ตอนที่ 87 ทิ้งร่างศพเอาไว้ให้
กล่าวถึงหนุ่มน้อยของครอบครัวหลี่ซาน เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่พลันรู้สึกรังเกียจ
หลี่จิ้นเป่าถูกคนเขาถอนหมั้นแล้ว เขาเป็นบุรุษคนหนึ่ง ถูกถอนหมั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แต่คนเขาเอ่ยว่าเขาหลอกให้แต่งงานด้วย กล่าวว่าร่างกายเขามีโรคประจำตัวแต่กลับปิดบังเอาไว้…
“ร่างกายของลูกผู้ชายถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง พ่อแม่เจ้ามีเจ้าเป็นลูกชายคนเดียว ภายภาคหน้าก็ยังต้องหวังพึ่งพิงเจ้า เอ้อร์ยาให้เจ้าหาหมอก็หาหมอเถิด ตอนนี้เอ้อร์ยาหาเงินได้แล้ว ยังต้องใส่ใจค่าตรวจรักษาโรคเล็กๆ น้อยๆ นี้ด้วยหรือ” เจียวซื่อยิ้มแหยๆ
ซ่งสวินมุ่นคิ้ว
ขณะเตรียมเอ่ยพูด ซ่งอิงผลักไสผู้คนกลับกันไป “บรรดาป้าสะใภ้อาสะใภ้ พรุ่งนี้ยังต้องทำงานกันอีก พักผ่อนแต่หัววันหน่อยเถอะเจ้าค่ะ ข้าพูดคุยกับท่านแม่ข้าเรื่องสุขภาพร่างกายอีกนิดหน่อยเดี๋ยวก็กลับบ้านแล้วเช่นกันเจ้าค่ะ”
ขณะกล่าวก็ดึงมารดาของนางกลับเข้าห้องไป
ซ่งสวินจนปัญญา ไม่อาจพูดอะไรได้มากนักเช่นกัน จึงเดินตามหลังไป
“ท่านพี่ เมื่อครู่ท่านเตรียมพูดกับพวกนางว่า เงินที่ข้าหามาได้ท่านไม่มีทางใช้หรอกใช่หรือไม่เจ้าคะ” ซ่งอิงแย้มยิ้ม “ท่านพูดไปพวกเขาก็ไม่เชื่อหรอก ไยต้องพูดไปให้เปลืองเวลาด้วยล่ะ อีกอย่าง หากใต้หล้านี้มียาที่ขจัดรอยแผลเป็นบนหน้าข้าได้ เมื่อท่านพี่มีเงิน มีหรือจะไม่ซื้อให้ข้า? พวกเราสองคนเป็นพี่น้องกัน เหตุใดต้องคิดเล็กคิดน้อยย่อยยิบเพียงนั้นด้วย”
“ข้าเป็นลูกผู้ชาย แน่นอนว่าควรแบกรับหน้าที่มากกว่าเจ้าหน่อย จะให้เจ้าออกเงินให้ข้าหาหมอได้อย่างไรกัน!” ซ่งสวินดื้อดึงอย่างยิ่ง
“ใช่ ข้าไม่ออกเงินให้หรอก” ซ่งอิงนำเงินค่าจ้างส่วนของวันนี้ของหร่วนซื่อและซ่งสวินออกมา “นี่เป็นเงินของท่านและท่านแม่ จะไม่รับไว้ก็คงมิได้กระมัง”
ซ่งสวินถอนหายใจ ท้ายที่สุดก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ
“ท่านพี่ ทำบ๊ะจ่างของหนึ่งเดือนนี้เสร็จแล้ว ท่านและท่านแม่ก็เก็บหอมรอบริบได้จำนวนหนึ่งเช่นกัน เรื่องก่อนหน้านี้ที่ข้าเอ่ยไว้ว่าให้ท่านสอบเข้าเรียน ท่านครุ่นคิดได้ความว่าอย่างไรบ้างหรือ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
หร่วนซื่อตกตะลึง “เจ้ายังอยากให้พี่ชายเจ้าเข้าเรียนอีกหรือ”
“แน่นอนสิเจ้าคะ ท่านพี่เพิ่งอายุสิบเจ็ดปี มิใช่เจ็ดสิบปีเสียหน่อย หากเขามุมานะพยายาม ไม่ว่าเมื่อใดก็ไม่สายเกินไปทั้งนั้นละเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวอย่างหน้าตาเฉย
ยิ่งไปกว่านั้น นางคิดว่าซ่งสวินไม่ใช่คนที่ไร้พรสวรรค์ความสามารถ
ร่างกายเขาไม่แข็งแรง ก่อนหน้านี้นอกจากคัดลอกตำราและคำนวณบัญชี ช่วงเวลาอื่นล้วนอยู่กับการอ่านหนังสือ แม้ว่าไม่ได้ไปโรงเรียน แต่คลังความรู้ที่อยู่กับตัวก็ไม่ใช่น้อยๆ
ต่อให้สอบไม่ได้ยศถาบรรดาศักดิ์ที่ได้มาจากการศึกษาเล่าเรียน ตำราที่ได้เรียนรู้มากมายก็มีคุณประโยชน์ไม่ได้มีโทษอันใด
หร่วนซื่อมองบุตรชาย “เรื่องนี้…ข้าคิดว่ายาโถวพูดถูก”
“ท่านแม่ ลูกทำให้พวกท่านเหน็ดเหนื่อยมาสิบเจ็ดปีแล้ว จะให้ทำให้พวกท่านเหน็ดเหนื่อยต่อไปได้อย่างไรกัน หากข้าเรียนหนังสือ ก็จะดูแลเรื่องในบ้านไม่ได้สักเท่าไร หนำซ้ำยังต้องทำให้พวกท่านเหนื่อยไปด้วย” ซ่งสวินกล่าว
พู่กัน หมึก กระดาษ จานฝนหมึก อะไรบ้างหรือที่ไม่ต้องใช้เงิน?
หรือต้องให้บิดามารดาเลี้ยงดูเขาไปทั้งชีวิต? ถึงขั้นยังต้องลามไปถึงน้องสาวที่ออกเรือนไปแล้วอีกด้วย?
เขาไม่ได้หนังหน้าหนาถึงเพียงนั้น
กรอบดวงตาหร่วนซื่อพลันร้อนผ่าว “เจ้าเป็นลูกชายข้า เหน็ดเหนื่อยเพื่อเจ้านั่นมิใช่สิ่งที่สมควรหรอกหรือ…”
“ท่านพี่ไม่เรียนก็ได้” ซ่งอิงกลับคำกะทันหัน จากนั้นกล่าว “ใครจะไปรู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเกิดอันใดขึ้น แม้ข้ากลับมาจากจวนโหวแล้ว แต่ท้ายที่สุดก็ยังเป็นบุตรสาวแท้ๆ ของตระกูลนั้น ทุกวันนี้คนตระกูลนั้นไม่นึกถึงข้า แต่ไม่แน่ว่าอนาคตข้างหน้าจะไม่นึกถึงขึ้นมาอีก ตอนนั้นพวกเขาก็คิดว่าข้าเป็นตัวกาลกิณีคนหนึ่ง ลืมตาดูโลกวันเดียวก็ทำให้บุตรชายผู้สืบทอดตระกูลจวนโหวตกจากหลังม้า ภายภาคหน้าหากบุตรชายผู้สืบทอดตระกูลโหวเสียชีวิตไป…ไม่แน่ว่าก็จะคิดว่าข้าเป็นคนทำร้ายอีก ถึงเวลาก็คงส่งผ้าขาวหนึ่งฉื่อมาให้ข้าผูกคอตาย…”
“หรือไม่ก็ ภายภาคหน้าข้าหาเงินได้มากมาย จวนโหวเกิดละโมบโลภมาก จึงอยากทำให้ข้าตายเพื่อจะได้นำเงินกลับไป ถึงตอนนั้นท่านพี่ก็สวมใส่ชุดขาวทั้งตัวแล้วกัน จะได้มองดูน่าสาร บางทีคนเขาอาจใจอ่อน ทิ้งร่างศพข้าเอาไว้”
ซ่งอิงกล่าวจบ ฉีกยิ้มไร้เดียงสา
“ถุยๆๆ!” หร่วนซื่อพ่นน้ำลายทันที “เจ้าลูกสาวคนนี้อย่าเที่ยวพูดจาเหลวไหลสิ! เกิดเป็นจริงขึ้นมาจะทำอย่างไร!?”
ซ่งสวินกำหมัดเล็กน้อย จับจ้องนางด้วยแววตาสงบนิ่ง
ตอนที่ 88 ลูกไก่นั่งยองต่อแถว
ผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง ซ่งสวินกล่าว “น้องพี่คิดว่า ในภายภาคหน้าจะต้องมีสักวันที่ต้องต่อกรกับพวกเขา ใช่หรือไม่”
“ใช่เจ้าค่ะ ความแค้นเคืองจากการตัดนิ้วและทำให้ใบหน้าเสียโฉม ทำให้ไม่อาจอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันได้ หากมีสักวัน ข้ามีความสามารถมากพอ จะต้องเอาคืนเป็นแน่ ทว่า ต่อให้ข้าทนลำบากเหน็ดเหนื่อยหาเงิน ภายภาคหน้ามากสุดก็เป็นได้แค่คนทำกิจการค้าขาย จวนโหวผู้มีบรรดาศักดิ์ยิ่งใหญ่ การจะทำให้คนทำกิจการค้าขายตัวเล็กๆ ตาย ถือเป็นเรื่องง่ายดายเพียงหยิบมือ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ความนึกคิดแท้จริงของนาง…
เรื่องแก้แค้น ตามจริงไม่เคยคิดอย่างละเอียดมาก่อน
เจ้าของร่างก็เสียชีวิตไปแล้ว เหตุใดนางต้องเอาศีรษะตนเองไปส่งถึงที่อีก?
จุดมุ่งหมายของนางก็คือ หาเงินให้ได้มากๆ หน่อย มีที่ดินไร่นามากๆ หน่อย ใช้ชีวิตชีวิตสุขสบายได้เมื่อยามแก่เฒ่า
แม้ว่าซ่งสวินจะใช้ชีวิตเช่นนี้ก็ได้เช่นกัน แต่นางรู้สึกได้ว่า ยามที่เจ้าของร่างมีชีวิต นางหวังให้ซ่งหวินร่ำเรียนหนังสือ และตัวซ่งสวินเอง ก็เป็นคนหนึ่งที่รู้จักไม่สิ้นเปลืองวัสดุที่ใช้ในการเรียน
“ท่านแม่…ไว้รองานเดือนนี้เสร็จสิ้นแล้ว ลูกก็จะไปขอเข้าเรียนที่โรงเรียนซือสูในตัวอำเภอนะขอรับ” ซ่งสวินยามนี้ก็ถือว่าไม่ลังเลใจแล้วเช่นกัน
เขาเองก็รู้เช่นกันว่า คำพูดของน้องสาวเป็นการจงใจกระตุ้นเขา แต่กลับมีเหตุผลมาก หากตอนแรกตระกูลซ่งเขามีคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณติดตัว จวนโหวนั่นจะปฏิบัติต่อน้องสาวของเขาอย่างส่งเดชเพียงนี้ได้หรือ
หากเขามีชื่อเสียงเกียรติคุณ ในอนาคตก็จะไม่มีคนรังแกนางได้อีก หากภายภาคหน้าน้องสาวแต่งงานอีกครา เขาในฐานะพี่ชายผู้นี้ก็จะเป็นที่พึ่งพิงหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังให้ได้เช่นกัน ไม่เหมือนตอนนี้ แม้กระทั่งเลี้ยงครอบครัวก็ยังยากเลย
แน่นอนว่าหร่วนซื่อเองก็ดีใจจนเกินบรรยายเช่นกัน
ตอนนั้นที่ยังไม่ได้แยกครอบครัว บ้านใหญ่ไม่เล่าเรียนแล้ว ดังนั้นบ้านสองอย่างพวกเขาก็เล่าเรียนต่อไปไม่ได้เช่นกัน เรื่องนี้อัดอั้นอยู่ในใจนางมาโดยตลอด และเคืองโกรธหลานเสี่ยนบุตรชายของบ้านใหญ่อยู่เล็กน้อยเช่นกัน
บัดนี้แยกครอบครัวกันแล้ว ใครยังจะกำกับควบคุมพวกเขาได้อีก?
“พรุ่งนี้เรื่องเชิญหมอมาตรวจร่างกายก็อย่าลืมเชียวนะเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าวเสริม
ซ่งสวินมองนางแวบหนึ่ง ท้ายที่สุดก็ยังคงกล่าว “ตกลง”
ยามนี้ ซ่งอิงจึงเป็นอันกลับไปได้อย่างพึงพอใจเป็นพิเศษ
หลังกลับไป นางก็ไม่ได้ว่างงานแต่อย่างใด นำหมูที่หมักเอาไว้แล้วตอนกลับมายกใส่ลงหม้อนึ่งจนสุก เม็ดเกาลัดก็ต้มไว้เรียบร้อยแล้วด้วยเช่นกัน เช่นนี้จึงจะไม่รบกวนเวลาการห่อบ๊ะจ่างในวันพรุ่งนี้
ตอนกลับมา โสมน้อยแวะไปที่ดินหนึ่งหมู่ผืนนั้นของบ้านนาง ขับต้อนเอาเป็ดที่ปล่อยออกไปกลับมาด้วยเช่นกัน
วันรุ่งขึ้น ต้นไม้ที่ซ่งอิงรบกวนให้บิดาช่วยซื้อก็ขนย้ายมาถึงแล้ว ยามที่นางกลับมาจากตัวอำเภอ บิดานางนำต้นผลไม้จำนวนหนึ่งปลูกลงตามแผนการที่นางกำหนดไว้เป็นที่เรียบร้อย
ลานหลังบ้านที่กว้างขวาง บัดนี้มีต้นท้อ ต้นพลับ ต้นทับทิม ต้นไน่จื่อ ต้นพุทรา ต้นสาลี่ ต้นซิ่ง และต้นพลัม รวมไปถึงต้นบ๊วย เรียกได้ว่าเพรียบพร้อมอย่างยิ่ง
ต้นซิ่งโยกย้ายมากจากบนเขา ส่วนต้นอื่นๆ ล้วนเป็นของที่ซ่งจินซานใช้เงินห้าตำลึงเงินซื้อมา
ราคาต้นไม้ไม่ใช่ถูกๆ ซื้อทั้งหมดนี้ เงินที่นางให้ไปก็น่าจะไม่เหลือแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ในลานหลังบ้านยังล้อมบริเวณเล็กๆ ออกมาหนึ่งคอก ทั้งยังมีลูกไก่เพิ่มขึ้นอีกห้าตัว
นอกจากนั้น พื้นดินครึ่งหนึ่งของลานหลังบ้าน ถูกซ่งจินซานใช้รั้วล้อมขึ้นมา ระหว่างช่องว่างของรั้ว ยังปะปนไว้ด้วยหนามแหลมจำนวนมาก มั่นใจได้ว่าพวกพังพอนจะเข้ามาไม่ได้เป็นอันขาด พื้นที่ที่ล้อมรั้วขึ้นมา ด้านในก่อห้องหลังน้อยเอาไว้ บางทีอาจเพราะรู้ว่าเด็กผู้หญิงชอบความสวยงาม จึงใช้ไม้ไผ่ในการทำห้อง มองดูเต็มไปด้วยสีเขียวขจี ทั้งยังมีที่ให้ลูกไก่หลบฝนหลบแดดได้อีกด้วย
นอกจากนั้น ส่วนที่ให้ลูกไก่พักผ่อนได้ ก็ถูกซ่งจินซานสาดข้าวต้มกระจายเอาไว้ ก่อนคลุมทับด้วยหญ้าฟาง
เท่าที่ซ่งอิงรู้จากความทรงจำของเจ้าของร่าง วิธีการประเภทนี้ ทำให้หนอนเกิดขึ้นมาได้ เมื่อถึงเวลาลูกไก่ก็จะมีเนื้อสัตว์กินและอ้วนขึ้น
บนพื้นโปรยเมล็ดผักเอาไว้จำนวนหนึ่งด้วย ภายภาคหน้าก็จะได้เอาไว้ให้ลูกไก่กิน
ยามที่ซ่งอิงชะโงกหน้ามองไป กลับพบว่าลูกไก่ห้าตัวนั่งยองต่อแถวกันอยู่
นอกจากนั้นยังมีอีกตัว…ก็คือ ‘เจ้าตัวฉลาด’ ที่นางนำมาจากตระกูลซ่ง ไม่อยู่ในขบวนแถวลูกไก่ที่มาใหม่ ยามนี้มองเห็นนาง คิดไม่ถึงว่าจะพุ่งตัวมายังทิศทางนางอย่างดีอกดีใจ