ตอนที่ 131 ปากศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่รู้ว่าซ่งอิงถูกใส่ร้ายป้ายสี หร่วนซื่อเอ่ยปากด่าทอคนเขา ตอนนั้นอยากกัดคอหลิวซื่อให้ขาดเสียให้รู้แล้วรู้รอด อยากสาดคำที่เลวร้ายที่สุดในใต้หล้านี้ไปบนตัวของหลิวซื่อ แต่หลังวิ่งมาตลอดทาง คำที่เจ็บแสบเหล่านั้นก็เหมือนร่วงหล่นไปตามรายทางก็ไม่ปาน คำพูดที่พอนึกขึ้นมาได้มีไม่กี่คำ เหลือเพียงกรอบดวงตาร้อนผ่าว
โชคดีที่พี่น้องสะใภ้ปากคอดีกว่านางหน่อย!
แน่นอนว่า เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่และเจียวซื่อก็ไม่ใช่ว่าเพราะความมีน้ำใจแต่อย่างใด
หากแต่เพราะว่า…
พวกนางทั้งสองคนล้วนมีบุตรสาว
หลานสาวคนโตของตระกูลซ่งออกเรือนไปแล้ว หลานสาวลำดับที่สามปีนี้ยังอายุน้อย เพิ่งแปดขวบเท่านั้น แต่แม้เป็นเช่นนี้ หากเพราะซ่งอิงจึงปรากฏคำพูดในทางไม่ดีอะไรแพร่งพรายออกไป เช่นนั้นก็จะส่งผลกระทบต่อพวกนางทั้งสองด้วยเช่นกัน
พวกนางในฐานะมารดา จะมองดูบุตรสาวของครอบครัวตนเองติดร่างแหไปด้วยหน้าตาเฉยได้ที่ไหนกัน?
ดังนั้นจำเป็นต้องช่วยออกโรงแทนซ่งอิง
อย่าว่าแต่ซ่งอิงไม่อาจกระทำเรื่องเช่นนี้ได้เลย ต่อให้นางทำจริงๆ ก็จะพูดจากดำให้เป็นขาว จะลดทอนผลกระทบให้ต่ำที่สุด!
“พวกเจ้าอาศัยคนมากรังแกข้า! จนถึงตอนนี้ยังหาสามีข้าไม่เจอเลย!” หลิวซื่อกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
“สามีเจ้า? เดิมทีหลี่ซานก็เป็นพวกเสเพล ระยะนี้ก็ชอบไปเดินขึ้นเขาลงเขาเตร็ดเตร่ให้ทั่ว ไม่แน่ว่าจะตกหลุมกับดักบนเขาตายไปแล้วก็ได้” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กล่าวเหน็บแนมเชิงสาปแช่ง
นัยน์ตาซ่งอิงพลันลุกวาว
ปากป้าสะใภ้ใหญ่ผู้นี้บางทีอาจศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่น้อย
“ใช่ๆๆ หลังฤดูการเพาะปลูก คนหมู่บ้านพวกเราต่างก็เห็นสามีเจ้าไม่ทำการทำงานอะไร วันๆ เอาแต่ทำตัวผิดปกติเหมือนกับโดนของอย่างไรอย่างนั้น ไม่แน่นะ เพราะเจ้าเกลียดที่สามีเจ้าไม่เอาไหนเกินไป พลันเดือดดาล หน้ามืดตามัวขึ้นมาทุบตีเขาจนตายแล้วเอาไปซ่อนไว้ และเห็นหลานสาวตระกูลข้าหาเงินได้ ในใจเกิดความริษยา ก็เลยใส่ร้ายป้ายสีนาง!” เจียวซื่อฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ก็เริ่มจุดประเด็นอย่างดุเดือด
ซ่งอิงลอบชูนิ้วหัวแม่โป้ง
“ข้าได้ยินมาว่าหลี่ซานเคยปล่อยไข่หนอนในแปลงนาของหลานสาวข้าด้วยหรือ” ซ่งหม่านซานเอ่ยปาก “หากเป็นเช่นนั้น ก็ยิ่งจำเป็นต้องตามหาทุกซอกทุกมุมเอาตัวเขาออกมาให้ได้”
“เรื่องเอาหนอนมาทำร้ายกันยังไม่ทันสะสาง คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ยังโง่เขลาใช้วิธีการเช่นนี้ทำร้ายผู้อื่นอีก หากหมู่บ้านเราปีนี้ไม่ได้ผลผลิตจากการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ นั่นก็คือความผิดของหลี่ซาน! หลิวซื่อ ครอบครัวเจ้ายังมีเงินอยู่หรือไม่ ต้องชดใช้ด้วยเงินเท่านั้น!” ซ่งหม่านซานกล่าวขึ้นอีกครั้ง
หลิวซื่อหน้าแข็งทื่อหลังได้ยินดังกล่าว
“เป็นนางต่างหากที่หน้าไม่อายยั่วยวนสามีข้า มีสิทธิ์อะไรมาให้ข้าชดใช้เงิน?!” หลิวซื่อกล่าวอย่างสติแตก
“เจ้ามีหลักฐานหรือ ทุกคนอย่าหาว่าข้าพูดจาน่าเกลียดเลยนะ…คำโบราณกล่าวไว้อย่างดี การจะจับคนล่วงประเวณีต้องจับให้ได้คาหนังคาเขาทั้งสองคนพร้อมๆ กัน หลานสาวข้ายังยืนอยู่ทนโท่ตรงนี้ สามีเจ้าไปตายที่ไหนเสียแล้วหรือ ไม่มีหลักฐานกลับพูดจาเหลวไหล นั่นก็คือการวอนหาเรื่อง! เรื่องราวที่เจ้าฟ้องร้องไม่มีหลักฐานสักอย่าง แต่พวกข้ากลับมีหลักฐานเรื่องที่ปล่อยไข่หนอนนั่น ก่อนหน้านี้ใครต่อใครล้วนเห็นกับตาไม่ใช่หรือ ดังนั้น รีบๆ เอาหลักฐานมาเสียก่อนสิ!” ซ่งหม่านซานเอ่ยพูดภายใต้สีหน้าสบายๆ
ซ่งจินซานพยักหน้า
น้องสี่พูดมีเหตุผล
หัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจ
“เอ้อร์ยามาทางด้านข้านี้ตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อนำเงินสิบตำลึงเงินมาบริจาค เอ่ยว่าหาเงินได้เล็กน้อย อยากเจริญรอยตามสามีนางทำเรื่องดีๆ ให้หมู่บ้านด้วยเช่นกัน หากเมื่อคืนกระทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงกับคนอื่น เห็นข้าหัวหน้าหมู่บ้านผู้นี้ย่อมต้องวิตกกังวลเป็นแน่ มีที่ไหนจะเป็นฝ่ายมาหาข้าถึงที่? อีกทั้งตอนนี้ในหมู่บ้านไม่มีคนเป็นพยานในคำพูดหลิวซื่อได้ ดังนั้นไม่ว่าใครก็อย่าได้พูดจาเหลวไหลอีก!”
“ส่วน…การหายตัวไปของหลี่ซาน ให้เป็นหน้าที่ชายผู้กล้ากำยำแข็งแรงทั้งหมู่บ้าน พร้อมด้วยเด็กหนุ่มในครอบครัว ตามหาให้ทั่ว!” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว
“ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้าน หากสถานที่ที่พบเจอคนเขาไม่เกี่ยวข้องกับข้าล่ะเจ้าคะ จะจัดการหลิวซื่ออย่างไรหรือ ความบริสุทธิ์ของสตรีเปรียบได้ดั่งชีวิตนะเจ้าคะ? หากข้าอับอายไม่กล้าโต้แย้ง ตอนนี้ไม่ใช่ถูกบีบบังคับให้ไปตายแล้วหรือเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าว
หร่วนซื่อรั้งซ่งอิงเข้ามาโอบกอด จ้องเขม็งใส่หลิวซื่ออย่างเคียดแค้น
“หากหลักฐานบ่งบอกว่าเจ้าถูกใส่ร้าย แน่นอนว่าต้องลงโทษหลิวซื่อ” หัวหน้าหมู่บ้านครุ่นคิด แล้วกล่าว “หากหลิวซื่อพูดจาเหลวไหล ก็จะถูกเฆี่ยนตีสี่สิบไม้โบย และชดใช้เงินสิบตำลึงเงิน”
ตอนที่ 132 ว่ากล่าวลับหลัง
ครั้นหัวหน้าหมู่บ้านพูดออกมาเช่นนี้ หลิวซื่อเหลือกตามองบนเกือบเป็นลมล้มพับ
“สิบตำลึงเงิน?! ไยไม่ปล้นเสียเลยล่ะ?!” หลิวซื่อตะคอกอย่างโกรธจัด
“หลิวซานเหนียง ไม่ใช่ตัวท่านเองที่พูดอย่างมั่นใจว่าข้ากระทำเรื่องผิดๆ ไว้แล้วหรอกหรือ หากข้ากระทำเรื่องน่ารังเกียจอย่างการลักลอบคบชู้แล้วจริง ไม่ต้องให้ท่านบอก ข้าก็จะขุดหลุมฝังตัวเองทันที! หากท่านไม่กล้าตอบรับบทลงโทษที่น้อยนิดเพียงนี้ เช่นนั้นก็แสดงว่าท่านร้อนตัว และไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวใดๆ เพียงแค่จงใจให้ร้ายกันเท่านั้น ความนึกคิดชั่วร้ายเช่นนี้ จะให้อภัยกันได้อย่างไรหรือ ต่อให้เฆี่ยนตีท่านจนตายก็ยังเป็นสิ่งที่สมควรกระทำด้วยซ้ำ!” ซ่งอิงกล่าวน้ำเสียงเย็นชา
“หลานสาวข้าพูดถูก” ซ่งหม่านซานยิ้มเจ้าเล่ห์ “หากตอนนี้เจ้าจะไม่ฟ้องร้องแล้ว เช่นนั้นก็ย่อมได้เช่นกัน งานที่ข้าทำอยู่นั้นมีวันหยุดมากมายทีเดียว ไว้วันหลังก็จะมาในหมู่บ้านบ่อยๆ พูดคุยกับลูกชายเจ้าให้เต็มที่…”
หลิวซื่อหวาดกลัวตัวสั่นเทาขึ้นมาชั่ววูบ
ซ่งหม่านซานเป็นคนไม่มีหลักการคนหนึ่ง ขอเพียงเป็นสิ่งที่ตนเองต้องการกระทำ ก็จะทำโดยไม่สนใครหน้าไหน ก่อนหน้าไปทำงานเจ้าหน้าที่ควบคุมประตูระบายน้ำ เขาเป็นคนขยันใช้กำลังกับผู้คน รังแกเด็ก ทะเลาะวิวาทด่าทอผู้คน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เคยทำมาแล้วทั้งนั้น
บุตรชายนางเป็นคนซื่อ ร่างกายบอบบาง หากวันๆ ซ่งหม่านซานเอาแต่ข่มขู่เขาให้กลัว เช่นนั้นยังจะแบกรับไหวหรือ
หลิวซื่อครุ่นคิด
เมื่อวานสามีเอ่ยไว้จริงๆ ว่าจะไปขโมยของทางด้านซ่งอิง…
ต่อให้ไม่ได้มีอะไรอย่างว่ากับซ่งอิง ทว่าในมือจะต้องมีสิ่งของสักอย่างของบ้านซ่งอิงติดไปบ้างสิ
ขอเพียงหาตัวคนเจอ แล้วเอาสิ่งของนั้นหยิบออกมาดู เอ่ยว่าเป็นของที่ซ่งอิงให้ เพียงเท่านั้นซ่งอิงก็จะไร้ข้อโต้แย้งไปโดยปริยาย
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้จะไม่ตกปากรับคำก็ไม่ได้เช่นกัน
ดังนั้น หลิวซื่อทำได้เพียงพยักหน้า
ไม่นานนัก หัวหน้าหมู่บ้านก็จัดแจงให้ทั่วทั้งหมูบ้านลงมือ
คนหายตัวไป นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ อย่างไรเสียหมู่บ้านซิ่งฮวาพวกเขาก็อยู่ใกล้ภูเขา เมื่อก่อนเคยเกิดเหตุการณ์เด็กในครอบครัวถูกสัตว์ป่าดุร้ายคาบเอาไปเช่นกัน จึงจำเป็นต้องตรวจสอบอย่างจริงจัง หากเป็นฝีมือสัตว์ป่า เช่นนั้นก็ต้องรวบรวมกำลังพลล่าสัตว์ดุร้าย ขจัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นอีกในภายหลัง
ทุกบ้านอย่างน้อยต้องส่งบุตรชายออกมาคนหนึ่ง แน่นอนว่าที่ไม่มีบุตรชายหรือมีเพียงคนเดียว นั่นก็ไม่เป็นไร ซึ่งก็เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุเหนือความคาดหมาย
หมู่บ้านซิ่งฮวา ในหมู่บ้านมีอยู่เกือบๆ สองร้อยครัวเรือน
คนที่รวบรวมได้มีไม่น้อย
ทางด้านตระกูลซ่ง น้องสี่ออกโรงแล้วทั้งที เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่หลังกลับบ้านไปเห็นบุตรชายของตนเองจึงเอ่ยปากพูด “ลูกเสี่ยน เจ้าก็ไปช่วยดูด้วยสิ หลายๆ คนไม่แน่ว่าจะตามตัวเจอไวขึ้นหน่อย จะได้ทำให้หลิวซื่อผู้นั้นพูดอะไรไม่ได้อีก”
ซ่งเสี่ยนแค่นหัวเราะ
“น้องรองกระทำเรื่องน่าอับอายประเภทนี้ คิดไม่ถึงว่ายังต้องโวยวายให้ทั่วทั้งหมู่บ้านรับรู้กันอีกด้วย?” ซ่งเสี่ยนกล่าว
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ตะลึงงัน ก่อนหันขวับมองเขา
“เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร? แม้นิสัยใจคอเอ้อร์ยาไม่ค่อยดีสักเท่าไร แต่จะไปถูกตาต้องใจหลี่ซานได้อย่างไรกัน? ต้องเป็นหลิวซื่อใส่ร้ายป้ายสีนางแน่นอน!?”
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ทอดถอนใจ “เจ้ายังโกรธเด็กสาวนั่นที่เมื่อวานทำให้เจ้าและพ่อเจ้าต้องคุกเข่าในลานบ้านสินะ? ลูกแม่ เรื่องนี้น่ะ…ตามจริงครอบครัวเราก็ทำไม่ค่อยถูกจริงๆ เจ้าเป็นลูกผู้ชาย คุกเข่าแค่คืนเดียวจะเป็นไรไป ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรด้วย หากเจ้าไม่พึงพอใจ ครั้งหน้าจับข้อบกพร่องของนางเด็กสาวนั่นได้ ค่อยฟ้องให้ท่านปู่เจ้าเล่นงานนางก็ย่อมได้ แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียง จะทำเป็นเล่นไม่ได้โดยเด็ดขาด”
“เจ้าไม่แยแสเอ้อร์ยา แต่ยังต้องนึกถึงน้องสาวของเจ้าเองด้วย ต้ายา[1]ของพวกเราเพิ่งแต่งไปไม่ถึงปี ยังไม่ทันยืนหยัดได้มั่นคงเลย หากในครอบครัวมีเรื่องนี้แพร่งพรายไปทั่ว เช่นนั้นครอบครัวสามีนางจะต้องหัวเราะเยาะนางแน่” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งเสี่ยนรู้สึกรำคาญเล็กน้อย
“ซ่งอิงไม่ใช่คนที่เกิดจากครอบครัวพวกเราสักหน่อย เรื่องที่นางทำจะเกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย? ท่านแม่ จะไปท่านก็ไปเองเถอะ เมื่อคืนข้าไม่ได้นอนทั้งคืน เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว!” ซ่งเสี่ยนกล่าว
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ได้ยินถึงกับตะลึงงันเล็กน้อย
นาทีถัดมา นางก็ยื่นมือออกไปหยิกท่อนแขนซ่งเสี่ยน “ไอ้ลูกคนนี้อายุเท่าไรแล้วยังไม่รู้ความอีก!? เอ้อร์ยาก็คือคนของตระกูลซ่งเรา แยกครอบครัวส่วนแยกครอบครัว แต่ต้องยอมรับว่าเด็กสาวนั่นเป็นคนของตระกูลเรา! แม้ว่าแม่ก็ไม่ยินดีที่จะเอ่ยเช่นนี้ แต่เงินสร้างบ้านและแต่งเมียให้เจ้าก็ต้องขอบคุณเอ้อร์ยานาง หากเราไม่ยอมรับคนเขา จะไม่ถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ว่ากล่าวลับหลังเอาหรือ?!”
———————-
[1] ต้ายา (大丫) คำเรียกบุตรสาวที่อยู่ในครอบครัว หรือตระกูลเป็นลำดับที่หนึ่ง