ตอนที่ 145 แก่แล้วเลอะเลือน
ซ่งเสี่ยนได้ยินคำพูดที่ซ่งหม่านซานตะโกน แข้งขาพลันอ่อนยวบ เกือบล้มคะมำ ถลึงตาจับจ้องแผ่นหลังของซ่งหม่านซาน อยากจะมองให้ทะลุทะลวงเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ซ่งหม่านซานเป็นคนที่หัวไวเสียยิ่งอะไร ไม่เปิดโอกาสให้ซ่งเสี่ยนแม้แต่น้อย เร่งฝีก้าวปรี่เข้าไปในห้องอย่างฉับไว
เขาเกรงกลัวว่าชายชราจะไม่เชื่อ จึงเอ่ยปากล่าวขึ้นอีกครา “ท่านพ่อ ครั้งนี้ข้าไม่ได้โกหกท่านจริงๆ นะขอรับ ตอนที่ข้าพร้อมบรรดาสหายไปถึง ซ่งเสี่ยนกำลังทำท่าทางราวกับลูกผู้ว่านอนสอนง่ายช่วยรินน้ำชาให้เผยเหล่าเอ้อร์อยู่พอดีเชียวละ! ข้าขอให้เขากลับมาเขาก็ไม่ยินยอม ข้าจึงทำได้เพียงเอ่ยว่าตอนนี้ท่านป่วยหนัก แต่เขาก็ยังคงลังเลอยู่พักใหญ่ ภายหลังต่อมาหากมิใช่เพราะข้าหยิบยกบ้านหลังนั้นของเขามาเอ่ย แล้วเผยเหล่าเอ้อร์ผู้นั้นยินยอม วันนี้หลานชายคนโตท่าน เกรงว่าก็คงต้องเปลี่ยนแซ่แล้วละขอรับ!”
“หากท่านไม่เชื่อ ท่านถามพี่รองข้าก็ได้ ถึงอย่างไรคำพูดของพี่รองก็คงไม่หลอกลวงไปได้กระมัง?” ซ่งหม่านซานส่งสายตาให้ซ่งจินซาน
ซ่งจินซานอุปนิสัยหนักแน่นสุขุม แต่เป็นคนซื่อสัตย์และรักความเป็นธรรมมาแต่ไหนแต่ไร เรื่องราวเป็นมาอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น สำหรับชายชราแล้ว เขาก็เป็นผู้ที่ขึ้นชื่อว่าคำพูดคำจาเชื่อถือได้
ซ่งจินซานนึกย้อนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอำเภอ ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่น้องสี่กล่าว ด้วยเหตุนี้จึงพยักหน้าแล้วเอ่ยพูด “ท่านพ่อ น้องสี่มิได้โกหกท่านขอรับ”
ซ่งเสี่ยนกลับมาได้ ก็เป็นเพราะเผยเหล่าเอ้อร์ยินยอมเห็นด้วยจริงๆ
ชายชราสีหน้าย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม
หลานชายที่เลี้ยงดูอย่างดีจนเติบใหญ่ คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นของครอบครัวผู้อื่นเสียแล้ว?
รู้สึกเพียงแน่นหน้าอก คล้ายว่ามีก้อนศิลาขนาดใหญ่หนึ่งก้อนกดทับ
“ท่านปู่…ก็แค่บ๊ะจ่างจำนวนหนึ่งเท่านั้น อีกเดี๋ยวข้าได้ส่วนแบ่งจากเงินที่ขายมาได้ ก็ต้องแบ่งเงินให้น้องรองด้วยอยู่แล้ว มิหนำซ้ำจะต้องได้ไม่น้อยไปกว่าที่นางขายให้ภัตตาคารเย่ว์เฟิงเป็นแน่…” ซ่งเสี่ยนกล่าวทันที
“เจ้า ไอ้คนสารเลว!” ชายชรายกมือขึ้นคว้าถ้วยชาที่อยู่ข้างมือปาใส่
ปากถ้วยกระแทกเข้าไปหน้าผากของซ่งเสี่ยนพอดิบพอดี ทันใดนั้นก็ปรากฏรอยโลหิตไหลออกมาเป็นทาง
ชายชราใจหายวูบอย่างไม่รู้ตัว แต่จากนั้นไม่ทันไรความโกรธจัดก็ยังมีชัยเหนือกว่า
“ไปคุกเข่าในลานบ้าน! อีกเดี๋ยวเอ้อร์ยาจัดการเรื่องในบ้านเรียบร้อยแล้ว ก็จะเอาตัวเจ้าไปพบขุนนางทันที!” ชายชราโกรธเกรี้ยวจนเหนือตัวสั่นเทา
“พบขุนนาง!?” ซ่งเสี่ยนเงยหน้าทันที “ท่านปู่ ท่านแก่จนเลอะเลือนไปแล้วหรือ? ข้าเป็นคนตระกูลซ่งนะ หากท่านส่งข้าไปพบขุนนาง เช่นนั้นหน้าตาครอบครัวซ่งพวกเราไม่ต้องเอาไว้กันแล้วหรือ?!”
“หุบปาก! ตัวเจ้าเองกระทำเรื่องผิดๆ ยังไม่คิดละอายแก่ใจปรุบปรุงแก้ไข ไยข้าจึงสั่งสอนหลานชายที่ไร้ยางอายเช่นเจ้าผู้นี้ออกมาได้!” ชายชราตัวสั่นเทาหนักยิ่งขึ้น
เขาแก่จนเลอะเลือนไปแล้ว?
เหอะ! หลายปีมานี้แม้ว่าเขาจะเข้าข้างหลานเสี่ยน แต่ก็บอกกล่าวซ่งเสี่ยนไว้ไม่น้อยว่า ในฐานะบุตรคนโตของครอบครัวบุตรคนโต ภายภาคหน้าจะต้องรับผิดชอบภาระทั้งครอบครัวให้ได้ คอยสั่งสอนและดูแลน้องชายน้องสาว แล้วเหตุใดจึงกลายเป็นคนคดโกงเช่นนี้?!
หากเมื่อก่อนยังพอมีความคาดหวังในตัวเขาอยู่บ้าง ในยามนี้ ชายชราไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ แล้วจริงจัง
ทั่วทั้งหมู่บ้านซิ่งฮวา จะมีเด็กรุ่นหลังสักกี่คนริอ่านตะโกนเรียกผู้ชราอย่างนี้ ถึงขั้นตำหนิว่าแก่เลอะเลือนไปแล้ว?
“ท่านพ่อ ท่านจริงจังหรือ” ดวงตาของซ่งเสี่ยนพลันแสดงถึงความโกรธจัด “ก็แค่บ๊ะจ่างห่วยแตกไม่กี่ชิ้นเท่านั้นเอง! มีสิทธิ์อะไรให้ข้าไปเจอขุนนาง?! ข้าเอาของของครอบครัวตัวเองไปจะผิดอะไรหรือ!”
“นั่นเป็นของของเอ้อร์ยา เป็นของน้องสาวเจ้า เจ้าไม่ถามไถ่ก็หยิบเอาไป ซึ่งนั่นคือการขโมย!” ชายชรารู้สึกเพียงลำคอและดวงตาร้อนผ่าวคล้ายอยากจะร้องไห้
ครั้นซ่งเสี่ยนได้ยินก็ยิ่งโกรธเกรี้ยว
“นางเป็นคนที่เก็บเอามาเลี้ยง! นางเด็กเวรที่พ่อแม่ล้วนไม่ต้องการ ครอบครัวซ่งพวกเราให้ข้าวนางกินนางก็ควรต้องรู้สึกเป็นบุญคุณล้นพ้นแล้ว ได้ตำรับลับมาแล้วยังปิดบัง ต้องการจะปิดบังใครหรือ ไม่ได้เห็นพวกเราเป็นคนครอบครัวเดียวกันเลยสักนิด! ท่านปู่ ท่านถูกวางยาในน้ำแกงให้เลอะเลือนไปแล้ว! หรือว่าท่านยังวาดหวังให้พ่อแม่ของนางเด็กสาวสารเลวผู้นี้มาซาบซึ้งในน้ำใจท่านใช่หรือไม่”
“ใครบ้างไม่รู้ว่าซ่งอิงถูกทอดทิ้ง?! นางเปลี่ยนไปอยู่ในสภาพเช่นผีหวนกลับมา หนำซ้ำไม่รู้เลยว่าไปสร้างความบาดหมางให้ผู้อื่นไว้เท่าใด ท่านยังจะปกป้องนางขนาดนี้ ไม่กลัวหรือว่าอริของนางรับรู้เข้า ก็จะมาทำร้ายตระกูลซ่งพวกเราทุกคน!?”
ตอนที่ 146 ล้วนเป็นเพราะเจ้าตามใจ
ซ่งเสี่ยนพูดจบ ดวงตาขุ่นมัวของชายชราปรากฏเส้นเลือดฝอย ไม่กล้าเชื่อในคำพูดที่ตนเองได้ยิน
คิดไม่ถึงว่าเขาจะคิดเช่นนี้!
แม้ไม่ได้เกิดออกมาจากท้องเดียวกัน แต่สิบกว่าปีที่อาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน จะไม่มีความรู้สึกสายสัมพันธ์ใดๆ เลยแม้แต่น้อยเช่นนั้นหรือ!
“ไสหัวไป ไสหัวออกไป!” ชายชราฟาดมือตบโต๊ะเต็มแรง ดูแล้วโกรธเกรี้ยวไม่เบา สติสัมปชัญญะไม่หลงเหลืออีกแล้ว
หม่าซื่ออยู่ด้านข้างได้แต่สงบเสงี่ยม แม้รู้สึกเดือดดาล ไม่กล้าระบายออกมา
ต่อให้เป็นซ่งหม่านซานก็ยังตกอกตกใจเช่นกัน เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบลากซ่งเสี่ยนออกไปจากห้องโถงกลาง จับคนเขาโยนไปในลานบ้าน แต่ด้วยความกลัวว่าซ่งเสี่ยนจะหนีไปจึง หาเชือกเอามาแล้วมัดตัวไว้
จากนั้นนำบ๊ะจ่างที่เหลือ ส่งไปให้ทางด้านซ่งอิง
ไส้บ๊ะจ่างยังเหลือครึ่งหนึ่ง หลังตระกูลเผยเอาไส้บ๊ะจ่างไป เอาไว้กินกันในครอบครัวตัวเองแล้วจำนวนหนึ่ง และขายส่วนหนึ่งให้กับภัตตาคารเล็กๆ ที่มีมิตรสัมพันธ์ดีต่อกัน ส่วนที่เหลือเหล่านั้นจึงเอามาขายปลีก อ้างว่าเป็นบ๊ะจ่างทองคำชั้นยอดเยี่ยม แต่ขายในราคาที่ถูกกว่าภัตตาคารเย่ว์เฟิง บ๊ะจ่างหนึ่งชิ้นไม่ว่าไส้อะไรล้วนราคาห้าสิบอีแปะ ดังนั้นขายออกค่อนข้างรวดเร็ว แน่นอนว่าแม้ดูเหมือนราคาถูกกว่าภัตตาคารเย่ว์เฟิง แต่กลับทำเงินได้จำนวนไม่น้อยเช่นกัน
ไส้บ๊ะจ่างที่เหลือ ซ่งอิงตรวจสอบก่อนหนึ่งรอบ หลังมั่นใจว่าไม่มีปัญหาอะไร จึงให้คนเริ่มลงมือห่อ
หนึ่งคืนผ่านไป บ๊ะจ่างถูกเตรียมไว้ครบถ้วน
แน่นอนว่าหลังทำงานที่ควรทำเสร็จสิ้น ซ่งอิงไม่ไว้หน้าแต่อย่างใด ขอให้บิดากุมตัวซ่งเสี่ยนกุมไปส่งยังจวนขุนนางในตัวอำเภอ
เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ คงเป็นไปไม่ได้ที่คนในหมู่บ้านจะไม่รู้เรื่อง ทุกคนต่างก็ตระหนกตกใจ
นี่เป็นถึงหลานชายแท้ๆ ของตระกูลซ่งเชียวนะ ใครบ้างไม่รู้ว่าพ่อเฒ่าซ่งเอ็นดูหลานชายผู้นี้มากที่สุด? แต่ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะนำตัวหลานชายผู้นี้ไปส่งยังที่ว่าการอำเภอเพื่อซ่งอิง? นี่จะเหลือเชื่อเกินไปแล้วกระมัง?
ในตอนแรก ก็มีคนชราจำนวนไม่น้อยไปหาซ่งเหล่าเกิน
แต่ซ่งเหล่าเกินไม่เจอหน้าใครทั้งนั้น เอาแต่นอนลูกเดียว
โกรธจนตลอดทั้งคืนหลับไม่ลง วันรุ่งขึ้นมีการอาการมึนๆ งงๆ ร่างกายอ่อนระทวยไปหมด
หม่าซื่อดูแลเขาอย่างระมัดระวัง ขณะที่ชายชรามองหม่าซื่อ ในใจก็นึกเดือดดาลขึ้นมาเช่นกัน
คำโบราณกล่าวไว้อย่างดีว่า แต่งภรรยาไร้คุณธรรมเป็นอันต้องพังพินาศไปสามชั่วอายุคน
หม่าซื่อปกติแต่ละวันจะไม่มีปากเสียงใดๆ แต่เรื่องราวในครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะนางอนุญาตโดยการทำเป็นไม่หือไม่อือหรอกหรือ ลูกๆ หลานๆ เบื้องล่างไม่รู้สถานการณ์ชัดเจน เขาเห็นแก่หน้าคู่ครองตนที่อยู่ในฐานะผู้อาวุโสจึงไม่ได้ว่ากล่าวอะไรมากมาย แต่ในใจเขากลับไม่ต่างจากคันฉ่อง
“เจ้าคิดเห็นอย่างไรต่อเรื่องนี้?” ซ่งเหล่าเกินจงใจถามทั้งที่รู้
หม่าซื่อลังเลใจชั่วครู่ ก่อนกล่าว “เหล่าโถวจื่อ[1]…หลานเสี่ยนคงต้องปวดใจมากเชียวละ…ครอบครัวเรามีคนที่พอใช้ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ภายภาคหน้าก็คือคนในตัวเมือง ส่งเขาไปเจอขุนนาง นี่ไม่ใช่การ…ทำลายเส้นทางหน้าที่การงานในภายภาคหน้าเขาแล้วหรือ…”
เหอะ!
ชายชราขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน “ล้วนเป็นเพราะเจ้าตามใจทั้งนั้น!”
หม่าซื่อก้มหน้า
นางไม่ได้ตามใจเสียหน่อย ใครบ้างไม่รู้ว่านางอยู่ในบ้านหลังนี้โดยพูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์?
“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้ใช่หรือไม่ เมื่อก่อนตอนที่หลานเสี่ยนยังเล็ก เจ้าก็เอาแต่ยุยงหลานเสี่ยนให้แข่งกับหลานสวิน แอบให้ของดีๆ แก่หลานเสี่ยน ครอบครัวเหล่าต้ามีจิตใจสะเพร่า ทำอะไรก็ทำไปอย่างลวกๆ ปกติแต่ละวันก็ไม่ค่อยเอาใจใส่เด็กๆ หลานเสี่ยนแทบจะเป็นเจ้าที่เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ก็ว่าได้! เขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะการสั่งสอนของเจ้าทั้งนั้นหรอกหรือ” ชายชรากล่าวขึ้นอีกครั้ง
หม่าซื่อยังคงไม่โต้เถียงใดๆ เช่นเคย
ชายชรามองท่าทีนางเช่นนี้ ในใจบังเกิดความเสียใจภายหลัง!
เขารู้ว่าหม่าซื่อโกรธเคืองอยู่ในใจ
ตอนนั้นที่เขายังหนุ่ม ต้องการสู่ขอแม่นางที่ไม่ใช่หม่าซื่อ เป็นครอบครัวผู้อื่น แต่ภายหลังเกิดเหตุไม่คาดคิด ก็เลยสู่ขอหม่าซื่อแต่งเข้าครอบครัว ตอนที่หม่าซื่อเพิ่งเข้ามาในครอบครัวไม่ค่อยอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ถูกบิดามารดาของเขารวมไปถึงเขาก็ด้วยสั่งสอนอย่างดุดันอยู่พักใหญ่ ยี่สิบปีไม่ได้ไปมาหาสู่กับครอบครัวมารดาของหม่าซื่อ ภายหลังวันเวลาผ่านไปนานวันเข้า นี่จึงให้อิสระแก่หม่าซื่อขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
ในใจหม่าซื่อ เอ็นดูเพียงหลานเสี่ยนและครอบครัวบุตรคนที่สี่เท่านั้น
ตัวเขาเองก็รู้สาเหตุเช่นกัน ตอนเด็กๆ ลูกสามคนแรกล้วนถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่มาโดยผู้อาวุโสของตระกูล มีเพียงเหล่าซื่อ ตอนเกิดไม่ทำให้หม่าซื่อได้รับความทุกข์ทรมาน ทั้งยังปากหวานเข้าใจพูด เติบโตมาโดยโหวกเหวกโวยวายอยู่ข้างกายนาง
—————————-
[1] เหล่าโถวจื่อ (老头子) คำเรียกชายผู้มีอายุสูงวัย