ตอนที่ 155 นางไม่ได้ตี!
ซ่งอิงรู้สึกหวั่นกลัวเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้าป้าสะใภ้ใหญ่ผู้นี้
อย่างไรเสีย หากป้าสะใภ้ใหญ่เอะอะขึ้นมาก็ลุกลามไปได้ถึงครึ่งหมู่บ้าน นางผู้ที่รักในการเจรจาพูดคุยด้วยเหตุและผล เผชิญหน้าเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่คนประเภทที่ไม่ต่างจากมนุษย์ป้าจอมร้ายกาจที่ถือมีดสับคนตามอำเภอใจ เกรงว่าต่อให้มีเหตุผลร้อยแปดก็ไม่อาจอธิบายความให้กระจ่างได้
ยิ่งไปกว่านั้น นางเพิ่งทำให้ซ่งเสี่ยนต้องไปขุดเหมืองถ่านหิน
พ่อหนุ่มคนหนึ่งที่ลักษณะหน้าขาวเช่นนั้น ตอนนี้มือไม้น่าจะเต็มไปด้วยโคลนดำปี๋แล้วกระมัง? อีกทั้งตอนนี้อากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ หลังสามเดือนสิ้นสุดลง ซ่งเสี่ยนจะต้องเปลี่ยนไปผิวดำคล้ำแน่นอน
“ป้าสะใภ้ใหญ่มาพอดีเลย ท่านลองชิมน้ำผลไม้นี่สิ” ซ่งอิงให้ความเกรงใจอย่างยิ่ง ถือน้ำลวี่โต้วกั่วออกมาสองชาม
ตอนแรกก่อนหน้านี้ที่ขายลวี่โต้วกั่ว นางได้ย้ายเอาไปปลูกในพื้นที่ช่องว่างระหว่างมิติสองต้น
สิ่งอื่นๆ ในพื้นที่ช่องว่างระหว่างมิติ นอกจากผักสดจำนวนหนึ่ง ก็ยังไม่มีอะไรเจริญเติบเต็มที่ทั้งนั้น มีเพียงลวี่โต้วกั่วนี้ที่ยังคงอยู่ ระยะนี้ด้วยความว่างงาน นางจึงเด็ดผลทั้งหมดลงมา ปริมาณไม่ได้มากนัก ประมาณหนึ่งร้อยจินเห็นจะได้ นางนำทั้งหมดมาแปรรูปเป็นผลไม้กวนผสมน้ำตาล ซึ่งเอามาชงเป็นน้ำผลไม้ได้เช่นกัน
ลวี่โต้วกั่วที่ปลูกอยู่ในช่องว่างระหว่างมิติ มีพลังหลิงชี่มากเพียงพอ ดังนั้นเป็นสิ่งที่โสมน้อยชื่นชอบมากที่สุด
ทว่าโสมน้อยผู้นี้ถูกนางไล่ไปทำการบ้านในห้องแล้ว…
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ยิ้มเล็กน้อยก่อนหยิบขึ้นมาลิ้มรส จากนั้นมองซ่งอิงด้วยแววตาประหลาดใจปราดหนึ่ง “นี่รสชาติของลวี่โต้วกั่วมิใช่หรือ เจ้าเอาน้ำตาลใส่ไปเท่าใดเนี่ย? คงสิ้นเปลืองไม่น้อยเลยสินะ!”
“…” ซ่งอิงพยายามฉีกยิ้ม
“ท่านแม่ อร่อยจังขอรับ” ซ่งต๋ารีบเอ่ยพูดทันควัน ดวงตาลุกวาว
“เช่นนั้นยกให้เจ้าหมดเลย” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เลียริมฝีปาก นำชามนั้นวางลงเบื้องหน้าซ่งต๋า แล้วจึงกล่าวกับซ่งอิง “เอ้อร์ยา เจ้าคงไม่ได้คิดจะอาศัยน้ำผลไม้นี้หาเงินหลังจากนี้หรอกกระมัง? เป็นของที่ค่อนข้างหายากทีเดียว รสชาติก็ดีด้วย ทว่า…เมื่อก่อนข้าน่ะ ได้ยินผู้เฒ่าในครอบครัวเคยเอ่ยไว้ว่า ตระกูลคนร่ำรวยบรรดาศักดิ์มีอาหารดีๆ คู่สุราหมักชั้นยอดตั้งมากมาย เกรงว่าจะไม่ชายตาแลสิ่งนี้หรอก ส่วนคนธรรมดาทั่วไป…ถ้วยหนึ่งนี่ คงเสียดายเงินเกินกว่าจะซื้อกระมัง?”
น้ำตาลตั้งมากมายขนาดนี้ อย่างน้อยก็ต้องขายถ้วยละสิบอีแปะกระมัง?
แต่สิบอีแปะเพียงพอให้กินบะหมี่ได้ตั้งสามมื้อ คนทั่วไปหรือจะยอมจ่าย!
“น้องหลินชอบดื่ม ลวี่โต้วกั่วที่เหลือในบ้านก็มีไม่มากเท่าไรแล้วด้วย เอาเป็นว่ายกให้เขาหมดเลยแล้วกัน ไม่ขายหรอกเจ้าค่ะ ขอบคุณป้าสะใภ้ใหญ่มากที่แนะนำกันเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ตะลึงงัน จากนั้นก็คลี่ยิ้มออกมา “ก็จริง เจ้าเองก็พบเจอโลกภายนอกมามากมายเช่นกัน มีที่ไหนจะไม่รู้เรื่องเช่นนี้ เป็นข้าเองที่ปากมากไป”
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ขยับก้นเล็กน้อย แล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง “วันนี้ที่มาหาเจ้า…เพื่อให้เจ้าดูรอยบาดเจ็บของลูกต๋าบ้านข้า…”
ซ่งอิงมองเห็นแต่แรกแล้ว เพียงแต่ไม่สะดวกเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาก่อน
ยามนี้รู้สึกตกใจ คิดเพียงว่าเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เหมือนต้องการมาผลักความรับผิดชอบให้นาง ทว่ารอยบาดเจ็บนี้ นางไม่ได้ทุบตีจริงๆ นี่?
“รอยบาดเจ็บของเขานี้น่ะ…เป็นการยอมบาดเจ็บเพื่อหลานหลิน” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กล่าวขึ้นอีกครั้ง เมื่อพูดจบ คิดว่าคำพูดนี้ของตนฟังดูแปลกประหลาดไปหน่อย จึงส่งเสียงหัวเราะแห้งขึ้นมา “หลานป้า ข้าไม่ได้พูดเพื่อขอคุณงามความดีกับเจ้าหรอกนะ และก็ไม่ได้อยากจะให้เจ้ามอบของขวัญอะไรให้ด้วย ตามจริง เป็นลูกต๋าข้าชกต่อยกับหนิวซานซานเด็กไม่เอาไหนกลุ่มนั้นเข้าแล้ว เพราะเด็กเหล่านั้นพูดว่าพรุ่งนี้จะมาเล่นงานหลานหลิน นี่ข้าก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดกับหลานหลินระหว่างเดินทาง ดังนั้นจึงมาบอกกล่าวให้เจ้ารู้เสียก่อน”
“ทว่าเจ้าก็ไม่ต้องกังวลใจไป ข้าคิดอยู่ว่า ไว้เดี๋ยวกลับไปจะเรียกบรรดาบุตรชายของบ้านอาสะใภ้สามเจ้ามาพูดคุยกัน ให้พวกเขาช่วยปกป้องหลานหลินไปโรงเรียน รับประกันว่าจะไม่ถูกรังแกได้แน่นอน” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กล่าวขึ้นอีกครั้ง
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่พูดจบ ยืดอกผายผึ่ง
คล้ายเป็นการบอกกล่าวซ่งอิงด้วยความภาคภูมิใจว่า นางในฐานะครอบครัวบุตรคนโต ก็ไม่ใช่คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรประเภทนั้นเช่นกัน
แน่นอนละว่า ต่อให้เจ้าคิดเจ้าแค้น นางก็ได้แต่แอบๆ เท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นเพราะเรื่องราวก่อนหน้านี้ก็จะตัดขาดกับซ่งอิงเสียเลย
พูดตามจริง ซ่งอิงตระหนกตกใจเล็กน้อย
แปลกใจมากด้วย
ไม่ใช่อื่นใด ก็เพราะว่า…บนตัวเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่มีลักษณะเฉพาะอย่างเครือญาติผู้ทระนงตน ไม่เคยเห็นใครในสายตาเป็นที่สุด แต่ตอนนี้ ดูไม่เป็นลักษณะดังกล่าวเลยสักนิด
ตอนที่ 156 ลูกคนโตไม่เอาไหน เปลี่ยนเป็นลูกคนเล็กก็แล้วกัน
ในความทรงจำเจ้าของร่าง เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เป็นคนหนึ่งที่จู้จี้จุกจิกมาก ตลอดที่ผ่านมามองหร่วนซื่ออย่างขัดหูขัดตา ตอนที่ไม่ได้แยกครอบครัว งานการในบ้านล้วนพยายามสุดความสามารถเพื่อโยนให้หร่วนซื่อ
หากในครอบครัวได้รับของดีอะไร ก็จะพยายามตักตวงเอาไปอย่างสุดความสามารถ จะไม่ปล่อยให้สามบ้านอื่นๆ ได้เปรียบแม้แต่น้อย
นางพูดจาเสียงดัง ตะเบ็งเสียงเต็มที่ เมื่อด่าทอผู้คนขึ้นมาก็จะเต็มไปด้วยความฉุนเฉียว ดวงตาดูฉลาดเฉลียวและมากความสามารถ ไม่ชอบอิจฉาริษยา แต่กลับเห็นบรรดาน้องสะใภ้ได้ดีกว่านางไม่ได้
กล่าวโดยสรุปคือ ข้อดีน้อยมาก โดยเฉพาะตอนแรกเจ้าของร่างยืนอยู่ในมุมมองที่บ้านสองถูกกดดัน ยิ่งรู้สึกว่าป้าสะใภ้ใหญ่น่ากลัวมาก
แต่ตอนนี้ นี่มัน…
หญิงที่ยิ้มตาหยีเป็นอะไรไปแล้วหรือ
“ป้าสะใภ้ใหญ่…วันนี้มาหากันเป็นการเฉพาะก็เพื่อให้ข้าดูแลลูกหลินให้มากหน่อยหรือเจ้าคะ?” ซ่งอิงเอ่ยถามอย่างสงสัย
ไม่ใช่การมาหาเรื่องกันหรอกหรือ
พูดตามจริง มองเห็นรอยบาดเจ็บบนเรือนร่างน้องต๋า แวบแรกที่เห็น นางคิดว่าเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่อยากให้ร้ายว่านางทำร้ายคนเขาแล้วเสียด้วยซ้ำ
ทว่าในเวลานี้ ขณะนี้นางที่ถูกตอกหน้าหงาย…
รู้สึกมโนธรรมในใจได้รับการประณามเสียแล้ว
“เช่นนั้นยังจะมีเรื่องอื่นอีกหรือ” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่หัวเราะอย่างภาคภูมิใจ “เอ้อร์ยาอา ข้ารู้ว่าเจ้าคิดว่าลูกเสี่ยนบ้านข้าไม่ใช่คนดีอะไร แต่วันนี้ที่ข้ามาน่ะ ก็แค่อยากบอกกล่าวเจ้าด้วยเช่นกันว่า ลูกเสี่ยนเพียงแค่หลงผิดชั่ววูบ ล้วนเพราะถูกเผยซื่อนางปีศาจจิ้งจอกผู้นั้นนำภัยมาให้ เจ้าดูอย่างลูกต๋าบ้านข้าสิ เพิ่งสิบขวบก็รู้จักปกป้องหลานชายแล้ว รู้ความและมีคุณธรรมจิตใจดีเสียยิ่งอะไรดี?”
“เจ้าอย่าได้คิดไปเชียวว่า ลูกต๋าและลูกเสี่ยนบ้านข้าจะรังแกเจ้าทั้งคู่ไม่ต่างกัน” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งอิงได้ยินดังกล่าวก็เป็นอันถึงบางอ้อ
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่อยากจะบอกกล่าวนางว่า ซ่งเสี่ยนผู้นั้นเป็นลูกคนแรกที่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนให้ดีๆ แต่ก็ยังมีลูกคนเล็กอยู่ทั้งคน อีกทั้งอุปนิสัยของลูกคนเล็กก็ดียิ่งกว่า
“จะได้อย่างไรกันเจ้าคะ? เรื่องที่น้องต๋าทำวันนี้ ข้านับถือจริงๆ” ซ่งอิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจผิดน้องต๋าไปเล็กน้อย วันนี้พี่ก็ขอโทษเจ้าอย่างเป็นทางการด้วยเช่นกัน ขอโทษด้วยนะน้องต๋า”
ในความทรงจำ วันนั้นซ่งต๋าและหนิวซานซานเด็กกลุ่มนั้นยืนอยู่ด้วย และด่าท่อเจ้าของร่างอย่างกำเริบเสิบสานด้วยเช่นกัน
ทว่าซ่งต๋าเพียงแค่ด่าทอเท่านั้น กลับไม่ได้โยนก้อนหินนั้นใส่ตัวนาง
หากจากนี้ซ่งต๋ารู้ความได้จริงๆ นางก็จะไม่ยึดติดกับเรื่องราวที่ผ่านพ้นไปแล้วเช่นกัน
ซ่งต๋าพลันหน้าแดงระเรื่อ “ไม่ใช่นะ…พี่รอง เป็นข้าเองที่ไม่ดี”
ตอนนั้นเขาก็แค่ได้ยินคนอื่นพูดกันบ่อยๆ ว่าพี่สาวคนรองเขากระทำความผิดจึงถูกบิดามารดาแท้ๆ ขับไสไล่ส่งกลับมา เอ่ยว่าใบหน้านางเสียโฉมแล้ว จะต้องเป็นเพราะอาศัยรูปลักษณ์ยั่วยวนผู้อื่นเขาดังนั้นจึงถูกลงโทษ อีกทั้งหลังจากพี่สาวคนรองกลับมา บิดามารดาก็ทอดถอนใจอยู่พักใหญ่ด้วยกังวลใจว่าจะติดร่างแหไปด้วยเพราะพี่สาวคนรอง ช่วงเวลานั้น นอนหลับก็ไม่เป็นสุข กลัวว่าจะมีคนมาฆ่ายกครัวกลางดึก
ดังนั้น เขาจึงเกลียดพี่สาวคนรองอย่างมากที่ทำทีเป็นผู้น่าสงสาร โดยเฉพาะนางยังไปตอแยหลี่จิ้นเป่าอีกด้วย
ทว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ยามที่เขาเบื่อหน่ายก็จะไปพูดคุยกับพี่ชายคนรอง พี่รองพูดเรื่องราวมากมายกับเขา จึงได้รับรู้ว่า พี่หลี่ไม่ได้ดีอย่างที่เขาคิดขนาดนั้น
ผนวกกับพี่ใหญ่ขโมยสิ่งของของพี่สาวคนรอง เขาก็อับอายขายหน้าเช่นกัน เมื่ออยู่ต่อหน้าพี่สาวคนรอง เขาก็ไม่มีหน้าจะเงยหน้าเช่นกัน
ซ่งอิงยกยิ้มมุมปาก
“ป้าสะใภ้ใหญ่ น้องต๋าก่อนหน้านี้ดื้อรั้นไปหน่อย ระยะนี้ในบ้านมีเรื่องมีราว เขาดูสงบนิ่งหนักแน่นขึ้นมากแล้ว ข้าคิดว่า…อาศัยโอกาสนี้ ท่านควรให้เขาร่ำเรียนเพิ่มเติมอย่างจริงจังให้มากๆ เข้าไว้นะเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าวอย่างห่วงใย
เด็กเล็กขนาดนี้ ในเมื่อรู้ความถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ยิ่งควรร่ำเรียนหนังสือให้มากๆ!
ไม่แน่ว่าภายภาคหน้าก็จะสามารถสอบผ่านมียศถาบรรดาศักดิ์ขึ้นมาได้!
นับแต่ผลักดันให้ซ่งสวินไปเรียนหนังสือในตัวอำเภอ ซ่งสวินก็ยิ่งหมกมุ่นในการเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ
แล้วยังมีภูตโสมอีกคน ระยะนี้กำลังเรียนคัมภีร์ตรีอักษร ตัวอักษรที่เขียนออกมาไม่ต่างจากไส้เดือนก็ว่าได้ จึงอ่านไม่ออกเลยสักนิด ลักษณะของการขีดเขียนอักษรที่ยากต่อการจดจำนี่ช่างน่าสนใจจริงๆ มือหนึ่งของนางจะมีไม้บรรทัดอยู่หนึ่งอันเสมอ และขณะมองดูสีหน้าภูตโสมที่เปลี่ยนไป ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความหรรษาของการเป็นแม่คน