ตอนที่ 273 ไก่บิน
แม่สื่อดีอกดีใจจนลืมตัว แม้จะเจ็บปวดบนใบหน้า แต่เงินสิบตำลึงไม่ใช่น้อยๆ ต่อให้ก่อนหน้านี้รู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรมมากเพียงใดก็ยอมมองข้ามไปได้ ในตอนนั้นนางจึงไม่สนใจสิ่งใดแล้ว รีบยันตัวลุกขึ้นมา
เพียงแต่ขณะเตรียมยัดเงินใส่ซอกอก ฝ่ามือพลันว่างเปล่า
เห็นเพียงไก่ตัวผู้ตัวเล็กๆ หนึ่งตัวกระพือปีกลงมาข้างกายก่อนจะบินผ่านไป ตีนไก่นั่นคีบเงินของนางไว้ไม่ปล่อย มันกระพือปีกสองครั้ง บินส่ายไปมาแล้วหนีไป!
“เงินของข้า!” แม่สื่อร้องดังสนั่นแล้วไล่ตามไปแย่ง
ต้าหวงมุ่งหน้าหนีไปในเขา
ปีกของมันนับวันยิ่งแข็งแกร่ง แม้ไม่อาจบินได้ดุจนกนางนวลหรือนกอินทรี แต่บินเหนือความสูงคนไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
“…” บรรดาชาวบ้านต่างงงเป็นไก่ตาแตก
ซ่งอิงแสร้งตีหน้าใสซื่อ ยกมือปิดปาก กล่าวด้วยความตื่นตกใจปนประหลาดใจ “นี่…ได้ยินว่าพวกนกหลายชนิดชื่นชอบวัตถุล้ำค่าที่ทอประกายเงินๆ ทองๆ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง! ไก่ตัวนี้…อยู่ในตระกูลนกกระมังถึงบินได้ เก่งกาจเหลือเกิน!”
บรรดาป้าๆ อดจ้องมองซ่งอิงอยู่แวบหนึ่งไม่ได้
เด็กสาวผู้นี้แสร้งโง่หรือว่าโง่จริงๆ กันแน่
ทั่วทั้งหมู่บ้านล้วนรู้ว่าไก่บ้านซ่งอิงเก่งกาจที่สุด เป็นราชันย์ไก่ก็ว่าได้
ทุกวันจะส่งเสียงกังวานใส เสียงขันเดียวดังสะท้อนไปทั่ว ก่อนจะตามมาด้วยเสียงไก่ขันโดยพร้อมเพรียงกันทั้งหมู่บ้าน ปัจจุบันทุกคนได้ยินเสียงก็จะรู้ว่าเป็นเวลาอะไรแล้ว
โดยเฉพาะพวกผู้ชายที่ทำงานใช้แรงงาน ระยะนี้ล้วนอาศัยเสียงขันไก่ตัวผู้จากบ้านซ่งอิงปลุกให้ตื่นกันทั้งนั้น!
“เอ้อร์ยา ไม่เคยตัดขนปีกของไก่ตัวนี้เลยกระมัง?” หญิงผู้หนึ่งถอนหายใจแล้วกล่าว
“ใช่แล้ว ไม่เคยตัดมาก่อน อีกทั้งข้าก็คอยเอาพวกหนอนตัวอ้วนๆ ให้มันกินอยู่บ่อยๆ อยากเสริมสร้างกระดูกมันให้แข็งแรงขึ้นสักหน่อย” ซ่งอิงแสร้งตีหน้ามึนกล่าว
“มิน่าละ ไก่ก็พอๆ กับนก หากไม่ตัดขนปีกก็บินหนีไปได้ ทว่าไก่บ้านเจ้ากินอาหารอย่างดี มันบินหนีไปแล้วยังรู้จักบินกลับมา ถ้าเป็นบ้านพวกเรานี่ไม่ได้เชียว” หญิงผู้นั้นกล่าวอีกครั้ง
ไก่ที่ครอบครัวพวกเขาเลี้ยงไว้จำเป็นต้องตัดขนปีก ไม่เช่นนั้นคงบินหนีไปไม่รู้เท่าไร
ทว่า…
พวกเขาเพิ่งเคยเห็นไก่ที่บินสูงขนาดนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน แม่สื่อนั่นกระโดดก็แล้วยังจับไม่ถึง
เงินทองไม่ได้หากันได้ง่ายๆ เมื่อครู่ยังอึดอัดใจเล็กน้อยที่แม่สื่อผู้นี้กระทำเรื่องเลวๆ แต่ยังได้เงินไปมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้… ฝันหวานไปเสียเถอะ! แม้แต่สัตว์ยังไม่อาจทนดูได้เลย!
หลี่จิ้นเป่าหน้าซีดเผือด ดูลนลานอย่างยิ่ง
ซ่งอิงแสยะยิ้มขณะมองเขา “เจ้าควรอธิบายสักหน่อยหรือไม่ ผ้าเช็ดหน้านี้ได้มาอย่างไร ขโมยหรือหลอกเอามา”
หลี่จิ้นเป่าอ้าปากพะงาบ พลันรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เขาอยากขโมยของติดตัวของซ่งอิง เช่นเสื้อที่ใส่เป็นชั้นใน แต่ในเรือนนางมีลาคอยเฝ้าประตู แต่ละห้องก็มีแม่กุญแจตัวใหญ่ไม่รู้กี่ชั้น
ดังนั้นหลังรู้ว่าผ้าเช็ดหน้าของซานยาเป็นของที่ซ่งอิงมอบให้ เขาก็แอบขโมยมา
ตอนที่หลานสาวลำดับที่สามของตระกูลซ่งทำงาน มักจะเอาผ้าเช็ดหน้าวางพาดไว้บนตะกร้าไม้ไผ่บนพื้น เรื่องนี้จึงไม่ยากนัก
คิดไม่ถึงว่าซ่งอิงจะเด็ดขาดเช่นนี้ ต้องโทษแม่สื่อด้วยเช่นกันที่พูดพล่ามเกินไป เมื่อพูดที่ควรพูดจบแล้วก็ควรเดินจากไปแต่เนิ่นๆ จึงจะถูก มัวพิรี้พิไรอยู่ได้จนทำให้ความพยายามก่อนหน้านี้ของเขาพังทะลายหมดสิ้น!
“น้องอาอิง ข้าตั้งใจจะปกป้องเจ้าด้วยใจจริง ดังนั้นจึงได้วางเล่ห์เพทุบายนี้ หวังว่าเจ้าจะให้อภัยข้าได้!” หลี่จิ้นเป่ากัดฟันแน่น คุกเข่าลงตรงหน้าซ่งอิง “ข้ารู้ว่าข้ามีข้อเสียมากมาย แต่รับประกันได้ว่า ขอเพียงเจ้ายินยอมแต่งงานกับข้า ไม่ว่าอะไรข้าล้วนยอมทำทั้งนั้น หาก…”
“หากชั่วชีวิตนี้ไม่ได้แต่งงานกับเจ้า เช่นนั้นข้าตายไปเสียให้สิ้นเรื่องจะดีกว่า!” หลี่จิ้นเป่ากล่าวขึ้นอีกครั้ง
“แผนการแรกไม่สำเร็จจึงเตรียมแผนการถัดไป นี่เดินเข้าสู่เส้นทางแห่งความลุ่มหลงแล้วหรือ เจ้าอยากให้คนรับรู้ว่าเจ้า หลี่จิ้นเป่าโง่งมในรักทำเพื่อข้าเช่นนี้ ถือว่าเป็นคนดี? และถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าพ่อค้าเร่หลิวที่พิกลพิการผู้นั้น!?” ซ่งอิงกล่าวด้วยความรังเกียจ
ครั้นนางเอ่ยเช่นนี้ก็มีบางคนฉุกคิดขึ้นได้
จำต้องกล่าวว่า ชายที่หลุ่มหลงในความรักจนโง่งมไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยนัก
การที่หลี่จิ้นเป่าคุกเข่าอยู่ขณะนี้ มีคนคิดว่าซ่งอิงกับหลี่จิ้นเป่าก็ดูเข้ากันดีเหมือนกัน
แม้คนผู้นี้นิสัยไม่ค่อยดี แต่…เขาก็ดีต่อซ่งอิงนี่ ทุ่มเทแรงกายแรงใจเช่นนี้ ก็ไม่ใช่เพราะรักใคร่จนไม่ลืมหูลืมตาแล้วหรอกหรือ
“ข้าเปล่านะ…น้องอาอิง เดิมทีพวกเราควรเป็นคู่กัน หากตอนแรกเจ้าไม่จากไป บางทีพวกเราอาจแต่งงานกันแล้ว!” หลี่จิ้นเป่ากล่าว
ตอนที่ 274 ผู้บงการเรื่องชั่วช้าอยู่เบื้องหลัง
ซ่งอิงอดส่งเสียง ‘ถุย’ ไม่ได้
เจ้าของร่างเดิมไม่เคยสนใจหลี่จิ้นเป่ามาก่อนด้วยซ้ำ!
“จริงอยู่ที่แม่เจ้าเคยมาพูดเรื่องแต่งงานที่บ้านข้า เพียงแต่แม่ข้าเกรงใจเกินกว่าจะปฏิเสธไปตามตรง ก็เลยกล่าวว่าไว้ทีหลังค่อยว่ากันอีกที หากรอข้าอายุสิบหกปีแล้วคิดว่าทั้งสองคนเหมาะสมเข้ากันได้ดีค่อยพูดคุยกันใหม่ จากนั้นไม่ทันไรข้าก็ออกจากบ้านไปไกลแล้ว!”
“แล้วถึงแม้ข้าไม่ได้ไป คนนิสัยอย่างเจ้า ต่อให้ข้าเป็นแม่ชีก็ไม่ชายตาแลเจ้าเช่นกัน!”
“ตอนแรกข้าป่วยหนักกลับมา เจ้าวิ่งมามองแวบเดียว เห็นใบหน้าของข้าก็เกือบอาเจียนออกมาด้วยซ้ำ หลี่จิ้นเป่า เหตุการณ์ตอนนั้นไม่ได้มีเพียงข้าคนเดียวที่เห็น บรรดาป้าๆ อาๆ เพื่อนบ้านที่คุ้นเคยกับครอบครัวข้าล้วนจำได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง!”
“เจ้ากลัวว่าข้าจะตอแยไม่เลิกรา จึงรีบหาคู่ครองหมั้นหมายกันไว้ ต่อมาก็ปลุกปั่นเด็กๆ ให้ลงไม้ลงมือกับข้า! เรื่องราวเหล่านี้ หัวหน้าหมู่บ้านก็ตรวจสอบได้ความแล้วเช่นกัน!”
“หลงใหลในตัวข้า? เป็นเพราะเจ้าเห็นว่าข้ามีเงินแล้วต่างหาก ดังนั้นจึงเกิดความคิดชั่วๆ ขึ้นมา!” ซ่งอิงกล่าว
คำพูดเหล่านี้นางไม่ได้พูดให้หลี่จิ้นเป่าฟัง
ปรากฏว่าเป็นไปตามคาด เมื่อซ่งอิงพูดออกมาเช่นนี้ คนจำนวนไม่น้อยก็เริ่มนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้า
ระยะนี้หลี่จิ้นเป่าว่านอนสอนง่ายเหลือเกิน ว่านอนสอนง่ายถึงขั้นทุกคนไม่ถือสากับเรื่องที่เขาเคยหลอกลวงเด็กๆ อีกแล้ว
แต่พอซ่งอิงเอ่ยถึงอีกครั้งก็ทำให้เกิดความรู้สึกต่างไปจากเดิม
หลี่จิ้นเป่าเพิ่งเตรียมเอ่ยปากโต้แย้งก็เห็นคนจำนวนหนึ่งควบม้าเข้ามาแต่ไกลๆ
ที่มองเห็นแต่ไกลๆ คือชุดของเจ้าหน้าที่มือปราบ หลี่จิ้นเป่าหน้าถอดสีร้อนตัวและดูลนลาน ลืมเอ่ยปากพูดไปเสียสนิท
ทุกคนมองตามอย่างตะลึงงันรอกระทั่งคนเหล่านั้นมาถึง
“จะต้องมีข่าวคราวหลานหลินแล้วเป็นแน่!” และแล้วก็มีคนอดส่งเสียงตื่นเต้นดีใจขึ้นมาไม่ได้
คดีความคนหายตัวไปของอำเภอหลี่มีฮั่วซื่อเซี่ยงเป็นผู้จัดการด้วยตนเอง แน่นอนว่าหน้าที่เขาก็แค่เอ่ยปากให้คนใต้บังคับบัญชาไปจัดการ
เมื่อมาถึงในหมู่บ้าน มองเห็นซ่งอิงแล้ว ก็ลงจากหลังม้าอย่างรู้งาน
“ฮั่วฮูหยิน…” ฮั่วซื่อเซียงมีสีหน้าแปลกประหลาด “ได้ข่าวคราวคุณชายสูงศักดิ์แล้วขอรับ”
“เชิญว่ามาได้เลยเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว
“ท่านอย่าเพิ่งตื่นตูมไปนะขอรับ” ฮั่วซื่อเซี่ยงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “คือเช่นนี้ ข้าจับตัวขโมยลักพาตัวที่พาตัวคุณชายสูงศักดิ์ไปได้แล้ว และได้รับคำสารภาพจากคนกลางค้ามนุษย์แล้วเช่นกัน นอกจากนั้นยังตรวจสอบเจอผู้บงการเรื่องชั่วช้าอยู่เบื้องหลังแล้วด้วย เพียงแต่…คนกลางค้ามนุษย์กล่าวว่า เด็กคนนั้นดูเหมือนจะหนีออกไปด้วยตัวเองแล้ว ไม่เห็นแม้แต่เงา บางที…อาจหาทางกลับมาด้วยตัวเองได้”
ฮั่วซื่อเซี่ยงรู้สึกกลัดกลุ้มเช่นกัน
หัวขโมยลักพาตัวผู้นั้นนามว่าหูจ่าน เป็นขี้เมาที่ไม่เอาการเอางานคนหนึ่ง แล้วยังมีชุยเหนียงจื่ออีกคน สถานะครอบครัวยากจน ถูกคนว่าจ้างให้ชิงตัวบุตรชายของซ่งอิง
วันนั้นมีคนกลางค้ามนุษย์มาฟ้องร้องกับทางการขุนนาง กล่าวว่าถูกหลอก
มีคนนำตัวเด็กมาขายให้เขา แต่เพียงชั่วพริบตาเด็กกลับหายตัวไป เด็กคนนั้นมีมูลค่ามากถึงห้าสิบตำลึงเงิน คนที่ขายเด็กผู้นั้นจะต้องใช้กลวิธีบางอย่างเป็นแน่…
เมื่อคนกลางค้ามนุษย์พบว่าเด็กหายตัวไปแล้ว ก็ขัดขวางทั้งสองคนเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน ดังนั้นจึงสามารถจับตัวส่งส่วนราชการขุนนางได้สำเร็จ
เท่ากับหว่านแหใส่ตัวเองเห็นๆ
แต่เด็กคนนี้ ตามหามานานมากแล้วกลับไม่เห็นแม้แต่เงา
“ผู้บงการเรื่องชั่วช้าเบื้องหลัง!? ท่านขุนนาง ท่านหมายความว่าอันใดหรือเจ้าคะ พวกเราฟังไม่เข้าใจเลย?” มีคนอดส่งเสียงเอ่ยถามไม่ได้
ฮั่วซื่อเซี่ยงหันไปมอง “กำลังจะพูดอยู่พอดี ไม่ทราบว่าบ้านหลี่จิ้นเป่าอยู่ที่ใดหรือ หูจ่านสารภาพโดยให้การว่าคนผู้นี้สั่งมา”
ในครอบครัวหูจ่านมีเด็กๆ อยู่ แต่ล้วนถูกขายไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงช่ำชองเรื่องการขายตัวเด็กเป็นพิเศษ
หลี่จิ้นเป่าไปหาเขาและให้เงินสองตำลึงเงิน แต่รับประกันว่าเงินที่ขายเด็กได้จะยกให้หูจ่านทั้งหมด ดังนั้นหูจ่านจึงว่าจ้างคนจำนวนหนึ่งไปช่วยเหลืออีกแรง
ผู้คุ้มกันประจำบ้านเหล่านั้นเป็นคนที่อยู่แถวๆ ตำบล รอรับงานอยู่ตามถนนทุกวัน หูจ่านทำทีเป็นเศร้าโศกสาหัสสากรรจ์ แสร้งทำได้เหมือนจริงเสียด้วย พวกเขาเลยคิดว่าเป็นบุตรครอบครัวหูจ่านจริงๆ ทั้งได้ช่วยเอาตัวเด็กคืนมาแล้วยังได้เงินอีกด้วย ย่อมตอบตกลงเป็นธรรมดา
เพียงแค่ฮั่วซื่อเซี่ยงเอ่ยออกมา ชาวบ้านที่เดิมยืนอยู่ค่อนข้างใกล้หลี่จิ้นเป่าก็ถอยห่างหลายก้าวทันที
หลี่จิ้นเป่าถึงขั้นขาอ่อนปวกเปียก อยากจะหนีแต่กลับเนื้อตัวสั่นเทา ขยับเท้าไม่ได้!