ตอนที่ 27 ต้นไม้เติบใหญ่ย่อมแตกกิ่งก้าน
ทางด้านอำเภอเมืองนั้น ซ่งจินซานและซ่งสวินเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของซ่งอิง จึงกลับมาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว ครั้นพ้นประตูเข้ามามองเห็นท่าทางของหร่วนซื่อเศร้าสร้อย ทั้งสองคนพลันตระหนกตกใจทันที
“เป็นอันใดไปหรือ” ซ่งจินซานเป็นคนหนึ่งที่รู้จักห่วงใยภรรยาเช่นกัน
หร่วนซื่อกุมหน้าอก นำเรื่องราวบอกกล่าวอย่างละเอียด
ซ่งจินซานได้ยินดังกล่าว โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ข้าจะไปหาพวกเขา!”
“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป ครอบครัวพวกเราที่นามิได้มากมาย เพียงแค่หนึ่งหมู่เท่านั้นเอง ต่อให้ได้รับความเสียหายก็เสียหายไม่ได้มากเกินไปสักเท่าใดหรอกขอรับ” ซ่งสวินอยู่เป็นเพื่อน กล่าวปลอบใจหร่วนซื่อ
หร่วนซื่อกุมบริเวณหน้าอกพลางถอนหายใจ ซ่งอิงจนปัญญา ทำได้เพียงกล่าว “ท่านพี่ ข้าพอรู้จักวิธีการกำจัดแมลงอยู่บ้าง ท่านและท่านพ่อทดลองกันดูสักตั้งไม่ดีกว่าหรือ”
ซ่งสวินได้ยินดังกล่าว ปรับท่านั่งตัวตรงแหน่วเผยท่าทีเคร่งขรึม ก่อนกล่าวจริงจัง “เจ้าลองพูดให้ฟังหน่อยสิ?”
“ตอนนี้ที่คิดได้มีสองวิธีการ หนึ่ง…มองดูด้วยตาแล้วกำจัดทิ้งเสีย ความหมายก็คือ…แมลงที่เป็นภัยในนาผืนนี้โดยทั่วไปแล้วจะมีปฏิกิริยาต่อแสงสองสี ซึ่งก็คือสีเหลืองและสีน้ำเงิน วิธีการของข้าคือ เราปักกระดานแบบนี้เอาไว้ในนา โดยบนกระดานนี้จะทาบางสิ่งที่มีคุณสมบัติเหนียวหนึบเอาไว้เล็กน้อย…”
“วิธีการที่สองก็คือเลี้ยงปลาเลี้ยงเป็ด หรือไม่ก็กบเอาไว้…”
“ปลาไม่ได้แน่ นาพวกเราผืนนี้มีเพียงธารน้ำเล็กๆ สายหนึ่งเท่านั้นเอง การใช้น้ำจึงต้องประหยัดเข้าไว้ มีเพียงแปลงนาที่พื้นที่ดีๆ ประเภทนั้น จึงจะระบายน้ำสะดวกสบาย และขุดร่องนาที่มีความลึกได้” ซ่งสวินกล่าวทันควัน
ซ่งอิงแปลกใจเล็กน้อย หลังใช้สมองครุ่นคิดดู พลันค้นพบว่าการเลี้ยงปลาในแปลงนาทำกันมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ไม่ใช่แปลงนาของทุกครอบครัวล้วนทำเช่นนี้ได้
นาข้าวในยุคสมัยนี้ ยังไม่สะดวกสบายเช่นยุคหลังที่ระบายน้ำได้สะดวกสบาย มีเพียงทุ่งนาทำเลดีประเภทที่อยู่ใกล้กับแหล่งน้ำ ถึงจัดการวางแผนอื่นๆ ในผืนนาได้ แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ก็ต้องคอยควบคุมดูแลทุกวัน เพื่อไม่ให้เกิดปลาและน้ำรั่วไหลออก
“กบก็ไม่ดี เที่ยวกระโดดไปทั่ว รบกวนแปลงนาข้างเคียง อีกทั้งสัตว์เช่นนั้นไม่ต้องเลี้ยง ในแปลงนาก็พอมีอยู่บ้างเช่นกัน…ส่วนเป็ด…” ซ่งสวินมุ่นคิ้ว “ข้าคิดว่าน่าจะได้ เพียงแต่…หากเป็นเช่นนี้ ทุกวันก็ต้องคอยเฝ้าเป็ด ปล่อยเป็ด รอกระทั่งนาแปลงนี้ไร้ศัตรูพืชแล้ว จะเอาเป็ดลงไปในแปลงนาอีกก็คงไม่ได้แล้ว…”
“บ้านเรามีสมาชิกครอบครัวน้อย ข้าและท่านพ่อปกติก็ไม่อยู่บ้าน เรื่องการดูแลเป็ดก็ต้องตกไปอยู่ที่เจ้า” ซ่งสวินกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ท่านพี่พูดอะไรน่ะ? ข้าเองก็ทำงานได้นะเจ้าคะ ข้าจะดีใจด้วยซ้ำไป มิเช่นนั้นเหมือนข้าเป็นคนที่เลี้ยงเสียข้าวสุกคนหนึ่ง” ซ่งอิงแสดงออกท่าทีในทันใด
ชีวิตชาวชนบทถือได้ว่าเรียบง่ายอย่างยิ่ง พวกเหตุการณ์ลักเล็กขโมยน้อยแม้จะพอมีบ้าง แต่ช่วงเวลากลางวันแสกๆ ยังถือว่าสงบเงียบเรียบร้อยดี ทั้งยังมีเพื่อนบ้านรอบข้างคอยดู จึงไม่ต้องคอยกังวลใจเกินไป
“กระดานเหลืองกระดานน้ำเงินที่เจ้าเอ่ยถึงนั่น…ใช้ได้ผลดีจริงหรือ” ซ่งสวินค่อนข้างประหลาดใจ
“ข้าก็ไม่เคยใช้เช่นกัน เพียงแต่เคยเห็นจากตำราเอ่ยถึงไว้…” ซ่งอิงคลี่ยิ้มเล็กน้อย “เวลานี้ยังลองใช้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ต้องรอให้แมลงเหล่านั้นโตแล้ว กระดานเหล่านี้ถึงช่วยได้เจ้าค่ะ”
ซ่งสวินพยักหน้า
เห็นพี่ชายน้องสาวสองคนหันหน้าพูดคุยกันจริงจัง ในใจหร่วนซื่อรู้สึกมั่นคงขึ้นมาก
หลังเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ซ่งจินซานกลับมาพร้อมความคับแค้นใจ ดื่มน้ำชาหนึ่งอึกทั้งที่ยังรู้สึกโมโห แล้วถึงเอ่ยพูด “ตอนนี้ตระกูลหลี่กำลังวุ่นวาย เอะอะต้องการแยกครอบครัวกันอยู่ หัวหน้าหมู่บ้านก็ถูกเชิญไปด้วย เรื่องราวของบ้านเรานี้…เอ่ยแทรกเข้าไปไม่ได้เสียที”
“ครอบครัวหลี่ต้องการแยกครอบครัว? จะแบ่งแยกกันอย่างยุติธรรมได้หรือ แม่สามีครอบครัวหลี่นั่นเอ็นดูหลานชายอย่างหลี่จิ้นเป่าผู้นี้ยิ่ง เช่นนั้นทางด้านบ้านใหญ่ของตระกูลหลี่นั่นไม่เป็นอันเสียเปรียบหรอกหรือ” หร่วนซื่อกล่าวอย่างประหลาดใจ
ต้นไม้เติบใหญ่ย่อมแตกกิ่งก้าน[1]เป็นธรรมดา ไม่มีอะไรน่าแปลก
เพียงแต่ หมู่บ้านพวกเขามีกฎระเบียบที่ไม่ได้เป็นลายลักษณ์อักษรเหล่านั้น นั่นก็คือทรัพย์สมบัติล้วนเป็นบุตรชายคนโตของครอบครัวจัดสรรปันส่วน เพราะบุตรชายคนโตต้องเลี้ยงดูผู้เฒ่า ส่วนที่เหลือถึงจะแบ่งให้น้องๆ แน่นอนว่าก็มีข้อยกเว้นเช่นกัน แต่เมื่อใดที่บุตรคนโตเจ้าคิดเจ้าการ นั่นคงได้ทะเลาะเบาะแว้งกันจนดูไม่ได้
ครอบครัวหลี่นั้น…คงต้องทะเลาะกันอยู่แล้ว
ซ่งจินซานเป็นคนซื่อตรงผู้หนึ่ง หากนิสัยแข็งกร้าวมากพอ มีหรือจะสนว่ากำลังแยกครอบครัวกันอยู่หรือไม่ อย่างไรเสียก็ต้องให้ชดใช้ค่าเสียหายแด่ครอบครัวตนเองเสียก่อนถึงจะได้เรื่อง
ตอนที่ 28 ผลไม้ป่า
ซ่งอิงไม่ใช่เจ้าของร่างที่ยอมเสียเปรียบ แต่เห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่งว่าเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นหร่วนซื่อหรือซ่งสวิน ล้วนไม่ได้แสดงออกอย่างที่จะเอาเรื่องครอบครัวหลี่ให้จงได้
ซ่งอิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
วันรุ่งขึ้น ข่าวคราวการแยกครอบครัวของตระกูลหลี่ก็แพร่สะพัด ว่ากันว่าบ้านบุตรคนโตตระกูลหลี่ เพื่อแยกครอบครัว จึงไม่ได้สิ่งของใดไปมากมาย แม่สามีวัยชราของครอบครัวหลี่ผู้นั้น ก็เอาแต่เข้าข้างบุตรชายคนเล็กเป็นพิเศษ
บ้านใหญ่ตระกูลหลี่ไม่ต่างจากถูกตบหน้า เกรงว่าคงไม่กล้าพบเจอผู้คนไปอีกพักใหญ่
บิดามารดาของหลี่จิ้นเป่าจึงยิ่งถือดี ทั้งทำการเปลี่ยนโฉนดต่างๆ ทั้งเชิญผู้คนมากินอาหารดื่มสุรา อึกทึกครื้นเครงอย่างยิ่ง
“แม้ล้วนเป็นคนของตระกูลหลี่ แต่ตอนนั้นก็ต้องขอบคุณที่หลี่ต้าช่วยเหลือ พวกเราถึงรับรู้ว่าหลี่ซานนั่นกระทำเรื่องอะไรลงไป ว่ากันตามเหตุและผลจึงควรขอบคุณเขา…เพียงแต่ในบ้านเราก็ไม่มีของดีๆ อะไร…” หร่วนซื่อทอดถอนใจ สุดท้ายหมายมั่นไปที่ไข่ไก่
เมื่อวานไก่ตัวนี้ออกไข่สามฟอง วันนี้ก็ออกอีกสามฟอง…
ไข่ไก่เหล่านั้นแต่ละฟองล้วนค่อนข้างใหญ่โต มองดูแล้วพบเห็นได้ยากยิ่ง หรวนซื่อเสียดายเกินกว่าจะกินมัน เดิมคิดว่าต้มให้สุกแล้ว ให้บุรุษในครอบครัวพกติดตัวเอาไป อย่างไรเสียที่สามีทำงานล้วนเป็นงานต้องใช้พละกำลัง กินของดีๆ ให้มากหน่อยถึงจะมีเรี่ยวแรง
“ว่ากันตามหลักก็ควรต้องขอบคุณ แม้ว่าทั้งครอบครัวหลี่ซานเป็นพวกไม่ได้เรื่อง แต่ครอบครัวหลี่ต้ายังถือว่าไม่เลวจริงๆ ตอนนี้พวกเขาแยกครอบครัวแล้ว ภายภาคหน้าครอบครัวเราจะไปมาหาสู่กับครอบครัวหลี่ต้ามากหน่อยก็ไม่เป็นไร” ซ่งจินซานใจกว้างอย่างยิ่ง “ลูกสวินกับยาโถว[2]ล่ะ”
“ลูกสวินออกไปแต่เช้าตรู่แล้ว เอ่ยว่าต้องไปซื้อเป็ดที่ตลาดนัด” หร่วนซื่อกล่าวอย่างเอ็นดู “ยาโถวคงติดตามไปด้วย”
หร่วนซื่อไม่รู้เลยสักนิดว่าเวลานี้ซ่งอิงอยู่บนขุนเขาซิ่ง
นางขอร้องซ่งสวินอยู่นานเน กว่าซ่งสวินจะตอบรับให้นางขึ้นเขาได้ แน่นอนว่าอยู่ได้เพียงบริเวณรอบนอกเท่านั้น รอกระทั่งซ่งสวินซื้อลูกเป็ดมาแล้วก็ต้องติดตามเขาไป
สาเหตุที่หมู่บ้านซิ่งฮวาเรียกว่าหมู่บ้านซิ่งฮวา ก็เพราะฤดูกาลดอกซิ่ง[3]ในทุกๆ ปี ทั่วทั้งขุนเขาล้วนเต็มไปด้วยต้นซิ่งป่า สีแดงผสมขาวงดงามไม่แพ้สิ่งอื่นใด
แน่นอน แม้ส่วนมากเป็นต้นซิ่งป่า แต่ที่กินได้ก็มีจำนวนไม่มากนัก
ทั้งเปรี้ยวทั้งฝาด ชาวบ้านจะเด็ดกลับไปบ้านเล็กๆ น้อยๆ เพื่อใช้ปรุงรสอาหารเท่านั้น
และเขาซิ่งก็ไม่ถือว่าปลอดภัยนัก รอบนอกยังพอได้ ไม่ถือว่าทางชัน แต่หากเดินมุ่งเข้าไปลึกเท่าใด ก็มีแต่จะยิ่งน่ากลัวขึ้นเท่านั้น เนื่องจากด้านในมีสัตว์ป่าดุร้ายจำนวนไม่น้อย ก่อนหน้านี้ยังมีซากหมูตายอยู่ด้านในอีกด้วย
ดังนั้นเด็กๆ ในหมู่บ้านล้วนรู้กันดีว่าจะเข้าไปในส่วนลึกของขุนเขาลูกนี้ไม่ได้เป็นอันขาด
ซ่งอิงต้องการขึ้นเขาซิ่งให้ได้ ก็มีสาเหตุเช่นกัน
อยู่ใกล้เขาก็กินของที่อยู่บนเขา เท่าที่นางพอรู้มา ในช่วงฤดูกาลนี้ บนเขามีผลไม้ป่าที่สุกบ้างแล้วเช่นกัน
คนที่ขึ้นเขาไปตัดจูฉ่าว[4]มีจำนวนไม่น้อย อย่างไรก็ตามซ่งอิงกวาดสายตามองทั่วสารทิศตลอดเวลา หลังครึ่งชั่วยามผ่านพ้นไป ในที่สุดนางก็เจอสิ่งที่ต้องการ!
เป็นดงลวี่โต่วกั่ว[5]ผืนใหญ่นั่นเอง!
คนในชนบทแทบทั้งหมดเคยกินผลไม้ป่าประเภทนี้ เพียงแต่รสชาติไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะบนเขาลูกนี้มีนกป่าจำนวนมาก ผลไม้รสอร่อยมากมายเพิ่งส่งออกผลยั่วคนไม่ทันไร ก็ถูกนกที่อยู่บนฝากฟ้าโฉบแย่งไปก่อนหน้าเสียแล้ว และหลงเหลือไว้เพียงของที่ส่วนใหญ่กลืนไม่ลงเหล่านั้น
ทว่าซ่งอิงมีช่องว่างระหว่างมิติ
ซ่งอิงมองซ้ายมองขวาอีกรอบ เห็นว่าไร้ผู้คน ซ่งอิงนำน้ำผ่านจิตออกมารินรดต้นไม้สามต้น
จากนั้น ก็เลือกต้นผลไม้สองต้นที่ไม่ได้สูงมากนัก ลงมือทันทีทันใด โดยเริ่มจากการขุดรากเพื่อถอนโคน
พละกำลังของนางมากโข เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็ส่งต้นไม้สองต้นเข้าสู่ช่องว่างระหว่างมิติได้เป็นผลสำเร็จ จากนั้น ซ่งอิงไม่กล้ากระทำการใดๆ อีกแล้ว ทำเพียงนั่งคอยซ่งสวินมาหาอย่างหน้าตาใส่ซื่ออยู่บนพื้น
ช่วงเวลาที่รอคอย ซ่งอิงพอจะมองออกถึงการเปลี่ยนแปลงของใบไม้ต้นนี้ คาดว่าคงอยู่ในระหว่างการดูดซับน้ำที่ส่งผ่านจิต
ผลที่เดิมทีมีสีค่อนข้างเหลืองเกือบแดง เห็นแวบแรกก็รู้ได้ว่าต้องทั้งเปรี้ยวทั้งฝาด ทว่าในเวลานี้ดูดซับคุณประโยชน์เข้าไปมากพอตัว แม้มองดูด้วยตาเปล่าก็เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นสีม่วงแดงแล้ว!
—————————-
[1] ต้นไม้เติบใหญ่ย่อมแตกกิ่งก้าน (树大分枝) เป็นสำนวนจีน หมายถึง เมื่อพี่น้องเติบใหญ่ก็ต้องแยกครอบครัวกันไปเป็นธรรมดา
[2] ยาโถว (丫头) หมายถึง นังหนู หรือคำเรียกขานลูกที่เป็นเด็กผู้หญิง
[3] ซิ่งฮวา (杏花) คือ ดอกแอพริคอต เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ใบเดี่ยว ดอกสีขาว ผลเล็กกว่าลูกท้อ ผลกลม มีร่องกลางผลชัดเจน เปลือกบาง มีขนคล้ายกำมะหยี่ปกคลุม ผลดิบสีเขียว ผลสุกสีเหลือง เนื้อแห้ง แน่น รสเปรี้ยวหอม สีน้ำตาล แหล่งปลูกเอพริคอตหลักอยู่ที่จีน
[4] จูฉ่าว (猪草) เป็นพืชชนิดหนึ่งขึ้นตามริมสระน้ำในชนบท เป็นตัวยาสมุนไพรชนิดหนึ่ง มีรสขม ถูกนำไปเป็นอาหารหมู
[5] ลวี่โต่วกั่ว (绿豆果) เป็นไม้ยืนต้นที่พบได้ในป่าเขาเท่านั้น ผลของมันมีสีแดงออกม่วง ขนาดเล็กใหญ่กว่าเมล็ดถั่วเขียวเล็กน้อย ซึ่งในภาษาจีน ถั่วเขียว คือ ลวี่โต่ว จึงเรียกว่าลวี่โต่วกั่ว