ตอนที่ 133 บุตรชายเติบใหญ่ไม่เชื่อฟังคำพูดมารดาอีกแล้ว
เหตุใดเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่จึงคิดไม่ถึงมาก่อนว่า บุตรชายคนโตจะมีอคติต่อซ่งอิงถึงเพียงนี้
แม้ว่าบางครั้งนางก็คิดว่าเรื่องที่เอ้อร์ยาทำจะเข้มงวดและค่อนข้างดุดันเกินไปสักหน่อย แต่หลักๆ ก็ยังเป็นเพราะว่านางไม่ชอบหร่วนซื่อ ดังนั้นจึงพานให้ไม่ค่อยชอบเอ้อร์ยาไปด้วย
แต่หากตัดหร่วนซื่อออก เอ้อร์ยาก็ไม่มีข้อเสียใดๆ
อย่างน้อยๆ หลังกลับมา ก็ไม่เคยเอะอะให้นางเอาเงินคืน
อีกอย่าง เด็กคนนั้นก็เป็นคนที่นางเห็นมาจนเติบใหญ่ ตอนนั้นเดิมทีพ่อเฒ่าคิดจะยกเด็กคนนั้นให้ครอบครัวบุตรคนโตอย่างพวกเขาเลี้ยงดู แต่เพราะครอบครัวนางมีบุตรสาวแล้วคนหนึ่ง จึงยกให้ครอบครัวน้องรองไป
ซ่งอิงก็แค่ออกไปจากบ้านสองปีเท่านั้นเอง จะให้ตัดขาดนางเพราะสองปีที่ว่านี้ได้อย่างไรกันหรือ นี่นางยินดีแยกครอบครัวออกเรือนไปก็ค่อนข้างดีมากแล้ว
ก่อนหน้านี้ที่ลูกต๋าก่อเรื่อง นางตำหนิไปไม่กี่ประโยค ได้ยินลูกต๋าพูดเช่นกันว่าเป็นหลี่จิ้นเป่าเด็กหนุ่มนั่นใช้ให้ทำเรื่องไม่ดี ลูกต๋ายังเด็กจึงไม่รู้ความ ต้องสั่งสอนให้ดีๆ ระยะนี้พบเห็นซ่งอิงก็ว่านอนสอนง่ายขึ้นมาก ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่ได้มั่วสุมกับหลี่จิ้นเป่าแล้ว จึงคิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นบุตรชายที่เอ่ยคำพูดประเภทนี้ออกมา
ที่ซ่งเสี่ยนเกลียดที่สุดก็คือคนอื่นเอ่ยถึงเรื่องบ้าน
“ท่านแม่ ข้าเป็นหลานชายคนโตของครอบครัวบุตรคนโต ตอนแรกไม่ได้แยกครอบครัว เงินนั้นก็คือเงินที่ให้ท่านปู่ ต่อมาท่านปู่ให้ข้า นั่นก็คือของของข้า มันเกี่ยวข้องอะไรกับซ่งอิงหรือ อีกอย่าง ตระกูลซ่งเลี้ยงดูนางจนเติบใหญ่ขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ได้ติดค้างบุญคุณนางอะไรนี่!” ซ่งเสี่ยนพูดจบ เดินกระฟัดกระเฟียดเข้าห้องนอนไป
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ตระหนกตกใจ
จากนั้นไม่ทันไรทั้งใบหน้าก็บึ้งตึง รู้สึกไม่พอใจ
คำพูดจากปากบุตรชาย…ก็ได้แค่หลอกตัวเองเท่านั้น คนอื่น…คนเขาต่างคิดว่าเป็นเงินที่ซ่งอิงให้นี่?
อีกอย่าง ความจริงก็เป็นเช่นนั้นด้วย!
“ไอ้ลูกไม่เอาไหนคนนี้! พอเติบใหญ่แล้วก็ไม่เชื่อฟังคำแม่แล้วสินะ!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่สบถฮึๆ และชักรู้สึกไม่ค่อยพอใจเผยซื่อด้วยเช่นกัน
หากไม่ใช่เพราะเพื่อสู่ขอเผยซื่อ ก็ไม่ต้องใช้จ่ายเงินมากมายขนาดนี้ อีกทั้งตอนนี้ลูกชายแต่งงานแล้ว วันๆ ยังไม่รู้จักคำนึงถึงครอบครัว ความนึกคิดของเขาไม่ถูกต้อง นั่นก็เพราะลูกสะใภ้ไม่ดี
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่วิตกกังวลเล็กน้อย ยามที่กลับไปห่อบ๊ะจ่างในลานบ้าน ดูแววตาของหร่วนซื่อดูแล้วเหม่อลอยเล็กน้อย
“พี่สะใภ้ใหญ่ น้องสะใภ้ วันนี้ขอบคุณพวกเจ้ามากที่ช่วยพูดแทนอาอิง ล้วนเป็นข้าเองที่เป็นแม่ไม่เอาไหน วาจาเทียบหลิวซื่อผู้นั้นไม่ได้…” หร่วนซื่อเผยสีหน้าน่าสงสาร
“โอ๊ย พูดอะไรแบบนั้น เราคนครอบครัวเดียวกัน ไม่ช่วยนางแล้วจะช่วยใครล่ะ!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ไม่ได้ปั้นหน้าหงิกงอดูถูกเช่นปกติ
หร่วนซื่อได้ยินดังกล่าว รู้สึกได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝันจนเกิดความประหลาดใจ
นางชอบร้องไห้ แต่ไม่ใช่การเสแสร้ง ยามนี้จึงรู้สึกจริงจังว่าเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กินยาผิดหรือไร…
แน่นอนว่า การกินยาผิดนี้กลับกลายเป็นเรื่องดี! คิดไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนมาอ่อนโยนเช่นนี้ได้…
ทางด้านตระกูลซ่งนี้ ต่างคนต่างนึกคิดไปต่างๆ นานา คนในหมู่บ้านต่างก็เริ่มออกค้นหากันให้ทั่วแล้วเช่นกัน
เพราะคนจำนวนมาก ดังนั้นไม่ทันไรก็ค้นหาได้ทั่วรอบหมู่บ้านแล้ว รวมไปถึงบ่อน้ำหรือแม่น้ำหลายสายบริเวณใกล้เคียงที่ขุดเอาไว้ในหมู่บ้านก็ล้วนค้นหาอย่างละเอียดแล้วเช่นกัน ทว่าไม่เจอตัวคน
แล้วยังมีบ้านของซ่งอิง เพื่อหลีกเลี่ยงคนพูดไปเรื่อยเปื่อย ก็มีหญิงวัยกลางคนสามคนเข้าไปมองดูด้วยกัน
ในบ้านสะอาดสะอ้าน ฮั่วหลินไม่อยู่ เนื่องจากกำลังคอยดูเป็ดอยู่ในแปลงนา
ส่วนร่องรอยของผู้ชาย นั่นยิ่งไม่ปรากฏให้เห็นแม้แต่เล็กน้อย
จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของซ่งอิงได้ทันทีทันใด
แน่นอนว่าหลิวซื่อยังคงไม่เชื่อเช่นนั้น แม้แต่ห้องฟืนในบริเวณบ้านซ่งอิงก็ลงมือรื้อออกมาสองรอบ ครั้นพบว่าไม่เจอตัวคนจริงๆ คนกลุ่มใหญ่จึงทยอยเดินตามๆ กันขึ้นเขาไป
ในหมู่บ้านไม่มี เช่นนั้นทำได้เพียงพิจารณาขึ้นเขา
ชาวบ้านเดินไปตามทางที่ผู้คนใช้เดินกันเป็นปกติ แล้วค่อยๆ มุ่งเข้าไปด้านในทีละนิด
การค้นหาบนเขาไม่อาจทำได้อย่างรวดเร็ว วันแรก ยังตามหาตัวคนไม่เจอ
วันที่สอง ก็ยังคงไม่เจอ
ใจของหลิวซื่อค่อยๆ หดหู่ มองแววตาของซ่งอิงจากเคียดแค้นกลายเป็นเลื่อนลอย คนทั้งคนเริ่มวุ่นวายสับสน
หลี่จิ้นเป่าในฐานะบุตรชายก็ไม่อาจเอาแต่หลบอยู่ในบ้านไม่ปรากฏตัวออกมา เพื่อคำนึงถึงชื่อเสียง ก็ติดตามทุกคนขึ้นเขาไปตามหาด้วยเช่นกัน
ตอนที่ 134 ลงโทษ
วันที่สาม ในที่สุดก็เจอหลี่ซานในหลุมกับดัก
ทว่าตอนที่หลี่ซานถูกลากขึ้นมา เนื้อตัวเย็นเฉียบ ลมหายใจรวยริน
ขาทั้งสองข้างของเขาได้รับบาดเจ็บ โลหิตไหลไม่น้อย เป็นการถูกใครบางคนโยนลงไป
“เหตุใดชีวิตข้าจึงทุกข์ระทมอย่างนี้นะ?! ตางเจีย เจ้าฟื้นสิ เจ้าบอกมาสิว่าใครเป็นคนทำร้ายเจ้า!” หลิวซื่อกระโจนใส่ตัวของหลี่ซานและร้องห่มร้องไห้
ซ่งอิงปรายตามองอย่างไม่สะทกสะท้าน
นางไม่กลัวหลี่ซานรอดชีวิต
ต่อให้เขาพูดจาเหลวไหล คนอื่นก็มีแต่จะคิดว่าสองสามีภรรยาสมรู้ร่วมคิดกัน
“หลิวซื่อ เจ้าคงไม่คิดอีกว่าเป็นเอ้อร์ยาทำร้ายสามีเจ้าหรอกกระมัง? เอ้อร์ยานางขนาดตัวเท่าใด? สามีเจ้าขนาดตัวเท่าใด จะโยนเขาลงในหลุมกับดักได้หรือ ข้าว่าเจ้าหยุดแต่เพียงเท่านี้เถอะ ไม่ตายก็ดีแค่ไหนแล้ว ดูแลไปสักปีครึ่ง เขาเองก็แค่สมรรถภาพในการทำงานลดน้อยลงหน่อยก็เท่านั้น…”
“ถุย! เป็นฝีมือนางนั่นละ! จะต้องเป็นนางขึ้นมาบนเขากับสามีข้าแน่นอน จากนั้นสามีข้าก็ตกลงไปในหลุมกับดัก นางกลัวความผิดก็เลยหนี!” หลิวซื่อกล่าว
“เหอะ หลิวซื่อ สมองเจ้าเลอะเลือนไปแล้วใช่หรือไม่ เอ่ยว่าสามีเจ้าไม่ได้มาหาผู้หญิง เจ้าก็ยังไม่พึงพอใจอีกหรือ?” ซ่งหม่านซานอยากจะเล่นงานนางให้น่วมเสียแล้ว
นี่มันบ้าบออะไร!
“เลิกร้องไห้ได้แล้ว! เรื่องนี้ข้ามีคำตอบอยู่ในใจแล้ว” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยปากขึ้นกะทันหัน แล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง “วันนี้ข้าได้รับข่าวคราวจากในอำเภอมาอีกด้วยว่า หัวขโมยที่หนีออกมาจากตัวอำเภอถูกจับตัวแล้ว ได้ยินว่าจับได้บนเขาที่อยู่ใกล้ๆ กับหมู่บ้านพวกเรา ปกติแล้วหลี่ซานก็ชอบเดินเตร็ดเตร่อยู่ตามเขา บางทีอาจโชคร้าย เจอพวกโจรทำร้ายจนเขาได้รับบาดเจ็บ แล้วจับเขาโยนลงไปตรงนั้นก็เป็นได้”
เขามองดูบาดแผลบนเรือนร่างหลี่ซานดูแตกต่างจากทั่วไป น่าจะไม่เพียงแค่เสียหลักล้มคะมำเท่านั้น
ซ่งอิงพยักหน้า หัวหน้าหมู่บ้านพูดได้อย่างมีเหตุผล จะต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน
หลิวซื่อนิ่งอึ้งไป
เป็นไปไม่ได้ เป็นซ่งอิงต่างหากละ!
“เช่นนั้นในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ควรลากหลิวซื่อไปลงไม้โบยที่โถงบรรพบุรุษแล้วใช่หรือไม่” ซ่งหม่านซานพูดอย่างสุขสำราญใจ
หลี่จิ้นเป่าเสนอหน้าออกมากะทันหัน “ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้านขอรับ! ท่านพ่อข้าก็เป็นเช่นนี้แล้ว ท่านแม่ข้าก็แค่เป็นห่วงเขา…ขอท่านโปรดปรานีด้วยขอรับ”
“ให้ความปรานีหลิวซื่อแล้วใครเคยให้ความปรานีลูกสาวข้าบ้าง!” หร่วนซื่อตาแดงก่ำ ระเบิดอารมณ์ออกมาหนึ่งประโยค แววตาดูเดือดดาลเล็กน้อย “เมื่อวานเป็นวันเทศกาลตวนอู่แท้ๆ ครอบครัวข้ากลับไม่ได้ฉลองเทศกาลกันอย่างสงบสุข…หากมิใช่เพราะหาตัวคนเจอแล้ว ลูกสาวบ้านข้า…ไม่เป็นอันต้องถูกคนติฉินนิทาตลอดไปเลยหรือ…”
นับแต่บุตรสาวไปอยู่ทางด้านญาติห่างๆ พวกเขาครอบครัวบุตรคนรองก็ไม่เคยได้ฉลองเทศกาลใดๆ อย่างเป็นกิจลักษณะ
หลังบุตรสาวกลับมา ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ต้องคอยดูแลรักษามาตลอด ทั้งครอบครัวตกอยู่ในความเศร้าหมอง ไม่ง่ายเลยกว่าบุตรสาวจะมีชีวิตที่สุขสบายขึ้นมาหน่อย ทุกคนจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอย่างมีความสุขกันสักที ใครจะรู้ว่ากลับต้องเผชิญเรื่องราวประเภทนี้อีก!
“พูดได้ไม่เลว บ้านเมืองมีกฎหมายบ้านเมือง ตระกูลมีกฎประจำตระกูล หลิวซื่อพูดจาให้ร้ายคนอื่น จำเป็นต้องถูกลงโทษ ไม่เพียงแค่ต้องลงไม้โบย เงินสิบตำลึงเงินนั้นก็ต้องจ่ายมาด้วยเช่นกัน หากพวกเจ้าไม่พอใจ ก็ออกไปจากหมู่บ้านซิ่งฮวาเสีย แล้วห้ามกลับมาเหยียบที่นี่อีกตลอดไป!” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว
หลี่จิ้นเป่าเนื้อตัวแข็งทื่อไปหมดหลังได้ยิน ไม่กล้าเชื่อว่าเป็นความจริง
เรื่องราวชักจะไปกันใหญ่ เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?!
ขับไล่ออกจากหมู่บ้าน…
นี่เป็นถิ่นฐานบ้านเกิดเชียวนะ ต่อให้พกเงินไปด้วย ใช้ชีวิตภายนอกก็ไม่ได้สุขสบายเพียงนั้น ถึงอย่างไรก็ต้องหาสถานที่สักแห่งตั้งหลักปักฐานอยู่ดี? หลังตั้งหลักปักฐานก็ต้องซื้อที่ดินใหม่อีก? แต่เมื่อไปยังสถานที่อื่น คนในหมู่บ้านเหล่านั้นก็จะไม่ข้องเกี่ยวด้วยอยู่ดี!
โดยสรุป ครอบครัวพวกเขายังไม่ถึงขั้นใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายได้ และไปตั้งหลักปักฐานไม่ได้ตามอำเภอใจ!
อีกอย่าง หากถูกหัวหน้าหมู่บ้านขับไล่ออกไป ก็จะปรากฏบันทึกอยู่ในสำมะโนครัวด้วย ครั้นไปยังที่อื่น ก็จะถูกคนสอบถามจนได้ความออกมา ถึงเวลาก็จะไม่ได้รับการต้อนรับอยู่ดี!
“ท่านแม่…เช่นนั้นก็…ยอมถูกโบยแล้วกัน…” ท้ายที่สุดหลี่จิ้นเป่าก็เอ่ยพูดขึ้นมา
หลิวซื่อตกตะลึงไปชั่วครู่ ในสมองเกิดเสียงดังกึกก้อง แบกรับไม่ไหวอีกต่อไป ตาเหลือกขึ้นเป็นลมล้มพับไป
ซ่งอิงไม่สนว่านางเป็นลมจริงหรือเสแสร้ง เพียงกล่าวว่า “หลิวซานเหนียงกลัวการลงโทษ เช่นนั้นเอาแบบนี้แล้วกัน แทนที่จะลงไม้โบยก็เปลี่ยนเป็นตบปาก ความแรงก็ไม่ได้หนักหนา ตบเสร็จแล้วยังไม่รบกวนเวลาเข้าไร่ทำงานอีกด้วย ส่วนเงินก็ชดใช้ตามเดิมที่ตกลงไว้ เป็นเช่นไร?”