ตอนที่ 187 รู้ความหรือ
คันฉ่องนี้ส่องดูไม่ชัดเจนเท่าไรนัก แต่ยังพอมองรูปลักษณ์ออกอยู่บ้าง
รอยแผลเป็นบนใบหน้าตัวเองจางลงไปแล้วจริงๆ
แผลเป็นหนาๆ หนึ่งชั้นหลุดลอกออกไปนานแล้ว บัดนี้ปรากฏเนื้อใหม่ขึ้นมา สีชมพูแดงเล็กน้อย มองดูกลับไม่ชวนให้สะพรึงกลัวแต่อย่างใด
ซ่งอิงคิดอยู่ว่า ไม่รู้เกี่ยวข้องกับที่นางกินผักป่าที่รดน้ำผ่านจิตทุกวันหรือไม่
โดยสรุปแล้วนี่เป็นเรื่องดี ผู้หญิงที่ไหนจะไม่รักสวยรักงาม ต่อให้เป็นนางก็หวังเช่นกันว่าตัวเองจะรูปลักษณ์ไม่ถึงขั้นทำให้ผู้คนตกใจกลัว
อย่างไรเสียการต้องใส่หมวกออกนอกบ้านก็เป็นสิ่งที่ยุ่งยากน่ารำคาญ
มีคำพูดนี้ของเหยาซื่อสะใภ้เล็ก ซ่งอิงก็ค่อยมั่นใจขึ้นมาหน่อย
จากนั้นมองดูทางด้านหร่วนซื่อ
หร่วนซื่อได้รับยาสระผมที่นางให้ จึงลองสระหนึ่งรอบทันที หลังสระเสร็จแล้ว ก็ลูบคลำผมตัวเองอย่างไม่ละมือ “ลูกสาวบ้านข้าก็ช่างเข้าใจทำ ของชิ้นนี้ที่เจ้าให้แม่ช่างดีจริงๆ กลิ่นก็หอม เพียงแต่… เจ้าให้ข้ามากไปหน่อยแล้ว เดี๋ยวเอากลับไปหน่อยเถอะ ไม่ใช่บอกว่าต้องใช้ของพวกนี้หาเงินหรอกหรือ”
หนึ่งขวดอ้วนกลมที่หร่วนซื่อได้รับนี้ ใหญ่ประมาณสี่เท่าของขวดเครื่องเคลือบเหล่านั้น
“ท่านแม่ ที่ให้ท่านพวกนี้เป็นกากยาสมุนไพรที่เอามาใช้ต้มอีกรอบเป็นครั้งสุดท้าย ดังนั้นสรรพคุณตัวยาจึงไม่ดีไปกว่าของที่ขายแน่นอน ท่านอย่ารังเกียจก็เป็นพอ” ซ่งอิงสรรหาคำกล่าวพูดปดขึ้นมา
กากยาสมุนไพรเหล่านั้นจะให้ทิ้งไปเลยก็คงไม่ดีนัก ดังนั้นนางจึงเอาไปต้มอีกครั้ง ส่วนที่ต้มได้มาตามจริงเก็บเอาไว้ให้ตัวเองทั้งหมด หลังจากนี้เด็กน้อยทั้งสามคนก็จะได้เอาไว้ใช้ด้วยเช่นกัน
ประสิทธิผลอาจแย่ไปหน่อย แต่ก็น่าจะไม่ได้แย่มากเท่าไร
ทว่า หลังจากนี้หากนำมามอบให้ทางบ้านซ่ง แน่นอนว่าต้องเป็นของเหล่านี้เช่นกัน
ไม่ใช่ว่านางขี้เหนียว แต่จะไม่ให้นางนำของเหล่านี้มามอบให้สตรีในตระกูลซ่งก็ไม่เหมาะนัก และให้ ‘ของที่จะทิ้ง’ เหล่านี้ ทางด้านตระกูลซ่งก็ย่อมรับเอาไว้อยู่แล้ว และไม่ต้องรู้สึกอึดอัดใจแต่อย่างใด แม้ประสิทธิผลต่างกันแต่ก็ไม่มากมาย พวกนางจะมอบของขวัญคืนให้บ้างจะได้ไม่ต้องใช้ของที่ราคาแพงเกินไปเช่นกัน
มิเช่นนั้นหากพวกนางรู้ว่ายาสระผมที่ตนเองใช้ขวดหนึ่งมีราคาห้าสิบถึงหนึ่งร้อยอีแปะ ผู้ที่มีมโนธรรมในใจก็จะรู้สึกกดดันอย่างยิ่งเอาได้ ส่วนผู้ที่ไร้จิตสำนึก ไม่แน่ว่ายังจะคิดเอาเปรียบอย่างสุดความสามารถขึ้นมา โดยให้นางนำของสิ่งนี้ไปมอบให้ญาติมิตรคนอื่นๆ ด้วย
ส่วนของที่จะทิ้งแล้วแตกต่างออกไป ทุกครั้งก็มีจำนวนเพียงน้อยนิด ซึ่งก็ยกให้พวกนางทั้งหมด
หากชอบใช้ ก็จะเอามาให้บ่อยๆ หากไม่ชอบใช้ ก็ไปเสียเงินซื้อของดีๆ เอง
ดังนั้นเมื่อครู่ตอนที่นางนำของไปมอบให้แต่ละบ้าน ก็ได้บอกกล่าวเอาไว้เสร็จสรรพแล้ว
เพียงแต่ครั้งนี้ยาสระผมอย่างดีที่สุดที่มอบให้ ถือเป็นน้ำใจที่นางพึงกระทำ หลังจากนี้จะไม่มีของที่ดีขนาดนี้แล้ว
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ไม่ได้แสดงออกถึงความไม่พึงพอใจ
โดยเฉพาะตอนที่ได้รู้ว่าเป็นของที่สามารถหาเงินได้ยิ่งไม่มีข้อกังขาใดๆ เข้าไปใหญ่
เมื่อได้บอกกล่าวเอาไว้ชัดเจนแต่แรกแล้ว ปัญหาวุ่นวายในภายหลังจะได้น้อยลง
ตอนนี้ หร่วนซื่อจึงไม่บ่ายเบี่ยงเป็นธรรมดา
“หลายวันมานี้เจ้าช่วยป้าสะใภ้ใหญ่เจ้าดูแลหลานต๋าหรือ คงวุ่นวายแย่สินะ หากเจ้าไม่สะดวกใจที่จะเอ่ยปาก ให้ข้าไปพูดกับป้าสะใภ้ใหญ่เจ้าก็ได้ ปกติแต่ละวันเจ้าก็เหน็ดเหนื่อยพอแล้ว มีเด็กไปเพิ่มอีกสองคน จะดูแลได้หวาดไหวเสียที่ไหนกัน” หร่วนซื่อกล่าว
“ก็ได้อยู่นะเจ้าคะ น้องต๋าและน้องอู่ต่างก็รู้ความทั้งคู่” ซ่งอิงกล่าว
“รู้ความ?” หร่วนซื่อรู้สึกเหลือเชื่อ
จริงอยู่ที่หลานอู่นั้นเป็นเด็กที่รู้ความคนหนึ่ง ตอนอยู่บ้านไม่มีคนเห็นความสำคัญ เด็กเล็กขนาดนี้จึงรู้จักเป็นฝ่ายเสนอตัวทำงานเอาใจผู้ใหญ่
ส่วนหลานต๋า…
นั่นเป็นเด็กปีศาจน้อยก็ว่าได้ ก่อนหน้านี้เจ้าเด็กผู้นี้ยังเล่นกับหนิวซานซานของพวกเขาอยู่เลย อีกทั้งยังทำร้ายบุตรสาวนางอีกด้วยละ!
ลูกสาวยังจะพูดว่าเขารู้ความอีกหรือ
หร่วนซื่อลูบศีรษะซ่งอิงตามใจนึก
“ไม่ใช่ว่าป้าสะใภ้ใหญ่เจ้าบีบบังคับเจ้าหรอกนะ?” หร่วนซื่อคิดได้เช่นนี้พลันรู้สึกปวดใจ “เป็นเพราะเรื่องหลานเสี่ยนนั่น ป้าสะใภ้ใหญ่เจ้ายังโทษเจ้าอยู่หรือ ดังนั้นจึงแอบหาเรื่องเจ้า?”
ซ่งอิงถูกมารดาลูบศีรษะจนยุ่งเหยิงไปหมด จึงรีบกล่าวขึ้นมา “ท่านแม่ ท่านอย่าคิดเช่นนั้นเลย ที่ข้าพูดเป็นความจริง ลูกหลินบ้านข้าเป็นเด็กน้อยอยู่ตัวคนเดียวก็มักเบื่อหน่าย ในบ้านมีน้องต๋าและน้องอู่อยู่เป็นเพื่อน เขาก็จะได้มีความสุขขึ้นมาหน่อยเช่นกัน ป้าสะใภ้ใหญ่รู้ว่าข้าชักนำให้น้องต๋าก้าวหน้า ยังรู้สึกขอบคุณข้ายกใหญ่ หลายวันก่อนก็เอาสิ่งของไปให้ข้าด้วย”
ตอนที่ 188 แสร้งทำเป็นจิตใจดีทั้งที่ในใจคิดร้าย
แต่คำพูดดังกล่าวของซ่งอิง สำหรับหร่วนซื่อคล้ายกับระเบิดลูกใหญ่ลูกหนึ่ง
“ป้าสะใภ้ใหญ่เจ้า…เอาของไปให้เจ้าหรือ” หร่วนซื่อใจสั่น
ไม่รู้สมองเป็นอะไรไป กลับนึกถึงคนที่แสร้งทำเป็นจิตใจดี ทว่าความจริงแอบมีความคิดชั่วร้ายในใจ…
“ท่านแม่ ป้าสะใภ้ใหญ่มีลูกชายเพียงสองคน ซ่งเสี่ยนเชื่อฟังพี่สะใภ้ใหญ่ ให้ความสำคัญกับตระกูลเย่ว์แต่ไม่ให้ความสำคัญต่อบิดามารดา ป้าสะใภ้ใหญ่มีหรือจะไม่รู้อยู่แก่ใจ ตอนนี้พี่ชายข้าไปเรียนหนังสือในตัวอำเภอแล้ว อย่างแย่หน่อยก็ต้องได้เป็นถงเซิงกลับมากระมัง ป้าสะใภ้ใหญ่เป็นคนทะนงตนมาแต่ไหนแต่ไร ย่อมไม่ยอมแพ้ครอบครัวบุตรคนรองอย่างพวกเราเป็นแน่ แต่นางไม่มีเวลาดูแลลูก แล้วข้าก็ยินยอมที่จะดูแลให้ นางย่อมรู้สึกขอบคุณข้าด้วยใจจริงเป็นธรรมดา ท่านไม่ต้องคิดมากเกินไปหรอก” ซ่งอิงกล่าวอธิบาย
มารดานางกับเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ไม่ลงรอยกัน นี่จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิด
เพราะอุปนิสัยของทั้งสองคนไปคนละทิศคนละทาง เช่นเดียวกับน้ำที่ไม่เข้ากับไฟ
หากในสองคนนี้ มีคนหนึ่งนิสัยช่างคิดเป็นตุเป็นตะ เกรงว่าตระกูลซ่งคงทะเลาะกันพังพินาศไปนานแล้ว
โชคดีที่แม้ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่ก็ยังคงมีหลักการ
หร่วนซื่อพ่นลมหายใจ “จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน…ทว่า ข้าไม่ถูกชะตากับป้าสะใภ้ใหญ่เจ้ามาแต่ไหนแต่ไร เจ้าเองก็อย่าได้ไว้เนื้อเชื่อใจจนเกินไป ข้าลดราวาศอกให้นางหน่อยไม่เป็นไร ขอเพียงนางไม่รังแกเจ้าก็เป็นอันใช้ได้”
“ท่านก็รู้นิสัยลูกสาวท่านนี่เจ้าคะ มีหรือจะยอมถูกผู้คนรังแก วางใจเถอะเจ้าค่ะ!” ซ่งอิงกล่าวทันที
พูดคุยเรื่องในบ้านกับหร่วนซื่ออีกหน่อย เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด ซ่งอิงก็กลับไป
นานๆ จะกลับมาที ซ่งต๋าและซ่งอู่จึงอยู่บ้านซ่งหนึ่งคืน
นางพูดคุยกับหร่วนซื่ออยู่ทางด้านนี้ เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ก็ซักถามจากปากซ่งต๋าไม่น้อยเช่นกัน
ซ่งต๋าไม่รู้จักคิดอะไรรอบคอบขนาดนั้น จึงเป็นธรรมดาที่จะพูดอะไรก็ตามที่รู้
แรกเริ่มได้ยินว่าซ่งอิงบังคับให้ซ่งต๋าวิ่งและเล่นไทเก็ก ย่อมต้องปวดใจเป็นธรรมดา อดไม่ได้ที่จะต่อว่าซ่งอิงไปหลายประโยค แต่พอฟังมาถึงตอนท้าย เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
ตัวนางเองทำใจดุและเด็ดขาดกับบุตรชายไม่ลงจริงๆ
แต่ซ่งอิงกลับทำได้
นี่เพิ่งไม่กี่วันเอง บุตรชายเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ตอนกินข้าวก็ไม่ส่งเสียงเคี้ยวดังแจ๊บแจ๊บอีกแล้ว ดูเหมือนเด็กในคราบผู้ใหญ่อย่างไรอย่างนั้น เมื่อครู่นางตั้งใจผัดไข่ไก่ให้เป็นพิเศษ บุตรชายก็ไม่ทำเหมือนเมื่อก่อนที่เวลามีของกินดีๆ หน่อยก็จะโกยใส่ชามตัวเองท่าเดียว แต่กลับคีบให้นางหนึ่งตะเกียบ
บนเนื้อตัวก็สะอาดสะอ้านอย่างยิ่ง
หน้าขาวสะอาด ผมเผ้าหอมฉุย เสื้อผ้าก็ไม่มีฝุ่นแม้แต่น้อย
แม้ว่าจะเอาเสื้อผ้าทั้งหมดที่เปลี่ยนแล้วมาให้นางซัก แต่…
นางรู้สึกจริงๆ ว่าบุตรชายที่เป็นเช่นนี้แตกต่างออกไปจากเดิม เปลี่ยนไปในทางที่ดีแล้ว
“ท่านแม่ ท่านก็อย่าเอาแต่ถามอยู่เลย เมื่อก่อนเพราะข้าถูกหลี่จิ้นเป่าหลอกลวง พี่สาวคนรองของข้าแย่ขนาดนั้นเสียที่ไหนกันล่ะ ตอนแรกที่ข้าต่อว่าพี่รองนั่นเป็นเพราะถูกไอ้สารเลวผู้นั้นปั่นหัว ตอนนี้ข้ารู้แล้ว แม้ว่าพี่รองข้าไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือด แต่ก็เสียสละให้ข้าได้ มีของอร่อยอะไร เรียกได้ว่าหากมีของหลานหลินหนึ่งคำ ก็มีของข้าด้วยหนึ่งคำ ใจกว้างเสียยิ่งกว่าอะไรดีเชียวละ จะเห็นได้ว่านางเห็นข้าเป็นน้องชาย ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าพี่ชายข้าอีก ข้าอยู่กับพี่รองทางนั้นสุขสบายดีไม่น้อย ท่านก็วางใจเถอะน่า!” ซ่งต๋ากินคำใหญ่ๆ แต่ยังคงพูดไปด้วย
อยู่กับพี่รองของเขานั้น มีผัดไข่ไก่ทุกวัน
เขากินจนแทบจะเบื่อแล้ว
แน่นอนว่า สำหรับเขาก็ไม่ใช่ว่าเพราะเรื่องกินอย่างเดียว แต่เพราะยังมีน้องอู่และหลานหลินอีกด้วย ที่นั่นมีคนเล่นด้วย มิหนำซ้ำไม่ต้องคอยสังเกตสีหน้าหนิวซานซานเหมือนเมื่อก่อน
แม้จะเหน็ดเหนื่อยไปหน่อย แต่…
อดทนได้
“พี่สาวคนรองเจ้า… ตอนนี้คิดค้นตำรับอีกอย่างขึ้นมาได้แล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ต้องระมัดระวังไว้หน่อย ก่อนหน้านี้ที่พี่ชายเจ้าขโมยของ เพื่อนบ้านต่างก็ดูถูกพวกเรา เจ้าอาศัยอยู่กับนางนั้น ไม่แน่ว่าจะมีพวกปากมากกล่าวว่าเจ้าหวังสิ่งอื่นใดอยู่ ลูกแม่ หากเจ้าทนไม่ไหว ก็กลับมาอยู่นี่นะ” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กล่าวด้วยความปวดใจ
“ใครกล้าว่าข้า ข้ากับน้องอู่แล้วยังมีหลานหลินอีกคนจะไปเล่นงานเขาเอง!” ซ่งต๋าสบถฮึๆ แล้วกล่าว
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่คิดว่าบุตรชายที่ชกต่อยผู้คนได้นับว่ามีความกล้าหาญมาก “ได้ ขอเพียงเจ้าได้รับความเป็นธรรม แม่ย่อมสนับสนุนเจ้าอยู่แล้ว แต่ยังมีอีกเงื่อนไขหนึ่ง ตอนที่พี่สาวคนรองเจ้าทำยาสระผมนี้ เจ้าหนีไปไกลได้เท่าไหร่ก็ไปให้ไกลเท่านั้น จะมองดูแม้แต่ขั้นตอนเดียวก็ไม่ได้! ภายภาคหน้าเจ้าต้องได้ดิบได้ดียิ่งกว่าหลานสวินพี่ชายเจ้า จะไปเรียนแบบพี่ใหญ่เจ้าไม่ได้โดยเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่!”