูกดึงรากฝอยจนเกลี้ยงเอาได้!
ดังนั้นเขาต้องไขว่คว้ามาด้วยตัวเอง!
“ตกลง! ขายอย่างไรล่ะ” ภูตโสมปั้นหน้าใสซื่อ
โสมน้อยนี้รูปลักษณ์ดูดีจริงๆ ดวงหน้าขาวอมชมพูจ้ำม่ำ ดวงตากลมโตสดใส นัยน์ตาดำขลับ ใจกลางศีรษะขมวดมวยผมก้อนเล็กๆ เอาไว้ มองดูแล้วไม่ต่างจากตุ๊กตาเด็กตามภาพวาดเลยสักนิด
“เจ้ายืนหน้าร้านนี้คอยดึงดูดลูกค้าก็พอ หากมีคนมา พูดประโยคน่าฟังสักหน่อย ให้ลูกค้าสุขใจก็เป็นอันใช้ได้” ซ่งอิงกล่าว
ภูตโสมเม้มปาก
เพียงแค่ทำให้พวกมนุษย์สุขใจ?
นั่นง่ายดายเสียยิ่งอะไรดี!
โสมน้อยยืนอยู่หน้าแผงขายของ มองซ้ายมองขวา เริ่มเลียนแบบท่าทางของมนุษย์
ซ่งอิงก็ไม่ได้ว่างงานเช่นกัน ไม่กลัวว่าจะอับอายขายหน้า เริ่มเอ่ยปากส่งเสียงตะโกน “บ๊ะจ่างทองคำเจ้าค่า! เหลืองทองอร่ามกำลังดี! บ๊ะจ่างหอมยั่วยวนใจไปไกลถึงสิบลี้! เร่เข้ามาซื้อบ๊ะจ่างกันเร็วเจ้าค่า บ๊ะจ่างทองคำมีจำนวนจำกัด! ขายหมดแล้วหมดเลยเจ้าค่า!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ซ่งอิงมองดู ปรากฏว่าดึงดูดผู้คนหันมาเหลียวมองได้เพียงสองสามคนเท่านั้น
ดึงดูดไม่ได้เท่าใดเลย
“เจ้าทำอันใดน่ะ” ซ่งอิงตื่นตกใจเมื่อมองไปทางด้านโสมน้อย
เห็นเพียงโสมน้อยแย้มยิ้มหน้าบานแทบกลายเป็นบุปผาหนึ่งดอก ในมือถือดอกกล้วยไม้ ดูสะอิดสะเอียนจนนางแทบอาเจียนข้าวมื้อของเมื่อวานออกมา!
“ทำให้คนสุขใจอย่างไรละ! ท่านแม่ ท่านดูสิ ท่านดูสิ คนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครายิ้มอย่างสุขใจสุดๆ ปากถึงกับหุบไม่ลงเลย ดังนั้นข้าจึงเลียนแบบคนที่อยู่ข้างเขาผู้นั้น…” ภูตโสมกล่าวทันควัน
ดวงหน้าน้อยๆ มีสีหน้าออดอ้อน
ซ่งอิงหันมองไป เกือบสำลักน้ำลายพ่นออกมา
เห็นเพียงบุรุษร่างกำยำผู้หนึ่ง ห่างออกไปประมาณห้าหกเมตร ข้างกายเขามีหญิงสาวช่างฉอเลาะนางหนึ่ง หญิงช่างฉอเลาะผู้นั้นทำตาเล็กตาน้อยใส่ บุรุษคลี่ยิ้มกว้างอย่างสุขใจ ขาแข้งแทบอ่อนปวกเปียกไปหมดแล้วก็ว่าได้
สิ่งดีๆ ไม่เลียนแบบ เลียนแบบสิ่งไม่ดีเสียได้…
“นั่นเป็นผู้หญิง ตอนนี้เจ้าเป็นเด็กคนหนึ่ง พูดคำมงคลก็พอแล้ว” ซ่งอิงรีบเอ่ยปากบอกกล่าว
ตอนนี้ภูตโสมอยู่ในนามบุตรชายของนาง เกิดสิ่งที่ให้ความสนใจเปลี่ยนไปแปลกพิลึกพิลั่น คนที่ขายหน้าก็คือนาง!
“คำพูดมงคลคืออันใดหรือ” ภูตโสมเผยสีหน้าอย่างผู้ไม่รู้
ซ่งอิงครุ่นคิดชั่วครู่ “หากมีคนมาซื้อบ๊ะจ่าง เจ้าก็ยิ้มให้คนเขา อวยพรเขาให้ได้โชคได้ลาภ ทำเรื่องอันใดก็ขอให้ราบรื่นสมปรารถนา แค่นี้ก็เป็นอันใช้ได้แล้ว จะทำเช่นเมื่อครู่นั้นมิได้โดยเด็ดขาด นั่นจะทำให้คนเขาตกอกตกใจจนเผ่นแน่บเอาได้”
[1] พลังหลิงชี่ (灵气) พลังงานจิตวิญญาณอันฉลาดเฉียบแหลมและสมบูรณ์แบบ