ตอนที่ 63 ไม่ต้องการทำงาน
เมื่อหญิงแก่ปากมากผู้นี้เอ่ยพูด อารมณ์เดือดดาลของหร่วนซื่อก็ผุดขึ้นมาทันใด
ที่ผ่านมานางรู้จักแต่ร้องไห้ ครั้นเอ่ยปากก็ไม่เราะรายมากพอ บัดนี้ถูกกระตุกต่อมเข้าหน่อย ก็สะอื้นไห้พลางกล่าว “พูดจาเหลวไหลอันใดน่ะ! ล้วนเป็นพวกเจ้าคนเหล่านี้พูดกันเรื่อยเปื่อย ข้าเลี้ยงดูลูกสาวข้าจนเติบใหญ่อย่างสะอาดบริสุทธิ์ นางกับลูกสวินต่อให้มิใช่พี่น้องร่วมสายเลือด แต่ก็ยังถือว่าเป็นบรรพบุรุษเดียวกัน จะเป็นลูกสะใภ้ข้าได้อย่างไร ลูกชายครอบครัวพวกเจ้าแต่งลูกสาวเป็นเมียหรือไม่ล่ะ!”
“ไยจึงโกรธเกรี้ยวเสียแล้วล่ะ…ก็แค่ถามไถ่ดูเท่านั้นเอง…” คนที่มารู้สึกตระหนกตกใจเช่นกัน
หร่วนซื่อฉุก นึกถึงคำบอกกล่าวที่ซ่งอิงทิ้งไว้ อดกลั้นความปวดใจ สงบสติอารมณ์ แล้วกล่าว “ลูกสาวข้าห่างบ้านไปสองปีมิใช่หรือ ตอนแรกมารดาแท้ๆ ของนางจัดการเรื่องงานแต่งไว้ให้นาง ต่อมาภายหลังอาอิงใบหน้าเสียโฉม ไม่อยากให้ฮั่วหรงเขามัวเสียเวลา นี่ถึงได้กลับมาชนบท ไม่กี่วันก่อนเพิ่งรู้ว่า แท้จริงแล้วฮั่วหรงก็เป็นผู้ที่ออกไปจากหมู่บ้านเราเช่นกัน หนำซ้ำยังเสียชีวิตแล้ว อาอิงเป็นคนยึดมั่นรักเดียวใจเดียว ดังนั้นจึงยินดีปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ว่าจะแต่งงานกัน!”
หร่วนซื่อพูดเช่นนี้ แม้มีคนคิดว่าเรื่องราวช่างประจวบเหมาะเกินไปหน่อย ทว่าซ่งอิงก็ออกเรือนแล้ว จึงทำได้เพียงเชยชมซ่งอิงที่มีความยึดมั่นรักเดียวใจเดียวเท่านั้นเป็นธรรมดา
เดิมที มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเคลือบแคลงว่าซ่งอิงไม่บริสุทธิ์แล้วเมื่ออยู่ภายนอก บัดนี้…
แน่นอนว่าไม่คิดอะไรมากแล้ว ในเมื่อใครบ้างอยากอยู่เป็นม่าย แทนที่จะได้ชีวิตสุขสบาย?
แน่นอนละว่า ต่อให้ฮั่วหรงชื่อเสียงดีงาม แต่เรื่องที่ว่าตระกูลซ่งยกซ่งอิงแต่งงานกับคนตายนี้ก็เป็นความจริง
คนภายนอกรู้เช่นกันว่าตระกูลซ่งมีซ่งเหล่าเกินเป็นผู้ตัดสินใจมาแต่ไหนแต่ไร หากซ่งเหล่าเกินไม่ยินยอม ซ่งจินซานคงไม่กล้าตัดสินใจทำเช่นนี้เป็นแน่ ดังนั้นซ่งเหล่าเกินจึงค่อนข้างปั้นหน้าลำบาก และลึกๆ แล้วมีคนคิดเช่นกันว่าผู้เฒ่าคนนี้ใจร้ายใจดำ
ยามนี้ ซ่งอิงรู้สึกผ่อนคลายสบายใจมาก
บ้านใหม่แม้ทรุดโทรม แต่เมื่อเทียบกับบ้านสองตระกูลซ่งนับว่ากว้างขวางกว่ามาก
ห้องโถงกลางขนาบสองด้านข้างละหนึ่งห้อง ลานบ้านตะวันออกแบ่งเป็นสามห้อง รวมห้องครัวหนึ่งห้อง นอกจากห้องครัว บริเวณอื่นล้วนยังไม่ได้ซ่อมแซมให้แล้วเสร็จ คนจึงเข้าอยู่อาศัยไม่ได้
ลานทิศตะวันตกเป็นโรงเรือนเลี้ยงสัตว์หลังทรุดโทรม ลานหน้าบ้านมีบ่อน้ำบาดาล ขจัดวัชพืชป่าเกลี้ยงเกลาแล้ว แต่เพราะระยะเวลากระชั้นชิด ดังนั้นลานหลังบ้านจึงไม่ได้เก็บกวาด
ด้านหลังกำแพงลานหลังบ้านนี้เป็นหนองน้ำตื้นแห่งหนึ่ง เมื่อรวงข้าวสาลีในแปลงนาสุกแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงเป็ดกินรวงข้าวสาลี ก็นำพวกมันมาปล่อยไว้ในหนองน้ำนี้ได้ ในสระน้ำนี้มีแหนลอยอยู่จำนวนไม่น้อย แม้น้ำตื้น แต่ใต้น้ำน่าจะมีพืชพันธุ์และสิ่งมีชีวิตไม่น้อยเช่นกัน เพียงพอสำหรับเป็ดกิน ช่วยลดภาระการนึกคิดของนางไปได้มากทีเดียว
เพียงแต่ลานหลังบ้านทางด้านนี้ ช่างน่าอนาถจนขัดตาจริงๆ
ตอนนี้อากาศอบอุ่นแล้ว หญ้าป่าก็เริ่มฟื้นคืนชีพด้วยตัวเองตามพื้นดินอย่างบ้าคลั่ง ในลานบ้านนางหลังนี้ มีหญ้าแพรกเจริญงอกงามขึ้นมาจำนวนมาก ซึ่งรากเหง้าของวัชพืชประเภทนี้ขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว และยากแก่การขจัดให้สิ้นซากอย่างยิ่ง…
“รอเดี๋ยว! หญ้าแพรก…” สมองซ่งอิงพลันฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ “โสมน้อย! ตามข้าไปถอนหญ้า!”
ภูตโสมที่กำลังรู้สึกไม่ชอบอะไรเหล่านี้ เตรียมหาพื้นที่อุดมสมบูรณ์ในเรือนสักบริเวณให้ตัวเองอยู่พอดีเชียว ครั้นได้ยินคำพูดนี้ของซ่งอิง เกือบดึงรากฝอยของตนเกลี้ยงเสียแล้ว
“ข้าเป็นถึงภูตที่ชาญฉลาด เจ้าจะให้ข้าถอนหญ้านี่หรือ!” ภูตโสมไม่ยินยอม
“จากนี้เจ้ายังอยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับข้าหรือไม่ หากไม่ทำตัวให้ดีละก็ เจ้าก็ไปเสียเถอะ ข้าจะได้ไปจุดไฟเผาเขาเดี๋ยวนี้เลย” ซ่งอิงกล่าวหน้าตาเฉย “ถอนหญ้าแพรกในลานหลังบ้านหมดเกลี้ยงแล้ว จากนั้นเราช่วยกันนำหญ้านี้ล้างน้ำให้สะอาดแล้วตากแดดเอาไว้ ของเหล่านี้ล้วนขายแลกเงินมาได้ทั้งนั้น”
ภพชาติก่อนนางเป็นหญิงสาวที่มีความกระตือรือร้นและทะเยอทะยานอย่างยิ่ง เคยอ่านหนังสือเบ็ดเตล็ดผ่านตาจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
อาศัยเท่าที่จดจำได้ หญ้าแพรกเหล่านี้แม้เป็นวัชพืชที่ทำความเสียหายแก่สภาพแวดล้อม แต่…ตามจริงก็มีบางส่วนที่ใช้การได้
ไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยงในครัวเรือนชอบกิน แต่ยังทำเป็นตัวยาได้ด้วย
เพียงแต่เจ้าสิ่งนี้หยั่งรากเหนียวแน่นมาก ไม่ง่ายต่อการกำจัด ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วน้อยคนจะถอนมัน ทว่าตอนนี้ถึงอย่างไรนางก็ต้องทำความสะอาดในลานบ้าน สามารถหาเงินได้นิดหน่อย เก็บเล็กผสมน้อยเดี๋ยวก็มากขึ้นเอง
“เจ้าสิ่งนี้มิใช่ประเภทเดียวกับข้าเสียหน่อย พวกมันจะมีราคาได้อย่างไร เจ้าขายพวกมันไม่สู้ขายข้ายังดีเสียกว่า ข้าไปแช่น้ำสักหน่อย น้ำที่ออกมาหลังอาบก็เป็นน้ำแกงโสมแล้ว…” ใบหน้าโสมน้อยเต็มไปด้วยคำปฏิเสธ
เขาไม่ทำงานหรอก! เหนื่อยจะตายชัก! เขาต้องการหยั่งรากลงดินและอาบแดด!
ตอนที่ 64 เหล่าต้า
โสมน้อยเพียงแค่พูดเรื่อยเปื่อย แววตาซ่งอิงกลับลุกวาวขึ้นมา มุมปากคลี่ยิ้ม เผยแนวฟันเล็กๆ ขาวกระจ่าง ผนวกเข้ากับดวงหน้าที่เสียโฉมนั้น ให้ความรู้สึกน่าหวาดกลัวเล็กน้อย
“น้ำแกงโสม…เยี่ยมไปเลย เยี่ยมไปเลย” ซ่งอิงพยักหน้า เผยท่าทีเอาจริงเอาจัง “พอเจ้าเอ่ยพูดเช่นนี้กลายเป็นเตือนให้ข้าฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เดินมุ่งไปทิศตะวันตกนอกหมู่บ้านเรา ก็มีแม่น้ำใหญ่หนึ่งสาย แม่น้ำนั้นเชื่อมการขนส่งทิศใต้จรดเหนือ ทุกวันจะมีคนทำงานอยู่ที่ท่าเรือ ภายภาคหน้าเจ้ากับข้าไปเปิดร้านค้าด้วยกันสักร้าน ตุ๋นน้ำแกงไก่โสมทุกวัน ต้องรสชาติอร่อยเป็นแน่ แล้วยังขายได้ราคาดีอีกด้วย…”
นางพูดจบ ยิ้มตาหยีมองโสมน้อย ซึ่งมองดูแล้วก็ไม่ต่างจากเสือหน้ายิ้ม[1]ตัวหนึ่ง
ภูตโสมตกใจกลัวจนตัวสั่นเทา
หากเขาต้องอาบน้ำทุกวันละก็ ผิวจะไม่ถูกน้ำจนถลอกปอกเปิกหมดเลยหรือ“เช่นนั้นข้าถอนหญ้าก็ได้! เจ้าคนชั่วร้าย เราตกลงกันไว้แล้วนี่ เจ้าจะหมายหัวข้ามิได้เชียวนะ!” ภูตโสมรีบย้ำเตือนขึ้นมาทันควัน
ซ่งอิงหัวเราะหยัน “คนชั่วร้าย? ตามฐานะในสำมะโนครัว เจ้าต้องเรียกขานข้าว่าท่านแม่ต่างหากล่ะ ภูตอย่างพวกเจ้าที่บำเพ็ญเพียรฝึกฝนจนกลายเป็นคน จะวาดหวังเพียงรูปลักษณ์ภายนอก แต่ไม่ขัดเกลาจิตใจก็คงมิได้กระมัง”
โสมน้อยปั้นหน้ามุ่ย ลังเลใจเล็กน้อย
ก็เหมือนอย่างที่คนชั่วร้ายกล่าว ภูตอย่างพวกเขาบำเพ็ญเพียรฝึกฝนเพื่อจุดมุ่งหมายอะไรล่ะ
เพื่อกลายเป็นเซียน?
นั่นเป็นเรื่องของความใฝ่ฝันท้ายสุดที่แม้แต่จะคิดยังไม่กล้าคิดด้วยซ้ำไป
ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่สุดที่แท้จริง ยังคงเป็นการที่เดินเตร็ดเตร่ไปตามสถานที่ของมนุษย์พวกนี้ได้เป็นครั้งคราว และเรียนรู้ความสามารถของมนุษย์ต่างหากล่ะ
ครั้งที่ท่านปู่มีชีวิตบนโลกก็เอ่ยไว้แล้วว่า ภูตอย่างมัน จะเอาแต่อาบแดดรวมไปถึงดูดซับแสงจันทร์ทรงกลดเพียงอย่างเดียวเท่านั้นไม่ได้ แต่ยังต้องดูดซับไอมนุษย์ด้วย เช่นนี้จึงจะตระหนักรู้และเกิดหลิงถายขึ้นมาได้ กล่าวโดยง่ายก็คือ จะได้มีไหวพริบชาญฉลาดขึ้นมานั่นเอง
ภูตต้นไม้เก่าแก่พันธ์ปีปู่ของมัน ทุกวันจะมีนกนานาชนิดจำนวนนับไม่ถ้วนมาเกาะบนกิ่งของเขา ดังนั้นสิ่งที่เขารู้จึงมากโข!
“ท่านแม่…” โสมน้อยกลั้นใจ เอ่ยเรียกขานด้วยน้ำเสียงอึดอัดใจ
“เด็กดี” ซ่งอิงยกยิ้มมุมปาก “คำเรียกขานนี้หลักๆ ไว้เรียกให้คนภายนอกฟัง ยามอยู่ในบ้านเราเอง หากเจ้าไม่เต็มใจเรียก ก็เรียกข้าว่า…ว่าเหล่าต้า[2]แล้วกัน”
ด้วยวัยที่ห่างกันมาก จะเรียกพี่สาวใหญ่ก็คงไม่ดีนัก
หลังกล่าวออกไปเช่นนี้ นัยน์ตาโสมน้อยพลันสว่างสดใส “เหล่าต้า! หญ้าแพรกของท่านนี่มีประโยชน์อันใดหรือ บนทางลาดชันตอนลงเขามีตั้งเยอะแยะเชียว!”
“เอาไปขายทำเงินได้ ทว่าก็ไม่กี่อีแปะหรอก” ซ่งอิงกล่าว “ข้าตั้งใจว่าจะเก็บกวาดลานหลังบ้าน แล้วย้ายต้นผลไม้มาปลูกสักสามสี่ต้น ทำเลบริเวณลานหลังบ้านนี้ค่อนข้างดี คนรอบข้างก็มองไม่เห็น หากเจ้าอยากอาบแดด ก็ขุดลงไปแถวๆ ลานหลังบ้านนี้ ลานหน้าบ้านมิได้เป็นอันขาด ผู้คนมากมายสายตาสอดส่องกันให้ทั่ว เกิดเห็นเข้า ได้ดึงรากฝอยบนตัวเจ้าจนเกลี้ยงเกลาแน่”
ภูตโสมได้ยินดังกล่าว ดวงตาที่ทอประกายพร่างพราวก็จับจ้องลงบนบริเวณลานหลังบ้านแห่งนี้
ลานหลังบ้านนี้ค่อนข้างกว้างขวางทีเดียว เพราะใกล้หนองน้ำตื้น ดังนั้นพื้นที่ว่างที่หลงเหลือล้วนถูกล้อมรอบเอาไว้แล้ว และมีพื้นที่อย่างน้อยหนึ่งหมู่เห็นจะได้
เอ่ยปากว่าจะทำก็ลงมือทำกันทันที ซ่งอิงนำภูตโสม หยิบเคียวขึ้นมา
หญ้าแพรกนี้เหง้ารากแพร่กระจายไปทั่ว จึงไม่ง่ายต่อการกำจัดเช่นกัน ภูตโสมทำงานเป็นครั้งแรก วนเวียนอยู่ในลานหลังบ้านหลายต่อหลายรอบ หลังลงแรงมาตลอดทั้งวัน ทั้งเนื้อตัวก็เต็มไปด้วยดินโคลน
หลักๆ แล้วมันกำลังเล่นสนุกเสียมากกว่า ที่ทำเป็นการเป็นงานจริงจังยังคงเป็นตัวซ่งอิงเอง
ทว่าด้วยรูปลักษณ์ของภูตโสมอย่างเด็กน้อยคนหนึ่ง ซ่งอิงก็ไม่อยากกดขี่เขาเกินไปเช่นกัน
……
หญ้าแพรกนี้เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่หมู่บ้านซิ่งฮวาใกล้ขุนเขาซิ่ง บนเขามีหญ้าป่าผักป่านานาชนิดที่หมูกับแกะกินได้ หญ้าแพรกที่ยากแก่การกำจัดประเภทนี้จึงไม่ค่อยได้รับความนิยมชมชอบ จะมีก็แต่ช่วงหน้าแล้ง มันจึงจะเป็นที่ต้องการ
แต่โดยทั่วไปแล้ว ผู้คนคิดไม่ถึงว่ามันจะนำมาทำเป็นวัตถุดิบยาได้
แม้จะยุ่งยากมากเหลือเกิน
แต่ซ่งอิงกลับถือเสียว่าเป็นผลพลอยได้
นางมีพละกำลังเหลือล้น หลังนำสิ่งเหล่านี้ล้างจนสะอาดเอี่ยม ก็วางตากแดดเอาไว้ในลานบ้าน
จะอาศัยหญ้าแพรกนี้หารายได้เยอะๆ คงเป็นไปไม่ได้ บัดนี้นางย้ายออกมาแล้ว จำเป็นต้องคิดหาช่องทางเพื่อภายภาคหน้าให้มากๆ หน่อย
[1] เสือหน้ายิ้ม (笑面虎) หมายถึง คนที่ภายนอกดูใจดี แต่ความจริงแล้วเป็นคนที่มีจิตใจโหดร้าย
[2] เหล่าต้า (老大) คำเรียกขาน หมายถึง พี่ใหญ่ หรือ หัวหน้า