ตอนที่ 177 เปิดโลงขุดร่าง?
แต่ครั้นเมื่อนึกถึงหมู่บ้านซิ่งฮวา ก็นึกถึง ‘ภรรยาและลูกอันเป็นที่รัก’ ที่ฮั่วซื่อเซี่ยงพูดถึงนั้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว อดรู้สึกไร้สาระไม่ได้
โดยในเวลานี้ ซ่งอิงที่ไร้สาระกำลังเป็นเสมือนหมาป่าสีเทาตัวใหญ่เกลี้ยกล่อมหลอกล่อภูตโสมอยู่
“เหอโส่วอู…กับเจ้า ไม่ถือว่าเป็นต้นตระกูลเดียวกันกระมัง? เข้าไปในป่าช่วยจับมาให้แม่สักหน่อย…ถุย แม่พูดผิด หมายถึงขุด…พวกที่เกิดสติปัญญาหรือมีจิตวิญญาณ มีความคิดที่เฉียบแหลมเหล่านั้นไม่ต้องเอามาล่ะ ตกลงหรือไม่?” ซ่งอิงยิ้มตาหยี ฉีกยิ้มกว้างบนใบหน้า
ซ่งอิงใจเต้นตึกตักยกใหญ่ กังวลว่าตัวเองจะละเมิดสิ่งใดที่อาจนำมาซึ่งผลเสียได้
อย่างไรเสียนี่ก็เป็นบุตรชายครอบครัวตน ต้องให้ความระมัดระวังด้านสุขภาพจิตของบุตรชายเอาไว้สักหน่อย
“ต้องการแค่เหอโส่วอู่เท่านั้นหรือ ข้าหาได้เยอะแยะเลยละ ท่านแม่ ว่าแต่ของนี่จะมีราคาหรือ จะขายหรือ” ภูตโสมเอ่ยพูดอย่างดูถูก
ซ่งอิงคลี่ยิ้มกว้าง รู้สึกโล่งอกโล่งใจ
ได้ยินคำพูดของภูตโสม บัดนี้เหมือนว่าค้นพบทางร่ำรวยหนทางหนึ่งแล้ว
ไฉนก่อนหน้านี้จึงคิดไม่ถึงนะ?
เบื้องหน้านางเป็นถึงภูตโสมเชียวนะ คุ้นเคยกับทั้งหมดในภูเขาเป็นอย่างดี อย่างพวกโสมเอย เห็ดหลินจือเอย อะไรบ้างจะหาไม่เจอ เอามาสักสี่ห้าราก นางก็ร่ำรวยแล้ว…
ทว่า ไม่ทันไร นางก็สงบนิ่งลงอีกครั้ง
เป็นคน จะละโมบโลภมากขนาดนี้ไม่ได้สิ!
นางเป็นคนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาคนหนึ่ง จะให้โสมหัวหนึ่งเลี้ยงดูนาง จะหน้าไม่อายเกินไปแล้วหรือไม่!
แน่นอนว่าให้ภูตโสมช่วยจัดหาของอย่างเหอโส่วอู่จำนวนหนึ่งเท่านั้น บางที…ก็ยังถือว่าไม่เลว?
ซ่งอิงหาข้ออ้างให้ตัวเองไม่หยุดหย่อน จากนั้นก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา “ต้องการแค่เหอโส่วอู่เท่านั้นก็พอแล้ว ของอื่นๆ ล้วนพบเห็นได้ค่อนข้างบ่อยครั้ง ข้าไปหาเองก็ได้”
ที่อยู่ตรงหน้านางในบัดนี้ไม่ใช่แค่ภูตโสมตนหนึ่ง หากแต่เป็นถึงบุตรชายในนามของนาง เด็กคนหนึ่งที่…ไม่ถึงหกขวบ!
แค่ใช้แรงงานเด็กก็ไม่เหมาะสมพอแล้ว เบื้องบนท้องนภามีเทพเซียนอยู่ ย่อมมีการบันทึกผลบุญกุศลเป็นแน่ เกิดนางทำเรื่องขาดศีลธรรมมากเกินไป แล้วให้นางมาเกิดเป็นหมู เช่นนั้นก็แย่น่ะสิ
ภูตโสมเอียงศีรษะมองนางแวบหนึ่ง
“ข้าซ่อนโสมเอาไว้หลายหัวเชียวละ ท่านต้องการหรือไม่” ภูตโสมกล่าว
“…” ซ่งอิงมองมันด้วยแววตาแปลกประหลาด “เจ้า…กินพวกเดียวกันด้วยหรือ”
“เปล่าเสียหน่อย! เพียงแต่ข้าเก็บพวกเดียวกันเหล่านั้นเอามาเพราะน่าสงสารเกินไปแล้ว บ้างก็แห้งตาย บ้างก็เปียกชื้นจนตาย แล้วบ้างก็ถูกสัตว์ดุร้ายเหยียบตาย! ข้าเพียงแค่เก็บร่างพวกมันเอาไว้เป็นที่ระลึก! แต่ถึงอย่างไรพวกมันก็ไม่อยู่แล้ว ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้วเช่นกัน หากท่านแม่ต้องการ ข้ายกให้ท่านได้นะ มนุษย์กินโสมไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” ขอเพียงที่กินไม่ใช่ภูตโสมก็พอ…
ซ่งอิงพ่นลมหายใจ “เจ้าคิดได้อย่างนี้ก็ดีแล้ว!”
“ทว่า ในเมื่อเป็น…สหายของเจ้า เช่นนั้นก็เก็บร่างเอาไว้ดีๆ เถอะ หากข้าจำเป็นต้องใช้โสม ไปซื้อที่ร้านยาเอาก็ได้” ซ่งอิงกล่าวอย่างเกรงใจ
ภูตโสมอุตส่าห์ช่วยเก็บร่างสหายเขาเอาไว้อย่างดีแล้ว ขืนนางเปิดโลงนำร่างมาหั่นถึงขั้นกินและขาย เช่นนั้นไม่ยิ่งดูขาดศีลธรรมไปใหญ่หรอกหรือ
ภูตโสมถอนหายใจอย่างแก่แดด
พวกนั้น ก็ถือเป็นสหายของเขาจริงๆ นั่นแหละ
บนเขาซิ่งมีเขาเป็นภูตโสมอยู่ต้นเดียว เพียงแต่เพราะเหงาเกินไป ดังนั้นหลังมันกลายเป็นภูตแล้วก็เลยเสาะหาพวกเดียวกัน ขณะตามหาพวกมัน มีอยู่วันหนึ่ง พวกเดียวกันนี้ก็รับรู้ถึงการมาเยือนของเขาได้ ต่อให้ ณ ตอนนั้นไม่อาจกลายเป็นภูตได้ ขอเพียงตอบรับเสียงเขาได้ก็พอแล้ว
แต่ในความเป็นจริง ไม่เคยมีเลย
เฮ้อ! เขาเป็นพืชที่มีพรสวรรค์ จิตวิญญาณ และสติปัญญาอันชาญฉลาดเพียงตนเดียว เป็นอะไรที่โสมอื่นๆ เทียบไม่ได้จริงๆ
ภูตโสมไม่ต้องการนอนร่วมกับพวกซ่งต๋าเด็กน้อยสองคนนั้น ดังนั้นตอนกลางดึก มันจึงมุดลงดินแล้วไชกลับไปบนภูเขา ช่วยตามหาเหอโส่วอู่ให้ซ่งอิง
ไปกลับครานี้ รวดเร็วอย่างยิ่ง ตอนกลับมา ขุดเอาเหอโส่วอู่ประมาณหนึ่งร้อยจินเห็นจะได้ออกมาจากดิน!
ซ่งอิงตกใจสะดุ้งโหยง เร่งรีบนำเหอโส่วอู่เหล่านี้วางเข้าไปในห้องเก็บของ
“ท่านแม่ พอแล้วหรือไม่ ข้ายังหาได้อีกเยอะเชียวละ เหอโส่วอู่ฝังตัวเจริญเติบโตอยู่ในดิน ไม่เหมือนโสมอย่างพวกข้าที่เอาตัวรอดอย่างยากลำบาก หากท่านแม่ต้องการอีก ข้าก็จะไปหามาให้สักหนึ่งพันจินหนึ่งหมื่นจินก็ยังได้!” ภูตโสมนัยน์ตาเปล่งประกายพร่างพราว รู้สึกว่าตัวเองนับว่ามีประโยชน์ขึ้นมาบ้างแล้ว
ตอนที่ 178 หัวไชเท้าภูเขารสเลิศ
ซ่งอิงต้องการมากมายขนาดนั้นเสียที่ไหนกัน
นางเพียงอยากเบาแรงหน่อยถึงได้ให้ภูตโสมไปหามาให้ ที่จริงแล้วพบเห็นเหอโส่วอู่ตามภูเขาได้บ่อยครั้งมาก ซึ่งประเด็นนี้นางก็รู้อยู่แล้ว
“เจ้าไปอาบแสงจันทร์เถอะ เดี๋ยวข้าทำยาสระผมออกมาได้แล้ว จะให้เจ้าใช้ดูก่อน รับประกันได้ว่ารากฝอยของเจ้าจะทั้งนุ่มลื่นทั้งหอมฉุย!” ซ่งอิงคลี่ยิ้ม ถึงขั้นปลื้มอกปลื้มใจ
“จริงสิท่านแม่ ในเขามีคนอยู่ด้วย” ภูตโสมเตรียมเดินไปมุดดินในลานหลังบ้าน กล่าวขึ้นมากะทันหัน
“คน?” ซ่งอิงนิ่งอึ้งไป
“ใช่น่ะสิ สองคน แล้วยังมีม้าอีกตัวหนึ่ง! พวกเขากำลังพูดคุยกันด้วย พูดทำนองว่า…ลงมือ รอไปก็ไม่ได้อะไร…จริงสิ แล้วยังเอ่ยถึงบ้านเราด้วย บอกว่า…บ้านฮั่ว ใช่ ก็ประมาณนี้ละ” ภูตโสมกล่าวขึ้นอีกครั้ง
เขารับรู้และเข้าใจเรื่องเหล่านี้เพียงครึ่งเดียว ไม่ได้สนใจอะไรมากมายขนาดนั้น ในมุมมองเขา ต่อให้มีอันตราย มีแม่เขาอยู่ทั้งคน ภูตผีปีศาจอะไรนั่นล้วนไม่ต้องกลัวทั้งนั้น
ดังนั้นหลังบอกกล่าวซ่งอิง ก็รีบไปดูดซับแร่ธาตุในดินทันที
ซ่งอิงมุ่นคิ้ว รู้สึกว่าคืนนี้นอนไม่ได้เสียแล้ว
เด็กกำพร้าและหญิงม่ายก็คือเรื่องน่าเวทนา ผู้คนต้องคอยเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลา
เพียงแต่…
ไม่รู้ว่าครั้งนี้เป็นใครอีก ตระกูลหลี่นั่นก็ยังไม่ลุกจากเตียงเลยกระมัง
ช่วงเวลาเที่ยงคืน มีคนปีนป่ายกำแพง
ซ่งอิงไม่ได้นอนหลับแต่อย่างใด นางลงกลอนห้องที่ซ่งต๋าและซ่งอู่อยู่เอาไว้อย่างดิบดีแล้ว จากนั้นก็ถือมีดหั่นผักไว้ในมือ นั่งคอยอยู่ในห้อง
หัวขโมยกระจอกสองคนนั้นปีนลงมาอย่างระแวดระวัง แวบเดียวก็มองเห็นลาขาว แววตาพร่างพราว ยื่นหัวไชเท้าที่ตัวเองขุดมาจากเขาอย่างเหน็ดเหนื่อย
แน่นอนละว่า ในหัวไชเท้าวางยาเอาไว้ด้วย
พวกเขาเชี่ยวชาญ มีฝือมือในการก่ออาชญากรรม จึงไม่มีทางลงมือโดยไร้การเตรียมการเป็นแน่ ดังนั้นยามนี้จึงสงบและผ่อนคลาย เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง เอาแต่จับจ้องไปที่ลา ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าบ้านด้วยซ้ำ
เข้าบ้านไปอันตรายเสียยิ่งอะไรดี? แค่มีลาก็พอแล้ว!
ก่อนหน้านี้อยู่ห่าง ตอนนี้พอเข้าใกล้มองแวบแรกก็พบว่าลาตัวนี้ดีมากจริงๆ รูปลักษณ์ถือว่าเป็นลาที่ดูสง่างาม อย่าว่าแต่ยี่สิบตำลึงเงินเลย ต่อให้เป็นยี่สิบห้าตำลึงเงิน ไม่แน่ว่าก็มีคนซื้อเช่นกัน!
“พี่ลา พี่ลา ไปกับพวกข้านะ จากนี้จะได้กินดีดื่มดี” ขโมยกระจอกส่งเสียงพูดกระซิบ จากนั้นทำท่าทีส่งเสียงชู่ว์ใส่ลาขาว
ไม่ได้สังเกตเห็นว่าลาขาวมองดูพวกเขาอย่างดูถูก
“นี่เป็นหัวไชเท้ารสเลิศ กินสิ?” หัวขโมยทั้งสองมองดูตาปริบๆ
ลาขาวน้อยมองดูหัวไชเท้าที่ข้างเท้า ก่อนยกเกือกเท้าขึ้นอย่างรังเกียจ เตะมันไปอีกด้าน
รสเลิศ? มนุษย์ที่โง่เขลาผู้นี้เกรงว่าคงไม่เคยได้ลิ้มรสของที่รสเลิศสินะ สวนหลังบ้านของเจ้านายมันปลูกหัวไชเท้าแปลงเบ้อเร่อที่ใช้น้ำผ่านจิตรินรดเอาไว้ให้เขาเป็นการเฉพาะ ของเหล่านั้นต่างหากเป็นของดี!
“ไม่กิน?” ขโมยทั้งสองตกตะลึง “แล้วนี่จะทำอย่างไรกันดี”
ไอ้สัตว์เดียรัจฉานตัวนี้ไฉนจึง…เลือกกินขนาดนี้ล่ะ? หัวไชเท้าบนเขานี้รสชาติดีมาก ตอนที่พวกเขาทั้งสองอยู่บนเขาก็ได้กินตั้งหลายหัวเชียวนะ!
“หรือไม่…ลากออกไปเสียเลย ถึงอย่างไรก็เป็นสัตว์ บางที…อาจไม่ส่งเสียงร้องวุ่นวายก็ได้ จริงสิ เจ้าดูมันตอนนี้สิก็ค่อนข้างเชื่องทีเดียว…” หัวขโมยอีกคนกล่าวขึ้น
ซ่งอิงยืนอยู่ข้างหน้าต่าง เสมือนเงาผีตนหนึ่ง ด้อมมองออกไปข้างนอกอย่างลับๆ ล่อๆ
มาแล้วจริงๆ สินะ?
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการมาขโมยลา
สองคนนี้ปกปิดใบหน้า มองดูค่อนข้างเชี่ยวชาญไม่น้อย เพียงแต่ ดูเหมือนโง่ไปนิด จึงได้ยืนปรึกษาหารือกันในคอกสัตว์ของนางเสียได้
“ลาก!” ท้ายที่สุด ขโมยหนุ่มกัดฟันแน่ ตัดสินใจเด็ดขาด “เจ้าไปเปิดประตู ข้าจะจูงสัตว์เดียรัจฉานตัวนี้ออกไปเอง”
อีกคนหนึ่งรีบขานรับทันที แล้วเดินเขยิบขึ้นไปข้างหน้า แอบคลำเปิดประตูบานนั้น
ซ่งอิงไม่ได้ขัดขวางเช่นกัน เตรียมรอให้สองคนนี้ออกพ้นประตูบ้านนางไปแล้ว ค่อยส่งเสียงร้องเรียกลาให้กลับมา ถึงตอนนั้นจะให้ลาลากพวกเขาวิ่งให้ทั่วหมู่บ้าน จะหนีก็หนีไม่ได้
ลาของนาง จะไม่มีแม้แต่ความสามารถในการปกป้องตัวเองเชียวหรือ
ภพชาติก่อนของนางเคยเห็นม้าผ่านโทรทัศน์ เพียงคำเดียวก็วิ่งทะยานอย่างกับบินได้ ช่างน่าชื่นชมจริงๆ ดังนั้นหลังซื้อลามาแล้ว นางฝึกใช้การเป่าเสียงกับต้าไป๋ลาของบ้านนาง ซึ่งเห็นได้ว่าช่วยใช้ดีทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ซ่งอิงผิดแผนเสียแล้ว
เพราะว่า หลังขโมยกระจอกปลดเชือกของลาต้าไป๋ ต้าไป๋ก็ยกกีบลาขึ้น