ตอนที่ 113 ผู้เป็นวีรบุรุษ
ยามนี้แววตาที่ซ่งอิงมองซ่งเสี่ยน ก็คือสายตาดูถูกอย่างสิ้นเชิง
“ไม่ได้ บ๊ะจ่างนี้ ข้าขายให้เพียงภัตตาคารเย่ว์เฟิงเท่านั้น ทุกวันขายแค่จำนวนเท่านี้ด้วย ที่พี่ใหญ่บอกว่าร้านขนมอยากซื้อบ๊ะจ่าง ไปหาจากคนอื่นเถอะ!” ซ่งอิงกล่าว
พูดจบก็หมายเดินจากไป
เมื่อก่อนเจ้าของร่างสนทนากับซ่งเสี่ยนไม่มากนัก ยามนี้ นางรู้สึกรังเกียจจริงจังเสียแล้ว
คนเช่นนี้ ช่างเป็นคนที่นิสัยแย่ตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่
ตอนนั้นซ่งสวินเป็นที่ชื่นชอบของอาจารย์ ขยันหมั่นเพียรทั้งยังฉลาดเฉลียว มีหวังในการสอบเลื่อนชั้นเรียน แต่ตัวซ่งเสี่ยนเองไม่ยินดีที่จะเรียนหนังสือ แต่ก็กลัวว่าอนาคตซ่งสวินจะเจริญก้าวหน้า จึงกลับบ้านและโหวกเหวกโวยวายกับพ่อเฒ่าแม่เฒ่า โดยเอ่ยว่าซ่งสวินรู้จักแต่แสร้งทำเป็นคนดีต่อหน้าอาจารย์ ลับหลังกลับไม่รู้จักเคารพเขาผู้เป็นพี่ชายคนนี้เลยสักนิด ด่าทอว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ แม้ว่าซ่งสวินพยายามปฏิเสธสุดกำลัง แต่ชายชรากลับเอาแต่เชื่อคำพูดหลานชายคนโต และคิดว่าในเมื่อบ้านใหญ่ไม่เรียนแล้ว จะส่งเสียบ้านรองอีกก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน
ไม่มีเหตุผลที่จะให้บ้านรองเกินหน้าเกินตาบ้านใหญ่ ดังนั้นซ่งสวินก็ทำได้เพียงออกจากการเรียน
พ่อเฒ่ามีส่วนที่ดีๆ มากมาย เป็นคนที่ถือว่าตรงไปตรงมาเช่นกัน แต่เขามีข้อเสียใหญ่ๆ อย่างหนึ่ง
นั่นก็คือให้ความสำคัญแก่ครอบครัวบุตรคนโต ใส่ใจลำดับอาวุโส
ต่อให้ในความเป็นจริงบุตรชายคนเล็กคือคนที่เขารักและเอ็นดูมากที่สุด แต่ก็ไม่ได้ให้เกินหน้าเกินตาสถานะของครอบครัวบุตรคนโต
เขาจ่ายยี่สิบตำลึงเงินให้ซ่งหม่านซานเพื่อเป็นใบเบิกทางในการหางานให้ แต่กลับจ่ายหนึ่งร้อยตำลึงเงินเพื่อซื้อเรือนและสู่ขอภรรยาให้ซ่งเสี่ยน นี่ก็คือความแตกต่าง แม้กระทั่งบ้านสี่ยังเป็นเช่นนี้ อย่างบิดาของนางที่ไม่ได้รับการเห็นความสำคัญมากที่สุดจึงยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง
“ซ่งเอ้อร์ยา! แม้แต่บ๊ะจ่างหนึ่งพันชิ้นเจ้าก็ไม่ยินยอมให้เช่นนั้นหรือ ในสายตาเจ้ายังมีข้าผู้นี้เป็นพี่ชายอยู่หรือไม่ เจ้าเชื่อหรือไม่ว่า ข้าจะไปหาท่านปู่เดียวนี้เลย แล้วบ๊ะจ่างของเจ้านี้ก็จะขายไม่ได้!” ซ่งเสี่ยนกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
ซ่งอิงขมวดคิ้ว “สมองท่านไม่ได้ถูกลาถีบเข้าแล้วกระมัง? ข้าเป็นหญิงที่ออกเรือนแล้ว ข้าจะทำกิจการอันใด ค้าขายอะไร พวกท่านยุ่งเกี่ยวได้ด้วยหรือ หยิบคันฉ่องมาส่องดูนิสัยใจคอตนเองเสียหน่อยเถิด ไม่เอาไหนดีแต่ปาก ไร้ศีลธรรมจรรยาเฉกเช่นสัตว์เดรัจฉาน คำพูดของนักปราชญ์ที่ได้เล่าเรียนมาเอาใส่ท้องหมาไปแล้วหรือไร?”
ยังมาทำตัวเป็นคนเคยร่ำเรียนตำรา? ยังห่างจากพี่ชายนางไกลโข!
“นางเด็กสาวสารเลว!” ซ่งเสี่ยนเคยถูกด่าทอเช่นนี้เสียเมื่อไหร่กัน? ทันใดนั้นจึงอับอายจนกลายเป็นโกรธจัด
ง้างมือข้างหนึ่งหมายฝาดฝ่าลงมา
ซ่งอิงแสยะยิ้มเย็นชา ยกมือขึ้นเตรียมตบกลับไป
เพียงแต่ยังไม่ทันสัมผัสถูกท่อนแขนของซ่งเสี่ยน ก็มองเห็นซ่งเสี่ยนถูกหมัดหนึ่งเสยจนกระเด็นหงายไปแล้ว
“ข้าคิดว่าเจ้าไปทำอะไรเสียอีก ที่แท้ก็มาใช้กำลังแย่งชิงของคนอื่นเขาอยู่ตรงนี้นี่เอง! ไอ้ทุเรศ หากจะใช้กำลังกับคนอื่น ข้ายังพอชื่นชมเจ้าได้ว่าเป็นวีรบุรุษ ใครจะรู้ว่าเจ้ากลับรังแกคนในครอบครัวตัวเองเสียได้ ข้าว่าเอ้อร์ยาพูดถูก สมองเจ้าคงถูกลาถีบเข้าให้แล้ว ถีบจนมันสมองไหลออกมาแล้วสินะ!” ไม่รู้ว่าซ่งหม่านซานโผล่ออกมาจากไหน
ซ่งเสี่ยนถูกชกเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง มองผู้มาเยือนอย่างโกรธแค้น ยามที่เผชิญหน้ากับใบหน้าซ่งหม่านซาน ยิ่งเดือดดาลจนเนื้อตัวสั่นเทา
“อาสี่ นี่ไม่ใช่เรื่องของท่าน!” ซ่งเสี่ยนกล่าว
“เฮ้ย เจ้ายังรู้อยู่หรือว่าข้าคืออาสี่ของเจ้า? ไอ้คนไม่ได้เรื่อง ตบตีผู้หญิงมันเป็นตัวอะไรกันวะ เห็นทีว่าข้าไม่ได้สั่งสอนเจ้าสองปี เจ้าจึงไม่รู้ที่ต่ำที่สูงแล้วสินะ?!” เมื่อพูดจบ ซ่งหม่านซานก็กระโจนเข้าไป
ซ่งอิงตกตะลึงเล็กน้อย
จริงๆ แล้วซ่งหม่านซานไม่ใช่คนประเภทวีรบุรุษอะไรทำนองนี้นี่?
ในความทรงจำ…
ซ่งอิงพยายามขุดคุ้ยความทรงจำอย่างต่อเนื่อง ท้ายที่สุด…รู้สึกเอือมระอา
ในความทรงจำ จริงอยู่ที่ซ่งหม่านซานไม่เคยรังแกนางและซ่งสวิน เพียงแต่…สำหรับเจ้าของร่างเดิม ซ่งหม่านซานเป็นคนที่ไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไร เพราะที่ใดมีซ่งหม่านซาน ล้วนมี ‘สงคราม’ เกิดขึ้น ก็อย่างเช่นฉากในตอนนี้ เจ้าของร่างเห็นซ่งหม่านซานชกต่อยผู้คนอยู่บ่อยครั้งมากก็เพื่อเรื่องของกิน
ในสายตาเจ้าของร่าง ซ่งหม่านซานมีลักษณะอย่างนักเลง
อีกทั้ง สิ่งของที่ซ่งหม่านซานแย่งเอามา ยังต้องเอามาแบ่งบรรดาเด็กน้อยในบ้านด้วยเสมอ ไม่กินก็ไม่ได้ เมื่อกินของที่เขาให้แล้วก็ต้องช่วยเขาพูดต่อหน้าพ่อเฒ่าด้วย ความบ้าอำนาจนี้ทำให้เจ้าของร่างเด็กดีๆ รู้สึกหวาดกลัว
ดังนั้นก็ส่งผลให้ จิตใจสำนึกของซ่งอิงมีการต่อต้านและระแวดระวังซ่งหม่านซานอย่างถึงขีดสุด
ตอนที่ 114 เห็นคนอื่นดีกว่าญาติพี่น้อง
เวลานี้ เบื้องหน้าซ่งอิงไม่ต่างจากฉากสถานการณ์ที่โหดร้าย
หลังซ่งหม่านซานพุ่งเข้าใส่ก็ตะบันมือไม่ยั้งเลยจริงๆ หมัดซ้ายทีหมัดขวาที ก่อนชกต่อยไม่ลืมที่จะพ่นน้ำลายใส่กำปั้นของตนเองอีกด้วย
ซ่งเสี่ยนเป็นคนกึ่งมีการศึกษา หน้าตาขาวผ่องดุจหยก รูปร่างกำยำกว่าซ่งสวินเล็กน้อยเท่านั้น เทียบไม่ได้กับซ่งหม่านซานที่ชกต่อยในหมู่บ้านตั้งแต่เด็กๆ จนไม่มีใครกล้าหืออือ
หากซ่งอิงลงมือ อาจออมมือบ้างเล็กน้อย
ก็เหมือนที่เล่นงานหลี่จิ้นเป่าคราวนั้น หยิก บิด ดึง อย่างน้อยๆ ก็จะไม่ให้บนใบหน้าซ่งเสี่ยนบาดเจ็บ
แต่ซ่งหม่านซานแตกต่างไป กำปั้นเขานั้นระดมไปยังส่วนที่มองเห็นได้ชัดเจน ไม่ทันไร จมูกซ่งเสี่ยนก็ปรากฏโลหิตไหลเป็นทาง มองดูแล้วน่าตระหนกตกใจอย่างยิ่ง
ซ่งอิงจึงให้ฉายาติดตัวแก่ซ่งหม่านซานไว้อีกว่า ไอ้คนโง่บรม
เขาชกต่อยอย่างโหดเหี้ยมเพียงนั้น ซ่งเสี่ยนคงต้องเจ็บปวดมากเป็นแน่ อีกเดี๋ยวก็เป็นเรื่องเป็นราวถึงทางด้านพ่อเฒ่า ซึ่งคงต้องได้รับการตำหนิอบรมอีก นี่มันโง่ไปหน่อยเห็นๆ หรอกหรือ
“ข้ารู้สึกขัดหูขัดตาเจ้ามานานแล้ว เอาเปรียบแล้วยังแสร้งทำตัวเป็นคนดี! ซื้อเรือนหลังโตขนาดนั้นยังไม่รู้จักเชิญอาสี่เจ้าอย่างข้าไปนั่งเล่นบ้าง ไม่รู้จักระเบียบปฏิบัติเลยสักนิด ก็สมควรถูกสั่งสอนเสียบ้าง!” ผ่านไปครู่หนึ่ง ซ่งหม่านซานลุกขึ้นมา
เขาเองก็เหนื่อยหอบเช่นกัน หลังปัดๆ แขนเสื้อก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง “เจ้ายังจะรังแกน้องสาวเจ้าอีกหรือไม่ ล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกัน มีอะไรทำไมไม่นั่งพูดคุยกันดีๆ ยังกล้าลงไม้ลงมือกับน้องสาวเจ้าอีก! ลืมไปแล้วหรือว่าบ้านหลังนั้นเป็นใครออกเงินซื้อให้เจ้า? หากเจ้ายังไม่รู้จักจำอีก ข้าก็จะเล่นงานเจ้าอีก!”
“…” ซ่งเสี่ยนจ้องซ่งหม่านซานเขม็งด้วยความโกรธจัด
อาสี่ผู้นี้ คิดไม่ถึงว่ายังมีหน้าพูดจาประเภทนี้ออกมาอีก!
เขาเป็นถึงหลานชายแท้ๆ ของอาสี่! เหตุใดจึงไม่นั่งลงพูดจาดีๆ กับเขาล่ะ?
มิหนำซ้ำ ซ่งอิงไม่ใช่คนครอบครัวซ่งพวกเขา อาสี่ไม่รู้เลยหรือ นี่เห็นคนนอกดีกว่าคนในครอบครัว ไม่รู้จักลืมหูลืมตาดูแล้วหรือไร!
“อาสี่ ท่านพูดจาเช่นนี้หมายความว่าอะไร เรือนหลังนั้นเป็นของที่บ้านใหญ่พวกข้าควรได้รับ เป็นสมบัติของตระกูลซ่ง พวกเราตระซ่งเลี้ยงดูนางตั้งหลายปีเพียงนี้ หากไม่มีตระกูลซ่ง นางก็ตายไปตั้งนานแล้ว เงินก้อนนั้นเป็นสิ่งที่สมควรได้รับแล้วต่างหาก! อีกอย่าง เป็นการซื้อบ้านให้ข้าคนเดียวเท่านั้นหรือ งานเจ้าหน้าที่คุมประตูระบายน้ำที่อาสี่ทำอยู่นั้นก็ใช้เงินก้อนเดียวกันนี้ด้วยมิใช่หรือ?!” ซ่งเสี่ยนกล่าวอย่างโมโห
เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างปวดแสบปวดร้อนที่มุมปาก
เมื่อลูบคลำ เปรอะไปด้วยของเหลว เต็มไปด้วยโลหิตนั่นเอง
อาสี่ช่างโหดเหี้ยมจริงๆ!
“ผิดแล้ว! เรือนของเจ้าใช้เงินของเอ้อร์ยา ส่วนงานเจ้าหน้าที่ควบคุมประตูระบายน้ำของข้านั้น ใช้เงินของท่านพ่อข้าต่างหาก เราไม่เหมือนกันโว้ย” ซ่งหม่านซานส่งเสียงหัวเราะลั่น
“ท่านไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!” ซ่งเสี่ยนโกรธแทบแย่ หลังครุ่นคิด พยายามสงบนิ่งลง แล้วกล่าวว่า “อาสี่ เราคนครอบครัวเดียวกันอย่ามัวพูดแบ่งแยกครอบครัวใครครอบครัวมันอยู่เลย บ๊ะจ่างของเอ้อร์ยานี้ขายดิบขายดี วันเทศกาลตวนอู่จะต้องได้รับความนิยมมากเป็นแน่ หากนางยินยอมเผยตำรับลับออกมา พวกเราก็จ้างบรรดาชาวบ้านมาร่วมกันทำแล้วค่อยเอาไปขายในตลาด! ต่อให้ขายแค่วันเดียว ก็ต้องทำเงินได้จำนวนไม่น้อยแน่นอน ถึงเวลา เงินนี้พวกเราก็แบ่งกันสามคน!”
“เอ้อร์ยา เจ้าลงนามสัญญากับภัตตาคารเย่ว์เฟิงเอาไว้จะต้องมีส่วนแบ่งที่ไม่สูงนักแน่นอนกระมัง? ข้าจะบอกอะไรให้ เถ้าแก่ร้านขนมนั้นเป็นคนตระกูลมารดาเมียข้า ถึงเวลาให้ผลตอบแทนพวกเขาแค่สองส่วนก็พอแล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องดีกว่าให้คนแปลกหน้าได้เงินไป!” ซ่งเสี่ยนเอ่ยเสริมขึ้นมาอีกประโยค
บ๊ะจ่างสูตรตำรับลับที่เขาพูด ไม่เพียงแค่บ๊ะจ่างทองคำธรรมดาทั่วไป แต่เป็นบ๊ะจ่างชั้นยอดที่มีปริมาณจำกัดนั่นด้วย
ภัตตาคารเย่ว์เฟิงนำบ๊ะจ่างขายถึงชิ้นละสองร้อยอีแปะ
ถึงตอนนั้นขายบ๊ะจ่างธรรมดาและบ๊ะจ่างชั้นยอดเยี่ยมผสมปนเปกันไป หาหน้าม้าสักคน ก็บอกว่าบ๊ะจ่างทั้งหมดล้วนเป็นบ๊ะจ่างชั้นยอด แค่ให้ได้เงินของวันนั้นก็พอ ได้เงินมาแล้วก็เผ่นแน่บ คนที่กินแล้วรู้สึกไม่คุ้มค่าก็คงไม่ฟ้องร้องด้วยเรื่องเล็กประเภทนี้ไปได้เช่นกัน
ต่อให้ฟ้องร้อง พวกเขาก็ยืนกร้านคำเดียวว่า บ๊ะจ่างที่ธรรมดานั่นก็เรียกว่าบ๊ะจ่างชั้นยอดเยี่ยมเช่นกัน แล้วใครจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?!