ตอนที่ 73 เจรจาราคา 2
ครั้นซ่งอิงพูดจบ แววตาหัวหน้าจ้าวเปลี่ยนไปเล็กน้อย
บ๊ะจ่างตามท้องตลาด ส่วนมากก็คือไส้พุทราน้ำผึ้งกับไส้เนื้อหมู ราคาถูก เพียงสองสามอีแปะเท่านั้น แพงกว่านี้ไม่มีแล้ว แม่นางซ่งอิงผู้นี้ช่างใจกล้าดีจริงๆ ตั้งราคาไว้สูงเช่นนี้
“แม่นาง ไม่ทราบว่าบ๊ะจ่างรสชาติอื่น ก็เป็นสีสันเช่นเดียวกันนี้หรือ” หัวหน้าจ้าวครุ่นคิดแล้วกล่าว
“แน่นอนเจ้าค่ะ” ส่งอิงพยักหน้า
“ทว่าเจ้าก็บอกแล้วเช่นกันว่านั่นคือราคาขายปลีก…พวกเรารับในราคาขายส่ง หนึ่งร้อยชิ้นถือเป็นหนึ่งชุด เช่นนี้ควรจะคิดราคาอย่างไรหรือ” หัวหน้าจ้าวเชื้อเชิญซ่งอิงนั่งลง ให้คนรินน้ำชาให้ถ้วยหนึ่ง
ซ่งอิงไตร่ตรองชั่วครู่ “ไส้ถั่วแดงพุทราน้ำผึ้งชุดละหนึ่งร้อยห้าสิบอีแปะ บ๊ะจ่างไส้ถั่วแดงชุดละสามร้อยอีแปะ บ๊ะจ่างไส้เนื้อหมูชุดละห้าร้อยอีแปะ บ๊ะจ่างทองคำน้ำผึ้งสิ้นค้าชั้นยอดเยี่ยมปริมาณน้อยหน่อย เอาเป็นว่า ข้าขอส่วนแบ่งครึ่งหนึ่ง ไม่ว่าภัตตาคารเย่ว์เฟิงจะขายมันราคาเท่าไหร่ก็ตามเจ้าค่ะ”
หากนางขายเอง อยากขายในราคาที่สูง นอกจากต้องเปลืองความนึกคิดแล้วยังไม่ง่ายอีกด้วย แต่หากให้ภัตตาคารแห่งนี้ขายก็จะแตกต่างออกไป
ภัตตาคารเย่ว์เฟิงแห่งนี้ก็คงไม่โง่เขาถึงขั้นขายบ๊ะจ่างที่หาได้ยากเช่นนี้ในราคาถูกเป็นแน่
หัวหน้าจ้าวมองนางอย่างประหลาดใจแวบหนึ่ง
“แม่นางต้องการส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งหรือ” หัวหน้าจ้าวอดยิ้มเล็กน้อยไม่ได้ “แม่นางฉลาดมาก บ๊ะจ่างนี้หากอยู่ในมือเจ้า นอกจากจะเปลืองแรงเปลืองความคิดแล้วอย่างมากก็ขายได้ราคาเพียงแค่ชิ้นละสามสิบถึงห้าสิบอีแปะ แต่เมื่อขายโดยอาศัยชื่อเสียงของภัตตาคารเย่ว์เฟิงพวกเรา ต่อให้ตั้งราคาหนึ่งตำลึงเงินก็มีคนกล้าซื้ออยู่ดี”
“แต่ผู้ดูแลภัตตาคารของพวกท่านก็คงไม่ขายในราคาที่แพงเพียงนี้หรอกระมังเจ้าคะ” ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อยอย่างมั่นอกมั่นใจ “แม้ปริมาณน้อย แต่ภัตตาคารเย่ว์เฟิงของพวกท่านเป็นที่ล่ำลือในแง่ดีงามยิ่งนัก ดังนั้นตามการคาดเดาของข้า บ๊ะจ่างนี้อยู่ในมือพวกท่านขายได้ราคามากสุดก็น่าจะสองร้อยอีแปะต่อชิ้น”
หัวหน้าจ้าวตะลึงงันขึ้นมาอีกครั้ง
แม่นางผู้นี้ช่างชาญฉลาดจริงๆ
ภัตตาคารเย่ว์เฟิงเป็นที่ล่ำลืออย่างดีงาม ผนวกกับของที่หายากและปริมาณขาดตลาดก็จะยินดีซื้อ และเป็นความจริงที่ว่ารสชาติของบ๊ะจ่างนี้ต่อให้อร่อยล้ำไร้เทียมทาน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นแค่บ๊ะจ่างเท่านั้น
“ไม่ทราบว่าทุกวันแม่นางจะทำบ๊ะจ่างมาส่งได้ขั้นต่ำกี่ชุดหรือ เจ้าเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรไว้หน่อยถึงจะใช้ได้” เมื่อผู้ดูแลเจ้าเอ่ยพูดเช่นนี้ ก็เท่ากับเรื่องราวนี้เป็นอันกำหนดลงเรียบร้อย “ตามช่วงเวลาในตอนนี้ พวกเราจะขายบ๊ะจ่างมากสุดก็อีกประมาณหนึ่งเดือน ครึ่งเดือนของเทศกาลโคมไฟระยะหลังจากนี้ ความต้องการสูงที่สุด ไม่ทราบว่าแม่นางจะทำมาให้ได้จำนวนเท่าใด”
เมื่อมีบ๊ะจ่างทองคำนี้ ก็จะไม่รับบ๊ะจ่างเจ้าอื่นๆ เพิ่มแล้ว
แน่นอนว่า แต่ไหนแต่ไรมาภัตตาคารเย่ว์เฟิงของพวกเขาทำเรื่องใดไม่เคยทำอย่างเลอะเทอะส่งเดช บ๊ะจ่างที่ตอบรับไว้ก่อนหน้าก็จะไม่ปฏิเสธคืนคำ และดีที่เพราะบ๊ะจ่างของคนอื่นล้วนค่อนข้างธรรมดา ดังนั้นจึงกำหนดสั่งเป็นชุดๆ ไป ซึ่งสั่งไว้เพียงแค่ไม่กี่วัน ไม่ถือว่าเสียหายอันใด
ซ่งอิงพินิจพิจารณาชั่วครู่
ระดับความเร็วในการห่อบ๊ะจ่างของหร่วนชื่อมารดานางรวดเร็วดีทีเดียว ทั้งยังห่อได้อย่างประณีต ระดับความเร็วต่อหนึ่งวันน่าจะประมาณเจ็ดแปดร้อยชิ้น งานที่สร้างรายได้ จะให้คนอื่นของตระกูลซ่งมาทำด้วยก็ได้เช่นกัน ซึ่งลูกสะใภ้คนอื่นๆ ของทั้งสามบ้านก็เป็นพวกเห็นแก่ผลประโยชน์กันทั้งนั้น หม่าซื่อแม่เฒ่าชรายิ่งแล้วใหญ่
ในหมู่บ้าน มีคนที่มีความสัมพันธ์ดีงามกับหร่วนซื่อเช่นกัน ทั้งยังจริงใจ จะเชิญมาร่วมทำงานด้วยก็ยอมได้
“บ๊ะจ่างของวันพรุ่งนี้กำหนดปริมาณเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ บ๊ะจ่างธรรมดามีเพียงยี่สิบชุด ซึ่งก็แค่สองพันชิ้นเท่านั้น วันมะรืนเป็นต้นไป ทำให้ได้ทุกวัน วันละห้าสิบชุด เพียงแต่ไม่รู้ว่าหัวหน้าจ้าวจะรับเอาไว้ได้หรือไม่ หากไม่ได้ ก็ลดปริมาณลงได้เช่นกันเจ้าค่ะ” ซ่งอิงยิ้มกล่าว
แต่เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา หัวหน้าจ้าวก็หัวเราะยกใหญ่
“แม่นางคงไม่รู้สินะ ภัตตาคารเย่ว์เฟิงในแถบเมืองยงมีทั้งสิ้นเจ็ดร้าน อย่าว่าแต่ห้าสิบชุดเลย ต่อให้หนึ่งร้อยชุดภัตตาคารเย่ว์เฟิงพวกเราก็หาวิธีขายหมดจนได้!” หัวหน้าจ้าวพูดอย่างมั่นใจ
ไม่พูดถึงอย่างอื่น กล่าวถึงเพียงแค่อำเภอหลี่เท่านั้น
ในอำเภอหลี่ ครอบครัวคนที่มีหน้ามีตาและร่ำรวยหน่อย หลายปีที่ผ่านมามีบ้านไหนบ้างที่ไม่ได้สั่งบ๊ะจ่างจากร้านพวกเขาออกไปกิน
แม้กล่าวได้ว่าครอบครัวคนเหล่านี้จะทำเองก็ย่อมได้ แต่ของที่ภัตตาคารทำออกมา จะมากจะน้อยก็มีความแตกต่างกับที่โรงครัวบ้านตนเองทำ หากปีนี้ใช้บ๊ะจ่างทองคำชั้นยอดนั่นเป็นตัวชูโรง บ๊ะจ่างธรรมดาจะต้องได้รับความนิยมชมชอบยิ่งขึ้นเป็นแน่!
ตอนที่ 74 ฝังกองอาภรณ์พร้อมสิ่งของอื่นๆ แทนศพผู้ตาย
ภัตตาคารเย่ว์เฟิงกล้ารับซื้อ ซ่งอิงก็กล้าทำ
ทันใดนั้น จ้าวหวยจื้อก็หยิบกระดาษพร้อมพู่กันออกมาเพื่อลงนามสัญญากับซ่งอิง
“แม่นางซ่ง ร้านพวกเราจะตรวจสอบก่อนรับสินค้าอย่างเคร่งครัด ดังนั้นคุณภาพบ๊ะจ่างนี้ จะให้เกิดปัญหามิได้โดยเด็ดขาด ไม่ว่าบ๊ะจ่างของเจ้าดีงามเพียงใด แต่เมื่อเกิดปัญหาบกพร่องในสินค้านี้ขึ้นมา พวกเราก็คงไม่ได้ร่วมการค้ากันอีก” หัวหน้าจ้าวกล่าวอย่างจริงจัง
บอกกล่าวคำพูดนี้เอาไว้ล่วงหน้า ก็ดีสำหรับเรื่องราวหลังจากนี้กรณีเกิดปัญหาขึ้นจริง ทั้งสองฝ่ายจะได้ไม่เข้าหน้ากันไม่ติด
“แน่นอนเจ้าค่ะ” ใบหน้าซ่งอิงเต็มไปด้วยความแน่วแน่
“แม่นางซ่งมั่นใจใช่หรือไม่ว่า ผู้อื่นจะทำบ๊ะจ่างทองคำนี้ออกมามิได้” ก่อนจรดปลายพู่กันลงนาม หัวหน้าจ้าวเอ่ยถามขึ้นอีกประโยค
“หัวหน้าจ้าววางใจได้เจ้าค่ะ ต่อให้มีคนคิดค้นวิธีการทำสีสันบ๊ะจ่างเช่นนี้ออกมาได้ แต่ก็ไม่อาจเลียนแบบบ๊ะจ่างชั้นยอดที่มีความพิเศษถึงเพียงนั้นของข้าได้เป็นแน่ มีบ๊ะจ่างนั่นอยู่ บ๊ะจ่างของภัตตาคารเย่ว์เฟิงพวกท่านก็จะเป็นหนึ่งเดียวไม่มีใครเหมือนเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว
เมื่อเอ่ยพูดเช่นนี้ หัวหน้าจ้าวแย้มยิ้มอย่างพึงพอใจ
แน่นอนว่า เขานำบ๊ะจ่างชั้นยอดที่เป็นหนึ่งเดียวไม่มีสองนี้เขียนลงไปในสัญญาด้วยเช่นกัน
บ๊ะจ่างประเภทนี้ ในเมื่อขายเหมาให้ร้านพวกเขาแล้ว เช่นนั้นก็จะขายเองไม่ได้แล้ว
แน่นอนว่าซ่งอิงก็เข้าใจระเบียบปฏิบัติดังกล่าวเช่นกัน
หัวหน้าจ้าวเห็นนางสวมชุดธรรมดาๆ หลังครุ่นคิดชั่วครู่ ก็ให้เงินมัดจำแก่นางสองตำลึงเงิน พรุ่งนี้หลังนำของมาส่ง ตรวจสอบจำนวนเป็นที่เรียบร้อย ค่อยให้เงินส่วนที่เหลือในวันนั้น
ขณะเดินออกจากภัตตาคารเย่ว์เฟิงแห่งนี้ ซ่งอิงยกยิ้มมุมปาก
โสมน้อยในยามนี้อดกลั้นไม่ไหวแล้วเช่นกัน ตลอดช่วงที่ผ่านมาเขาคอยสงบปากสงบคำ ซึ่งถือว่าค่อนข้างรู้ความทีเดียว “ข้าไม่เข้าใจ เจ้าขายได้ตั้งมากมาย แต่ทำไมบ๊ะจ่างของวันนี้จึงให้พวกเขาไปหมดเลยล่ะ!”
“บ๊ะจ่างที่เหลืออยู่ก็ไม่ได้มากมายแล้ว ให้พวกเขาเอาไว้ใช้แจกจ่ายแก่ผู้คนถือเป็นน้ำใจ ทำให้ลูกค้าของวันนี้ได้ลิ้มชิมรส คนที่มาซื้อวันพรุ่งนี้จะต้องมากยิ่งขึ้นเป็นแน่ ภัตตาคารทำเงินได้มาก ข้าจึงจะทำเงินได้มากเช่นกัน” ซ่งอิงคลี่ยิ้ม “ยังอยากกินถังหูลู่อยู่หรือไม่”
“กิน!” ภูตโสมกล่าวอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“รออีกเดี๋ยวแล้วกัน ข้าจะพาเจ้าเข้าภัตตาคารทางประตูหน้าก่อน เราสั่งอาหารซักสองสามอย่าง กินข้าวอย่างเป็นจริงเป็นจังเสียหน่อย” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
นางไม่ได้ตะกละตะกลาม หลักๆ ก็เพราะอยากลองชิมเสียหน่อยว่า สรุปแล้วอาหารของภัตตาคารเย่ว์เฟิงมีความพิเศษมากเพียงใด
ตอนที่เจ้าของร่างอยู่ในจวนโหว ตามจริงไม่เคยได้กินของดีๆ สักเท่าใด
โอกาสสำคัญบางครั้งจึงจะเรียกนางร่วมวง แต่สถานการณ์เช่นนั้น เจ้าของร่างไม่กล้าขยับตะเกียบด้วยซ้ำไป
ส่วนตอนที่กักขังอยู่ในเรือนหลังเล็กของตนเอง จวนโหวก็ตระหนี่ถี่เหนียวมาก อีกทั้งข้ารับใช้ก็รังแกนางเพราะไม่ได้รับความโปรดปราน ดังนั้น…ของที่กินกันก็เลยไม่ตกมาถึงโต๊ะแต่อย่างใด
หลังข้ามภบมา นางกินหมั่นโถว บะหมี่น้ำ และปิ่งจื่อ[1]เกือบทุกวัน จากนั้นก็เป็นบ๊ะจ่างนี่ วันนี้ได้โอกาสทั้งที ต้องของกินดีๆ เสียหน่อย แน่นอนว่าก็ไม่กล้าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเช่นกัน จ่ายเงินไปเพียงหนึ่งร้อยอีแปะสั่งอาหารที่ราคาถูกที่สุด ส่วนเงินที่เหลือ ยังต้องเอาไว้ใช้ซื้อของอีก
…
“ต้าเหริน นั่นคือแม่นางที่ขายผลไม้ป่านี่ขอรับ” ชั้นบน มีคนเอ่ยพูด
ฮั่วเจ้ายวนหันข้างมอง นิ่งอึ้งไปชั่วครู่
แม้ใส่หมวกอยู่ แต่หมวกนั่นบางมาก มองออกว่า ทรงผมที่รวบน่าจะเป็นมวยผมสตรีที่ออกเรือนแล้ว นี่เวลาเพิ่งผ่านไปเท่าใดเอง คิดไม่ถึงว่าจะแต่งงานแล้ว?
ข้างกายยังมีเด็กน้อยอีกคนหนึ่งด้วย…
นั่นน่าจะประมาณเจ็ดแปดขวบเห็นจะได้ หรือว่าแต่งกับชายที่สูญเสียภรรยาไปแล้ว
ฮั่วเจ้ายวนจิบสุรา ไม่ได้คิดอะไรมากมาย “ก่อนหน้านี้มีคนไปหมู่บ้านซิ่งฮวารายงานการตายแล้วหรือยัง”
“ขอรับ เมื่อก่อนต้าเหรินเคยเอ่ยไว้ว่า หากภายภาคหน้าท่านตายแล้ว ก็ตั้งสุสานฝังอาภรณ์พร้อมสิ่งของอื่นๆ ให้แก่ท่านที่หมู่บ้านซิ่งฮวา ก่อนหน้านี้ที่ท่านเกิดเรื่อง แม้แต่ ‘ซากศพ’ ก็ยังถูกหาจนเจอ จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่สงสัยเป็นอื่น ก็เลยให้คนไปบอกกล่าวหัวหน้าหมู่บ้านซิ่งฮวา หัวหน้าหมู่บ้านนั่นยังหลั่งน้ำตาให้ท่านเล็กน้อยด้วยนะขอรับ!” ฮั่วซื่อเซี่ยงบอกกล่าวทันควัน
ตอนนั้นทำพวกเขาเศร้าเสียใจแทบแย่ คิดจริงจังว่านายท่านเสียชีวิตที่เมืองหลวงแล้วเสียอีก
ใครจะรู้ว่าหลังพวกเขาจัดการฝังอาภรณ์พร้อมสิ่งของอื่นๆ ของผู้ตายเป็นที่เรียบร้อย นายท่านจะกลับมาอีกครั้ง
“ต้าเหริน ต้องการให้นำอาภรณ์และของใช้อื่นๆ ที่ฝังลงไปในสุสานขุดขึ้นมาหรือไม่ ปล่อยเอาไว้จะไม่เป็นมงคลเสียเปล่าๆ นะขอรับ” ฮั่วซื่อเซี่ยงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
[1] ปิ่งจื่อ ขนมอบจากแป้ง จำพวกขนมเปี๊ยะ