ตอนที่ 213 ปีศาจกบเขียว
ความจริงซ่งอิงไม่กลัวภูตโสมถูกกิน แม้เจ้าลูกชายตัวแสบจะไม่มีความสามารถอื่นใด แต่ทักษะการวิ่งหนีเป็นที่หนึ่งไม่แพ้ใครแน่ แม้มีฐานะเป็นถึงภูตปีศาจที่สง่างามและหายาก ทว่าความกล้าหาญของภูตโสมไม่ได้มากมายแต่อย่างใด
จำเป็นต้องลงมือกระตุ้นสักหน่อย
ซ่งอิงบอกกล่าวสองพี่น้องซ่งเอาไว้ จากนั้นนางก็พาภูตโสมเดินออกไป
แต่เมื่อไปถึงก็ยังไม่เห็นต้าไป๋อยู่ดี เจ้าลาโง่ตัวนั้นต้องคิดว่า ทิวทัศน์ในเขางดงามจึงเกียจคร้านไม่อยากเดินแล้วเป็นแน่
“เจ้ายืนมองอยู่ตรงนี้แล้วกัน” ซ่งอิงกล่าว จากนั้นถือตะกร้าที่ตัวเองนำมาด้วยเดินไปข้างหน้า
แม้กบเขียวกินแมลงศัตรูพืช แต่กบเขียวตัวใหญ่ขนาดนี้ นางไม่กล้าเอาไว้จริงๆ หากไม่จับมาตุ๋น ก็ต้องปล่อยกลับไปในแม่น้ำ กบเขียวจะได้ไม่ไปสร้างความตกอกตกใจให้ผู้อื่น
หลังซ่งอิงเข้าไปใกล้ก็พบว่ากบกำลังแลบลิ้น ‘แพลบ’ แล้วกลืนแมลงที่บินมาตัวหนึ่งอย่างรวดเร็ว จนซ่งอิงมองไม่ชัดเจน
อาจเพราะครานี้ซ่งอิงตั้งสติมั่นแล้ว จึงรู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนใจกลางฝ่ามือตัวเอง
นางตระหนกตกใจ
เป็นปีศาจอีกแล้วหรือ!?
หลายวันก่อนเพิ่งพบปีศาจปลาดุกตัวหนึ่ง ตอนนี้มีปีศาจกบมาอีกตัวแล้วหรือ!
ซ่งอิงพลันรู้สึกว่า คำพูดที่ภูตโสมกล่าวก่อนหน้านี้ไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย เขาเอ่ยว่า บนโลกนี้สัตว์ที่จะกลายเป็นภูตหรือปีศาจได้มีจำนวนน้อยมาก นี่น้อยแล้วหรือ นางเพิ่งข้ามภพมาระยะเวลาเท่าไรเอง นี่ได้เห็นตั้งกี่ตัวแล้ว!
ต้าหวงและต้าไป๋อาจจะฉลาดไปหน่อย จึงไม่นับ แต่ปลาดุกตัวนั้นต้องเป็นปีศาจไม่ผิดแน่! ไม่แน่ว่า ลูกปัดที่ระเบิดลงในช่องว่างระหว่างมิติของนางอาจเป็นพลังวิญญาณของปีศาจปลาดุกก็ได้!
ปีศาจกบเขียวหันกลับมามองนางเช่นกัน
ซ่งอิงเตรียมลงมือ
หลังเรื่องปีศาจปลาดุกคราก่อน พละกำลังของนางหายไปพักหนึ่ง หลังได้กินหัวไชเท้าของต้าไป๋เข้าไปจึงรู้สึกถึงพลังประหลาดที่ปรากฏขึ้นในร่างกาย ก่อนจะค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง
อีกอย่าง ตั้งแต่ต้นไม้ในช่องว่างระหว่างมิติของนางแตกใบสองใบ ดูมีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย ซ่งอิงแอบคิดว่า ต้นไม้นั้นเป็นเสมือนภาพลักษณ์แทนพลังของนาง นางจำเป็นต้องทำเรื่องดีๆ อย่างการจับปีศาจปลาดุกตัวนั้น ต้นไม้จึงจะเติบใหญ่ขึ้นได้!
เมื่อนางเชื่อมกับช่องว่างระหว่างมิติมากขึ้นหน่อยจึงสัมผัสถึงประโยชน์การใช้งานช่องว่างระหว่างมิติได้ กับต้นไม้นั่นก็เช่นกัน
ในมือซ่งอิงปรากฏแสงสว่างวูบวาบ
ทว่าแสงนั้นเป็นสีทอง นางจึงรู้สึกประหลาดใจ
จากการคาดคะเนของนาง นี่อาจหมายความว่า ปีศาจกบที่อยู่ตรงหน้าแตกต่างกับปลาดุก และไม่เคยฆ่าคนมาก่อน?
ทันใดนั้น…
แสงสีทองของนางก็สว่างขึ้นมาก!
แสงทองของซ่งอิงเพียงแค่สว่างวูบวาบขึ้นมา ยังไม่ทันสะบัดออกไป กบเขียวตัวนั้นก็เปลี่ยนร่างแล้ว!
ขาทั้งสี่ที่เคยนั่งยองบนแปลงนาพลันเปลี่ยนเป็นแขนขา ใบหน้ากบนูนออกมาเปลี่ยนเป็นใบหน้าคนในชั่วพริบตา!
ซ่งอิงหนังตากระตุก
นางไม่ค่อยเห็นภูตโสมขณะเปลี่ยนร่างบ่อยนักแต่ถึงอย่างไรภูตโสมก็ดูเจริญตา กบเขียวเทียบไม่ติดจริงๆ
ทว่าชั่วพริบตาเดียว หนังกบสีเขียวตัวนี้ก็เปลี่ยนไปเป็น…
หนุ่มน้อยรูปงาม
รูปลักษณ์นั้นอายุประมาณยี่สิบปีเท่านั้นเอง รูปร่างค่อนข้างเจ้าเนื้อ บนตัวปรากฏอาภรณ์สีเขียว ดวงหน้าขาวผ่อง หน้าตา… เครื่องหน้าลงตัวพอเหมาะพอเจาะ ถึงขั้นหล่อเหลาก็ว่าได้ เพียงแต่แววตาดูหม่นหมองเล็กน้อย มองดูแล้วไม่ค่อยมีชีวิตชีวาเท่าไรนัก
“ท่านผู้อาวุโส!” พ่อหนุ่มน้อยในชุดเขียวเอ่ยปาก
ซ่งอิงตกใจสะดุ้งโหยง มุมปากแข็งทื่อ ไม่รู้ว่ายามนี้ควรลงมือเลยหรือไม่
หากไม่ใช่เพราะแสงสีทองที่สว่างวูบวาบในมือ นางก็อยากจะชิงลงมือมัดเจ้ากบยักษ์ตัวนี้เอาไว้…
“ที่หมู่บ้านสือโถวคราก่อน ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ช่วยเหลือ เสี่ยวเซิง[1]จึงมาตอบแทนบุญคุณถึงที่” หนุ่มน้อยในชุดเขียวกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งอิงหนังตากระตุก
เจ้าเป็นปีศาจกบประหลาดตัวหนึ่ง ยังจะเรียกตัวเองว่าเสี่ยวเซิงอีกหรือ!
หรือว่าได้เรียนหนังสือกับเขาด้วย?!
ตอนที่ 214 ติดตามผู้มากทักษะและความสามารถ!
นางรู้ว่าการเหยียดเชื้อสายเผ่าพันธ์เป็นสิ่งไม่ดี
ในฐานะทูตเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างเผ่าพันธุ์อย่างซ่งอิง นางไม่อาจรังเกลียดเขาเพราะมีร่างเป็นกบยักษ์ผิวเขียวได้ ยิ่งเขาแสดงความนอบน้อมและจริงใจเช่นนี้ ยิ่งไม่อาจแสดงท่าทีไม่สมควรออกไปได้
“หมู่บ้านสือโถว? ข้าเคยช่วยเจ้าด้วยหรือ” ซ่งอิงกล่าว
“ตอนนั้นเสี่ยวเซิงซ่อนตัวอยู่ในน้ำ โชคดีที่ท่านผู้อาวุโสลงมือกำจัดปลาดุกตัวนั้นไปได้ มิเช่นนั้นอีกไม่นาน เสี่ยวเซิงคงถูกปลาดุกตัวนั้นกลืนกินไปด้วยแน่ เซี่ยวเซิงตามกลิ่นลมหายใจของท่านผู้อาวุโสมาตลอดทาง ปรากฏว่าในหมู่บ้านนี้มีนาข้าวที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้อยู่ จึงเก็บตัวอยู่ในนี้ บำรุงร่างกายไปหลายวันเพื่อรวบรวมพลังที่สูญเสียก่อนหน้านี้กลับคืนมา” เจ้าผิวเขียวกล่าวอีกครั้ง
นาข้าวแปลงนี้ ต้นข้าวอุดมสมบูรณ์มาก แม้แต่พวกวัชพืชยังส่งกลิ่นหอมเย้ายวนออกมา ด้วยเหตุนี้จึงดึงดูดศัตรูพืชจำนวนไม่น้อย แมลงเหล่านั้นเมื่อกินใบต้นอ่อนแล้ว ย่อมรสชาติเลิศรสเป็นธรรมดา จากนั้นเขาค่อยกินแมลงเข้าไป…
สุดท้ายปีศาจกบจึงเป็นผู้ได้รับประโยชน์มากที่สุด
ความจริง แปลงผักป่าและหัวไชเท้าที่ลานหลังบ้านของซ่งอิงก็มีแมลงศัตรูพืชเช่นกัน เพียงแต่ซ่งอิงไม่รู้
เพราะแมลงเหล่านั้นโผล่ออกมาไม่ทันไรก็ถูกต้าหวงกินเข้าไปแล้ว บางครั้งยังแบ่งให้แม่ไก่แก่ในบ้านตัวนั้นด้วย ทำให้มันออกไข่ให้จำนวนมาก
ซ่งอิงครุ่นคิด
“ข้าจำได้ว่า ตอนนั้นหลายคนที่ทยอยตกน้ำกล่าวว่า ตัวเองถูกอะไรบางอย่างดันขึ้นมา หรือว่าเป็นเจ้า?” ซ่งอิงเอ่ยถาม
“เป็นเสี่ยวเซิงเองขอรับ” ปีศาจหนังเขียวแววตาเลื่อนลอย คล้ายว่ามองซ่งอิงอยู่ แต่ก็คล้ายว่าไม่ได้มองอะไรเลยเช่นกัน
ซ่งอิงคิดว่าสายตาของเขามีปัญหา แต่จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
คล้ายว่าการมองเห็นของกบเขียวค่อนข้างบกพร่อง ว่ากันว่า มันถนัดมองภาพที่เคลื่อนไหวอยู่มากกว่า? แต่ที่สิ่งหยุดนิ่งไร้การเคลื่อนไหว…จะมองไม่เห็น?
ซ่งอิงเม้มปาก จากนั้นโบกมือ
เป็นไปตามความคาดหมาย ซ่งอิงเห็นปีศาจกบเขียวตัวนี้นัยน์ตาลุกวาว คล้ายว่าจับตำแหน่งของนางได้อย่างรวดเร็ว!?
“ตอนนั้นเจ้าอยู่ในน้ำเช่นกันหรือ เช่นนั้นเจ้าก็รับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่ชาวบ้านหมู่บ้านสือโถวตกน้ำด้วยสินะ?” ซ่งอิงกล่าว
ปีศาจกบเขียวพยักหน้าอย่างหนักแน่น “เดิมทีข้าก็เป็นกบที่ดำรงชีวิตอยู่ในบ่อทะเลสาบ ณ หมู่บ้านสือโถวแห่งนั้น ตรงนั้นความอุดมสมบูรณ์ถือว่าไม่เลวทีเดียว กลางวันมีแสงอาทิตย์ส่องผิวน้ำ กลางคืนมีแสงจันทร์สาดลงมา ด้วยเหตุนี้สิ่งมีชีวิตในบ่อน้ำทะเลสาบจึงเกิดสติปัญญาขึ้นมา”
“ในบ่อน้ำทะเลสาบมีสิ่งมีชีวิตที่เกิดสติปัญญาอันฉลาดเฉียบแหลมไม่น้อย แต่ที่กลายเป็นภูตหรือปีศาจมีเพียงสองตัว ก็คือข้าและปลาดุก แต่เราสองตัวมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีต่อกันนัก เพราะชาวบ้านหมู่บ้านสือโถวมักโยนเด็กลงน้ำ แรกเริ่มพวกเราต่างก็บำเพ็ญเพียรอย่างจริงจัง แต่ภายหลัง ปลาดุกเผลอไปกินเด็กคนเข้าหนึ่งคน ทำลายเส้นทางบำเพ็ญเพียรที่ถูกต้อง จึงเคียดแค้นชาวบ้านในหมู่บ้าน ทุกครั้งที่โยนคนลงมาก็จะถูกเขากินเนื้อแล้วคายกระดูกทิ้ง”
“หลายวันก่อน ก็มีผู้ใหญ่พลัดตกน้ำอีก ชายผู้นั้นกลิ่นอายสกปรก ไม่บริสุทธิ์เช่นเด็ก และปลาดุกคิดว่า บรรดาชาวบ้านอยากจะฆ่ามัน จึงโกรธแค้น ทำให้คนที่เข้าใกล้ริมทะเลสาบเป็นอันต้องพลัดตกน้ำ แล้วปลาดุกยังกินปลาที่มีสติปัญญาในทะเลสาบไปไม่น้อยจึงมีพลังเหนือกว่าข้า ข้าไม่อาจตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อเขาได้ ก็เลยแอบช่วยเหลือเงียบๆ เท่านั้น ข้าหลั่งเมือกออกไปเคลือบผิวน้ำด้วยสีเขียว คิดจะทำให้มนุษย์กลัวแล้วหนีไป แต่น่าเสียดายที่น้ำในทะเลสาบมากจนมองเห็นสีสันไม่ชัดเจน เลยไม่ช่วยอะไร…”
ซ่งอิงฟังปีศาจกบเขียวตัวนี้พรรณนา นางถึงขั้นตกตะลึงเล็กน้อย
คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องประเภทนี้อยู่ด้วย
ภูตปลาดุกตัวนั้นเกลียดผู้ใหญ่เพราะเนื้อเหม็น?
เข้าใจคิดจริงๆ แค่มีให้กินก็ดีแล้ว!
“เจ้าตามหาข้าเพื่อขอบคุณเท่านั้นหรือ” ซ่งอิงกล่าว
“แน่นอนว่ามิใช่” ปีศาจหนังเขียวไร้ยางอายไม่น้อย เขาตอบโดยไม่รู้สึกกระดากอายแต่อย่างใด จากนั้นเอ่ยออกมาตรงๆ “วันนั้นเสี่ยวเซิงมองเห็นแสงสีแดงบนตัวแม่นางซึ่งควบคุมปลาดุกเอาไว้ได้ จึงรู้ว่า ท่านคือผู้มากทักษะและความสามารถคนหนึ่ง! เสี่ยวเซิงจึงอยากติดตามท่านผู้มากความสามารถบำเพ็ญเพียรขอรับ!”
[1] เสี่ยวเซิง (小生) คำเรียกแทนตัวเองของนักปราญช์ในยุคสมัยจีนโบราณ