ตอนที่ 143 จุ้นจ้าน
คนของครอบครัวซ่ง แต่ละคนไม่กล้าพูดอะไรมากมาย ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ที่ได้วางแผนเอาไว้ก่อนหน้า
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เดินไปมาแถวๆ บ้านเพื่อนบ้านซ้ายขวา ฝืนฉีกยิ้มออกมาบนใบหน้าเศร้าโศก เชื้อเชิญคนรอบข้างมาช่วยทำงาน
“เพียงแค่คืนนี้เท่านั้น…จำเป็นต้องทำตอนกลางดึก…ทว่าหากห่อได้สวยงามทำได้ดี ทำให้หลังจากนี้หลานสาวคนรองของข้าผู้นั้นวางใจได้ ก็จะได้ทำต่อ แม้ว่าบ๊ะจ่างนี้จะขายอีกไม่นานมากนัก แต่สิบกว่าวันที่เหลือนั่น หากขยันๆ หน่อยก็หารายได้เอาไว้ใช้ในครอบครัวได้เช่นกัน…”
พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปากคอแห้งผาก
นางไม่กล้าเชิญคนที่ขึ้นชื่อด้านปากคอเราะราย
ซ่งอิงเอ่ยไว้ว่า จำเป็นต้องรับประกันได้ว่าคุณภาพของบ๊ะจ่างจะดียิ่งขึ้นจึงจะใช้ได้ มิเช่นนั้นยอมไม่ขายบ๊ะจ่างนี้แล้ว ซึ่งก็ต้องจ่ายเงินชดใช้ให้ภัตตาคารเย่ว์เฟิงด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม จะทำลายความน่าเชื่อถือไม่ได้
ดีที่เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านมาเนิ่นนานขนาดนี้ จึงรู้จักหญิงในครอบครัวอื่นๆ ที่พอเชื่อถือได้อยู่บ้าง
คำพูดในแบบเดียวกัน พูดไปประมาณยี่สิบรอบ นี่จึงเชิญมาได้สำเร็จทั้งสิ้นสิบสองคน
ตอนบ่ายซ่งฝูซานซื้อข้าวเหนียวและวัตถุดิบจากแต่ละบ้านในหมู่บ้านมาได้เพียงพอกับที่ต้องการ
ดีที่หมู่บ้านซิ่งฮวาไม่ถือว่ายากจนแร้นแค้นเกินไป และเมื่อวานเพิ่งผ่านพ้นเทศกาลตวนอู่ แต่ละครอบครัวต่างก็มีหลงเหลือกันอยู่
ซ่งอิงเตรียมบ๊ะจ่างเช่นเดิม นึ่งและต้มวัตถุดิบทำไส้ มองดูก็ไม่ได้บ่นโอดครวญอะไร
ตกเย็น ตอนที่โสมน้อยพาฝูงเป็ดกลับเข้ามาจากด้านนอก ได้ยินเรื่องราวนี้ ดวงตากลมคู่นั้นกะพริบปริบๆ อย่างประหลาดใจสุดขีด
เขาไม่เข้าใจการไปมาหาสู่คบค้าสมาคมอย่างเหล่ามนุษย์ คิดเพียงว่า…ช่างวุ่นวายซับซ้อนจริงๆ
ซ่งหม่านซานและซ่งจินซานก็ตามหาร้านขนมของตระกูลเผยเจอแล้วเช่นกัน
น่าเสียดายที่เริ่มขายไปเสียแล้วจริงๆ ด้วย
ตระกูลเผยอาศัยร้านขนมเป็นหลัก ครอบครัวบุตรคนโตในตระกูลรับหน้าที่กำกับดูแลการค้าขายในร้าน ครอบครัวบุตรคนรองไม่ค่อยเอาการเอางาน แต่ทำความรู้จักสหายไว้มากมาย แต่ละครั้งก็จะพาสหายใหม่ๆ ไม่ซ้ำหน้าแวะเวียนมา ส่งผลให้ร้านค้านี้กลายเป็นได้รับความนิยมไม่น้อยเช่นกัน คล้ายว่าอีกไม่นานก็จะขยายกิจการอีกหนึ่งสาขาย่อยได้แล้ว ถึงเวลา กิจการที่ขยายออกมาก็จะกลายเป็นของครอบครัวบุตรคนรอง ซึ่งครอบครัวบุตรคนรองมีบุตรสาวเพียงคนเดียว นั่นก็คือภรรยาของซ่งเสี่ยน
ตอนที่ซ่งหม่านซานมาถึง ในร้านมีคนห่อบ๊ะจ่าง และมีคนขายบ๊ะจ่างแล้ว
โดยอาศัยชื่ออย่างบ๊ะจ่างทองคำชั้นยอดของภัตตาคารเย่ว์เฟิง
พวกเป่าไล่จื่อไม่อยู่ แต่ซ่งเสี่ยนช่วยงานอยู่ในร้านอย่างหน้าชื่นตาบาน
ซ่งหม่านซานเห็นภาพดังกล่าว ความเดือดดาลพลุ่งพล่านทันที ครั้นลงมือ ก็เตะหม้อบ๊ะจ่างที่กำลังขายอยู่คว่ำลงพื้น
“ซ่งเสี่ยน ไอ้สารเลว ฉวยโอกาสตอนข้าไม่อยู่บ้าน เจ้ากล้าขโมยของของหลานสาวข้าเอามาให้พ่อตาหรือ!? ข้าจะเล่นงานเจ้าให้ตายไปเสียเลย!” ซ่งหม่านซานก่นด่าจบ ก็กระโจนเข้าใส่ทันที เขาคว้าคอเสื้อของซ่งเสี่ยนเอาไว้แล้วเริ่มระดมหมัด
คนของตระกูลเผยเห็นดังนั้นมีหรือจะยอม รีบเข้ามาขัดขวางทันทีทันใด
“ซ่งเหล่าซื่อ! เจ้าทำอะไรน่ะ?! ทำลายกิจการของครอบครัวข้า เจ้าจะชดใช้ไหวหรือ!?” เผยเหล่าเอ้อร์[1]โกรธจัด
ลูกเขยรู้ความ กตัญญูต่อเขา เกี่ยวอะไรกับซ่งหม่านซานด้วย!
อีกอย่าง บ๊ะจ่างนี้ก็ไม่ใช่ของซ่งหม่านซานเขาเสียหน่อย!
“เหอะ! ข้าจะสั่งสอนหลานข้าโว้ย เจ้าเป็นใคร เปลี่ยนมาเป็นแซ่ซ่งเมื่อไรหรือ ถึงริอ่านจุ้นจ้านเรื่องในครอบครัวตระกูลซ่งข้า!” ซ่งหม่านซานกล่าวอย่างโมโห
“ซ่งเสี่ยน!” ซ่งจินซานเห็นหลานชาย ก็เกิดความเดือดดาลเช่นกัน “นั่นเป็นสิ่งของของเอ้อร์ยา เจ้ารีบนำของกลับไปพร้อมพวกเราเดี๋ยวนี้เลย!”
ตอนที่ซ่งหม่านซานมา เขาถือโอกาสชักชวนสหายคนสนิทในตัวอำเภอติดตามมาด้วย
เขาผู้นี้คบหาสหายไว้กว้างขวางมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นด้านหลังก็มีคนอยู่ด้วยหกคน
อีกทั้งแต่ละคนมองดูไม่ค่อยเป็นพวกที่ดีเด่แต่อย่างใด
“เจ้าข้าเอ๊ย แห่มามุงทางนี้เร็วเข้า! ตระกูลเผยไร้คุณธรรม ริอ่านโง่เขลาไปขโมยบ๊ะจ่างที่น้องสาวเขยตัวเองห่อ แล้วเอามาปลอมแปลงเป็นบ๊ะจ่างทองคำชั้นยอดของภัตตาคารเย่ว์เฟิง! เมื่อครู่มีคนซื้อไปแล้วสินะ? นั่นน่ะถูกหลอกกันแล้วทั้งนั้น!” ซ่งหม่านซานร้องไม่ต่างจากพวกอันธพาล
ตระกูลเผยได้ยินดังนั้นก็ชักสีหน้าถมึงทึง
“เจ้ากล้าก่อเรื่องวุ่นวายที่บ้านเผยพวกข้าหรือ!”
“ข้าก่อเรื่องวุ่นวายแล้วจะทำไม? ข้ามาในวันนี้ เพราะจะมาเชิญตัวหลานชายข้ากลับบ้านไปรับบทเรียนจากพ่อเฒ่า ท่านพ่อข้าน่ะ ยามนี้โกรธจัดจนกินข้าวไม่ลง อยากเจอหลานชายเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าคงไม่รั้งเขาไม่ให้กลับไปหรอกกระมัง?” ซ่งหม่านซานลอยหน้าลอยตากล่าว
ตอนที่ 144 ไม่อยากไป
หลังสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ซ่งหม่านซานยกเท้าขึ้นวางลงบนแท่นเตาถ่าน แล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง “เฮ้ย ข้าจำได้ว่าหลานชายของตระกูลซ่งพวกข้าไม่ได้เป็นลูกเขยที่ต้องแต่งเข้าตระกูลเจ้า แล้วนี่มันอะไร เอาสินสอดของตระกูลซ่งข้าไปแล้ว ยามนี้ยังคิดจะดึงตัวคนเขาไปด้วยเช่นกันหรือ เผยเหล่าเอ้อร์ จิตใจเจ้านี่มันชั่วช้าเหมือนกันนะ!”
“ตัวลูกเสี่ยนสนิทสนมกับพวกเราเอง ซึ่งก็เป็นเพราะตระกูลซ่งพวกเจ้าทำไม่ถูกจึงเป็นเช่นนี้! ตระกูลเผยของข้าทำดีต่อลูกเขย เขาจะไปมาหาสู่บ่อยครั้งหน่อยแล้วจะเป็นไรไปหรือ!?” เผยเหล่าเอ้อร์กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
ซ่งหม่านซานไม่แยแสเขา หันขวับไปมองซ่งเสี่ยน
“หลานเสี่ยน หากเจ้าไม่กลับไป ไม่แน่ว่าท่านปู่เจ้าก็จะโกรธจัด และท่านพ่อเจ้าก็คงต้องถูกปู่เจ้าเฆี่ยนตายแน่ เจ้าก็เป็นคนที่ร่ำเรียนปรัชญามา อย่างน้อยๆ ก็เติบโตมาดูเป็นผู้เป็นคนเช่นกัน หรือเจ้าตั้งใจจะให้ผู้อื่นติฉินนินทาว่าเป็นหลานไร้ยางอายไม่เอาไหน?” ซ่งเหม่านซานกล่าว
ซ่งเสี่ยนหน้าซีดเผือด
บ้าไปแล้ว!
อารองและอาสี่บ้าไปแล้วจริงๆ!
“ก็แค่บ๊ะจ่างเท่านั้นเอง! อาสี่ เหตุใดท่านต้องบีบบังคับข้าด้วย! ท่านทำเช่นนี้แล้วข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!?” ซ่งเสี่ยนรู้สึกเหลือเชื่อ
เขาคือหลานชายของตระกูลซ่ง ซ่งอิงก็แค่หลานนอกคอกคนหนึ่ง หนำซ้ำยังออกเรือนไปแล้วอีกด้วย บ๊ะจ่างหายไปก็หายไปสิ ห่อใหม่ก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ คิดไม่ถึงว่ายังให้คนในครอบครัวถ่อมาไกลเพื่อเอาตัวเขากลับไป?!
บ้าไปแล้ว!
“แล้วนี่เจ้าจะให้อาอิงทำอย่างไร! ขโมยบ๊ะจ่างมา นางก็ไม่มีบ๊ะจ่างเอาไปส่งให้ภัตตาคารเย่ว์เฟิงตามที่ตกลงไว้!” ซ่งเหล่าเอ้อร์กล่าวอย่างไม่ปรานี ซึ่งเขาก็ทำได้เพียงกล่าวเช่นนี้
“พี่รอง ท่านจะเสียแรงพูดกับเขาทำไม” ซ่งหม่านซานแสยะยิ้ม “จะไปหรือไม่ไป ท่านปู่บอกไว้แล้วว่า หากเจ้าไม่กลับไป จากนี้ในครอบครัวก็จะไม่มีคนเช่นเจ้าอีก นอกจากนั้นก็จะให้พ่อเจ้าเอาบ้านในอำเภอกลับคืนมาด้วยเช่นกัน”
บ้านหลังนั้นจดอยู่ในชื่อของซ่งฝูซาน
ชายชราเอ็นดูหลานชายของครอบครัวบุตรคนโต
แต่กระนั้นก็มีเงื่อนไขเบื้องต้น
อันดับแรก ซ่งเสี่ยนเป็นบุตรชายของซ่งฝูซานผู้เป็นบุตรคนโต ดังนั้นทรัพย์สมบัตินี้ ต่อให้แยกครอบครัวออกไป ก็ต้องให้บุตรชายเป็นอันดับแรก แล้วให้บุตรชายเป็นผู้ส่งทอดให้หลานชาย ชายชราก็เป็นคนที่ยึดมั่นถือมั่นเช่นนี้
ตอนแรกที่ซื้อบ้านหลังนั้น ซ่งเสี่ยนไม่ใช่ว่าไม่เอะอะโวยวาย แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ ใครใช้ให้ชายชราคิดว่าครอบครัวของบุตรคนโตก็ควรให้ซ่งฝูซานเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตนเองล่ะ?
ดังนั้นจึงไม่ได้อะไรไปเลยสักนิด!
มิเช่นนั้น ยามนี้คงไม่มีสิ่งใดมายึดเหนี่ยวซ่งเสี่ยนเอาไว้ได้แล้ว!
ปรากฏว่า ครั้นซ่งหม่านซานใช้ลูกไม้นี้ อย่าว่าแต่ซ่งเสี่ยนเลย ต่อให้เหล่าเอ้อร์ตระกูลเผยก็สีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน
“ตอนแรกท่านพ่อเคยเอ่ยไว้แล้วว่า ไว้รอบุตรชายคนโตข้าลืมตาดูโลกแล้วก็จะย้ายชื่อบ้านมาเป็นของข้า…” ซ่งเสี่ยนกระวนกระวายใจเล็กน้อยเช่นกัน
“นี่ยังไม่ทันคลอดเลยนี่!” ซ่งหม่านซานแสยะยิ้มหยัน
นี่มันบ้าบออะไรกัน
แม้ว่าเขาซ่งหม่านซานจะชอบหาเรื่อง ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาจะรังแกผู้อื่นเท่านั้น ไม่ทำให้คนในครอบครัวต้องโกรธเกรี้ยว พี่ใหญ่เขาซ่งฝูซาน แม้ว่ามักทำท่าทางเอาจริงเอาจัง เข้าใจประจบสอพลอ แต่ก็ไม่หน้าด้านถึงขั้นนี้กระมัง?
ซ่งเสี่ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
เผยเหล่าเอ้อร์พ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ลูกเขย เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ไว้พรุ่งนี้ข้าจะพาลูกสาวไปเยี่ยมเจ้าที่บ้านซ่ง!”
ตอนนี้เย็นแล้ว ไม่สะดวกจะเดินทางไป มิเช่นนั้นจะนำมาซึ่งคำพูดติฉินนินทาจากผู้อื่นเอาได้
โดยเฉพาะเมื่อเขารู้ดีว่าตนเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เผยเหล่าเอ้อร์เอ่ยปากถึงขั้นนี้แล้ว ซ่งเสี่ยนจึงตอบรับ
ซ่งหม่านซานปรายตามอง กล่าวว่า “พี่ชายทุกท่านช่วยขนสิ่งของของหลานสาวข้าเอากลับไปที ไว้เดี๋ยวข้าจะขอหลานสาวซื้อบ๊ะจ่างชั้นยอดจำนวนหนึ่งให้พวกท่านได้ลิ้มชิมรสกัน!”
ดูสิ เขาซ่งหม่านซานมีคุณธรรมอันดีงามตั้งเท่าใด
เขาซื้อ ไม่ใช่ขโมย!
หากเอ้อร์ยาไม่ยินดีขายจริงๆ เขาค่อยหลอกล่อบรรดาสหาย โดยใช้บ๊ะจ่างธรรมดาผสมปนเปไปก็ย่อมได้ บ๊ะจ่างที่เขาซื้อไว้ครั้งก่อนยังกินไม่หมดเลย!
ซ่งหม่านซานและซ่งจินซานพาตัวคนและบ๊ะจ่างค่อยๆ เดินเรียงรายกลับไป
“ท่านพ่อ พวกข้ากลับมาแล้ว! ท่านคงไม่รู้ว่าไอ้เด็กสารเลวผู้นี้อาจหาญเพียงใด ข้าบอกว่าท่านล้มป่วยแล้วเขายังไม่ยินดีที่กลับมาด้วยเลย หากมิใช่เพราะเผยเหล่าเอ้อร์เอ่ยปาก เขาก็ไม่อยากจะมาด้วยซ้ำ!” หลังซ่งหม่านซานกลับมาถึงบ้านซ่ง ผลักประตูเปิดออกก็ส่งเสียงตะโกนขึ้นทันที
—————-
[1] เผยเหล่าเอ้อร์ (裴老二) ‘เผย’ ในที่นี้เป็นแซ่ของตัวละคร ‘เหล่าเอ้อร์’ คือคำเรียกบุตรชายลำดับที่สองของตระกูล