ตอนที่ 79 สูตรตำรับลับ
ซ่งอิงไม่ค่อยเชื่อเช่นกันว่าพวกนางจะหยิบบ๊ะจ่างไป อย่างไรเสียก็เกี่ยวข้องกับเงินค่าแรงในท้ายที่สุด
จึงเอ่ยปากกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ถึงอย่างไรบ๊ะจ่างนี้ก็เป็นของที่ขายให้ภัตตาคารเย่ว์เฟิง หากรูปลักษณ์ภายนอกไม่ผ่านเกณฑ์ เกรงว่าจะถูกตีคืนกลับมา ดังนั้นจึงต้องใช้เชือกผูกเป็นสัญลักษณ์เสียหน่อย หากบ๊ะจ่างถูกตีคืนกลับมา ก็จะได้รู้ว่าเป็นฝีมือห่อของบ้านใคร…บ๊ะจ่างที่ห่อในทุกวันมีจำนวนมาก จะเกิดปัญหาบ้างไม่กี่ชิ้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่หากเป็นจำนวนมากเกินไป…เช่นนั้นข้าก็คงไม่กล้าขอให้มาช่วยห่อแล้ว ส่วนเงินค่าบ๊ะจ่าง ก็ต้องชดใช้ให้ด้วยเช่นกัน”
“ต้องชดใช้ด้วยหรือ!” เหยาซื่อสะใภ้บ้านใหญ่โวยวายขึ้นทันใด
“แน่นอนเจ้าค่ะ ที่ข้าพูดนี้ก็เพราะคำนึงเผื่อทุกคน ในเมื่อหากบ๊ะจ่างมีปัญหาขึ้นมาจำนวนมาก ทางภัตตาคารเย่ว์เฟิงเขาคิดว่าเราทำไม่รอบคอบแล้วยกเลิกสัญญาทันทีล่ะเจ้าคะ” ซ่งอิงปั้นหน้าจริงจัง “ป้าสะใภ้ใหญ่ บอกกล่าวท่านตามจริง กิจการค้าขายบ๊ะจ่างนี้ ข้าตกลงกับภัตตาคารเย่ว์เฟิงเอาไว้เป็นเวลาหนึ่งเดือน หากท่านห่อทุกวัน กระทั่งถึงหนึ่งเดือนจากนี้ อย่างน้อยก็จะได้สองตำลึงเงิน แต่หาก…เพราะใครคนใดคนหนึ่งห่อฝีมือแย่เกินไป กิจการถูกทำลายเสียแล้ว เช่นนั้นความเสียหายนั่น…ก็เป็นเพราะทุกคนแล้วละเจ้าค่ะ”
เมื่อเอ่ยพูดเช่นนี้ เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เป็นอันเข้าใจได้ทันที
“ใช่ๆๆ ใครทำผิดคนนั้นก็ชดใช้ไป อย่างไรก็ตามข้าผู้นี้ฝีมียอดเยี่ยมอยู่แล้ว จะไม่เกิดความผิดพลาดเป็นแน่” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่คลี่ยิ้ม “ยาโถวอา ข้าเรียกพี่สาวคนโตเจ้ากลับบ้านมาช่วยด้วยอีกแรงได้หรือไม่ เช่นนี้กำลังคนก็จะได้มากขึ้นหน่อย”
“ได้สิเจ้าคะ แม้ท่านพี่ออกเรือนไปแล้ว แต่ก็ยังแซ่ซ่ง แน่นอนว่าต้องมาร่วมได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว
อีกสองบ้านที่เหลือได้ยินดังกล่าว ต่างรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
บ้านสามก็มีบุตรสาว แต่ยังเด็กอยู่ อายุเพียงแปดขวบเท่านั้น ต่อให้ห่อบ๊ะจ่างได้ ฝีมีและความรวดเร็วก็ไม่ได้การอยู่ดี ช่วยงานไม่ได้มากไปสักเท่าใด
บุตรชายในครอบครัวยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ละคนไม่เอาไหน รู้ความและเชื่อฟังอย่างหลานสวินเสียที่ไหนกัน
“ยังมีเงื่อนไขข้อกำหนดอื่นอีกหรือไม่” ซ่งเหล่าเกินกล่าว
“ปัญหาใหญ่ๆ ไม่มีแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่ยังมีเรื่องเล็กอีกสองเรื่อง” ซ่งอิงกล่าว
ครั้นเอ่ยพูดดังกล่าว คนอื่นๆ ตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ
“เอ้อร์ยา เจ้าพูดมาได้เลย” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่แย้มยิ้มจนกลายเป็นดอกไม้บาน มองซ่งอิงด้วยแววตาที่เป็นมิตรขึ้นมาก รู้สึกสบายตายิ่งเมื่อมองนาง
เด็กสาวคนนี้ เป็นดาวแห่งความสุขและความโชคดีของบ้านใหญ่พวกเขาเห็นๆ!
ยามที่อิงยาโถวถูกรับตัวไป ในครอบครัวก็ได้รับเงิน บุตรชายนางจึงได้ซื้อเรือนในอำเภอและแต่งภรรยา บัดนี้กลับมาแล้ว ก็หางานการมาให้มีรายได้กันอีก
“ท่านพี่ ข้ารู้ว่างานตรวจสอบบัญชีที่ภัตตาคารของท่านน่าจะไม่มีให้ทำแล้ว ดังนั้นระยะนี้ท่านก็ช่วยข้าแล้วกัน ไม่ต้องไปคัดตำราแล้วละ อยู่บ้านตรวจสอบบัญชี คอยกำกับดูแลตลอดจนจดบันทึก” ซ่งอิงไม่รอให้คนอื่นพูด ก็เอ่ยพูดขึ้นอีกครั้ง “ข้ารู้ว่าพี่ชายข้าเป็นเด็กรุ่นหลังคนหนึ่ง การกำกับดูแลผู้อาวุโสก็ไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่นี่หลักๆ ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการที่ทุกคนจะห่ออย่างรวดเร็วเกินไป นำมาซึ่งการแก่งแย่งวัตถุดิบไส้ ยิ่งไปกว่านั้นก็เพื่อหลีกเลี่ยงการที่จะมีคนหมายทำให้ไส้เหลือเกินออกมา แล้วปรากฏเหตุการณ์ที่ว่าใส่ไส้น้อย หรือเป็นการใช้ข้าวเหนียวบ้านตนเองมาปะปนเพื่อเพิ่มจำนวน…”
“ไส้ขนมฝีมือข้าเป็นสูตรตำรับลับเฉพาะ ข้าวเหนียวอื่นห่อบ๊ะจ่างออกมาไม่ได้อย่างของข้าหรอกเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค
“บ๊ะจ่างมีสูตรลับด้วยหรือ” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ประหลาดใจ
“พี่สะใภ้ใหญ่ เอ้อร์ยานางเป็นคนในเมืองหลวง เคยเห็นอะไรต่อมิอะไรมามากมาย ของดีๆ อันใดบ้างจะไม่เคยเห็นมาก่อน จะมีสูตรตำรับลับบ้างมีอะไรน่าแปลกหรือ” เหยาซื่อบ้านสี่กล่าว
เมื่อเอ่ยพูดเช่นนี้ คนอื่นๆ ก็อดพยักหน้าเห็นด้วยไม่ได้
ถูกต้อง เด็กสาวผู้นี้ไปอาศัยอยู่ในสถานที่ประเภทเมืองหลวงมาตั้งสองปีเชียวนะ!
“ได้ หลานสวินเป็นคนที่รู้ความมากที่สุด ให้เขาคอยดูและ จะต้องไม่เกิดความผิดพลาดเป็นแน่ เหมาะสมดีเหมือนกัน” ซ่งเหล่าเกินพยักหน้า
เช่นนี้ ซ่งสวินจึงเอ่ยปากขานรับ “น้องพี่วางใจได้ ข้าจะละเอียดถี่ถ้วนให้มากๆ เข้าไว้แน่นอน”
“เรื่องสุดท้ายคงต้องรบกวนอาสะใภ้สามสักหน่อยเจ้าค่ะ” ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย “ทางด้านข้านี้ยังขาดแคลนใบหลูอีกจำนวนมากเชียวละ จึงอยากขอให้น้องชายทั้งสามของบ้านท่านช่วยเด็ดให้หน่อย แน่นอนว่า ก็มิใช่ทำให้โดยเปล่าๆ ข้าจะคำนวณตามปริมาณของใบหลูที่ได้มา หากเด็ดได้ดีและเด็ดได้จำนวนมาก ข้าก็จะให้เงินค่าแรงเขาเช่นกัน”
“เดี๋ยวก่อน!” เจียวซื่อเพิ่งเตรียมเอ่ยปากตกลง เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่พลันส่งเสียงดังขึ้นมาต่อหน้าต่อตา “เอ้อร์ยาโถวลืมไปแล้วหรือ ลูกต๋าบ้านข้าก็เด็ดได้เช่นกันนี่?”
ตอนที่ 80 แค้นเคืองฝังใจ
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่มองนางอย่างเคลือบแคลงใจ แม้แต่ชายชราหญิงชราก็นิ่งอึ้งชั่วครู่เช่นกัน
ทางด้านบ้านใหญ่ หลายปีมานี้บุตรชายคนโตอาศัยอยู่ในตัวอำเภอ มีเพียงลูกต๋าบุตรคนเล็กผู้นี้ที่เลี้ยงดูอยู่ข้างกาย ไม่ว่าจะเป็นเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กับซ่งฝูซานหรือพ่อเฒ่าแม่เฒ่า ล้วนรักและเอ็นดูลูกต๋าผู้นี้อย่างยิ่ง
ซ่งอิงคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ป้าสะใภ้ใหญ่ น้องต๋าอายุยังน้อยไม่รู้ความ งานประเภทนี้ยังไม่ให้เขาทำจะดีกว่าเจ้าค่ะ”
“เอ้อร์ยาโถว ลูกต๋าบ้านข้าอายุตั้งสิบขวบแล้ว หลานอู่บ้านอาสะใภ้สามเจ้าก็สิบขวบเช่นกันนี่? เขายังทำได้เลย แล้วเหตุใดลูกต๋าบ้านข้าจะทำมิได้” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ไม่ค่อยพึงพอใจเท่าใดนัก นี่ไม่เท่ากับดูถูกลูกชายนางหรือ ลูกชายของนางด้อยกว่าบ้านสามหรือไร!
เจียวซื่อยิ้มเล็กยิ้มน้อย ไม่พูดไม่จาใดๆ
“ป้าสะใภ้ใหญ่ หากน้องต๋ารู้ความ ก่อนหน้าก็คงไม่ถูกหลี่จิ้นเป่าพูดสองสามประโยคก็เกลี้ยกล่อมหลอกได้ ถึงขั้นใช้ก้อนหินทำร้ายพี่สาวอย่างข้าผู้นี้หรอกเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “งานครานี้เป็นเรื่องใหญ่ของตระกูลซ่งเรา ข้าก็แค่เกรงว่าน้องต๋าจะมีใจเคียดแค้นต่อข้าจึงไม่จริงจังในการทำงาน ถึงเวลาจะกระทบไปถึงการห่อบ๊ะจ่างของทุกคนเอาได้เจ้าค่ะ”
เมื่อเอ่ยคำพูดดังกล่าวออกมา มีหรือเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่จะยังไม่เข้าใจได้อีก?
เด็กสาวผู้นี้แค้นฝังใจลูกต๋าของนางที่ก่อนหน้าใช้ก้อนหินปาศีรษะนางสินะ!
“ไอหย่า หลานสาวป้า ก่อนหน้านี้ข้าก็เล่นงานลูกต๋าไปแล้วมิใช่หรือ เขาสำนึกผิดแล้ว จากนี้ก็ไม่เชื่อฟังคนของตระกูลหลี่ผู้นั้นพูดจาเหลวไหลอีกแล้วละ!” เหยาซื่อยิ้มตาหยีแล้วเอ่ยพูด ดึงมือของนางมาจับไว้อย่างสนิทสนม
ซ่งอิงนำมือข้างนี้ขยับหนี “หากสำนึกผิดแล้ว เหตุใดข้าไม่เห็นจะได้ยินน้องต๋ามากล่าวขอโทษเลยล่ะเจ้าคะ”
“ข้าจะไปเรียกไอ้เด็กไม่รู้ความผู้นั้นมาเดี๋ยวนี้ละ!” เหยาซื่อกล่าวทันควัน
“ป้าสะใภ้ใหญ่ ล้วนเป็นพี่น้องครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ตัวข้าเองมิใช่จงเกลียดอะไรเขาหรอก เพียงแต่…เขายินดีที่จะเชื่อคนนอกแต่ไม่เชื่อข้าคนนี้ผู้เป็นพี่สาว ก็ไม่แปลกที่ข้าจะใจจืดใจดำไปบ้าง ข้าคิดว่าจะโกรธเคืองอีกสักระยะก็คงเหมาะสมอยู่กระมัง” ซ่งอิงกล่าวอย่างหน้าตาเฉย
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่มองนางแวบสายตาหนึ่ง ก่อนมองไปยังชายชราและหญิงชรา
ในห้องนี้ ไม่มีใครช่วยพูดแทนนาง โดยเฉพาะทางด้านบ้านสองนี้ หร่วนซื่อดวงตาแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง แสดงให้เห็นว่ากำลังนึกถึงเรื่องราวที่ซ่งอิงได้รับบาดเจ็บอีกแล้ว
หร่วนซื่อช่างเก่งกาจกว่านางเสียอีก ขืนพูดต่อไป น้องสะใภ้ผู้นี้ร้องไห้ตาแดงก่ำขึ้นมา อีกทั้งเอ้อร์ยาโถวก็กตัญญูเสียยิ่งอะไร พานไม่ยินยอมให้นางทำงานมีรายได้ด้วยแล้วจะทำอย่างไร
“เรื่องนี้เอ้อร์ยาเป็นฝ่ายได้รับความไม่เป็นธรรมเสียแล้ว ไว้กลับไปข้าจะสั่งสอนเขาให้ดีๆ! งานครั้งนี้…ไม่ให้เขาทำก็ได้ ไว้เดี๋ยวเขามองดูบรรดาพี่ชายมีงานทำ มีก็แต่เขาคนเดียวที่ไม่ได้ทำ ก็คงจำขึ้นใจได้บ้างเช่นกัน” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กลายเป็นว่าสะใจขึ้นมาเช่นกัน
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ผู้นี้บางครั้งปากร้าย แต่ก็เพราะเป็นคนโผงผางตรงไปตรงมา
ดังนั้นเรื่องของซ่งต๋า นางทำได้เพียงคาดโทษไปที่ตัวเด็กไม่รู้ความ ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับป้าสะใภ้ใหญ่ผู้นี้แต่อย่างใด
เมื่อพูดคุยเรื่องนี้ได้ข้อสรุป แต่ละบ้านล้วนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนเนื่องจากความตื่นเต้น
คนในชนบทหาเงินไม่ได้ง่ายๆ ได้มีกิจการเป็นของตัวเอง ถือเป็นเรื่องน่ายินดีอันยิ่งใหญ่
โดยเฉพาะค่าแรงที่ซ่งอิงให้ก็มากมายทีเดียว ต่อให้เป็นสามีของครอบครัวตนเอง ส่วนใหญ่ก็เทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ
“เจ้าว่า…เอ้อร์ยาโถวให้เงินค่าแรงได้มากมายเพียงนี้ ตัวนางเองจะได้เงินสักเท่าใดเชียว” ทางด้านบ้านสามนี้ เจียวซื่อเอ่ยถามสามีของตนอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
ซ่งอิ๋นซานได้ยินดังกล่าว มุ่นคิ้วทันที “เจ้าจะสนใจว่าคนเขาทำเงินได้เท่าไรไปทำไม ให้เจ้าได้เก็บเกี่ยวผลกำไรบ้างก็พอแล้วกระมัง! ก่อนหน้านี้ท่านพ่อพวกเราบีบบังคับให้เด็กสาวนั่นออกเรือนไป ตอนนี้เอ้อร์ยายังอุตส่าห์คำนึงถึงคนครอบครัวตนเอง ก็ถือว่าเป็นคนจิตใจดีผู้หนึ่ง”
“ข้าก็ไม่ได้ว่านางจิตใจไม่ดีนี่? นี่ก็แค่…” เจียวซื่อกระวนกระวายใจ กล่าวขึ้นอีกครั้ง “นี่ข้าก็ทำเพื่อครอบครัวพวกเรามิใช่หรือ บ้านเรามีลูกชายสามลูกสาวหนึ่ง เจ้าน่ะ ก็ทำได้เพียงอยู่ในไร่นา หากบ้านเรามีสูตรตำรับลับเช่นกัน เช่นนั้นชีวิตก็จะได้สุขสบายกันแล้วมิใช่หรือ…”