ตอนที่ 253 จับเสือมือเปล่า
ซ่งอิงถอนหายใจ “อาสี่ หากท่านจะเป็นผู้ดูแลร้านธรรมดาทั่วไป นั่นคงต้องลงนามสัญญากับข้าด้วย อย่างไรเสียท้ายที่สุดแล้วข้าก็ต้องมอบตำรับนี้ให้ท่าน ฉะนั้นเพื่อรับประกันว่าภายภาคหน้าท่านจะไม่นำตำรับไปเผยแพร่ ทั้งชั่วชีวิตก็จะทำเงินได้เพียงส่วนแบ่งน้อยนิดนั่น แต่การเป็นเจ้าของกิจการย่อมต่างออกไป…”
“นั่นยังต้องให้เจ้าบอกด้วยหรือ” ซ่งหม่านซานกลอกตาใส่อย่างเอือมระอา “หรือไม่เจ้าให้ข้ายืมเงินใช้ก่อน ข้าเป็นเจ้าของกิจการ รอข้าได้เงินแล้วค่อยเอาเงินคืนเจ้า?”
“อาสี่ท่านยังคิดจะจับเสือมือเปล่าอยู่อีกหรือ!” ซ่งอิงกล่าวด้วยความตกตะลึง
เกินไปแล้ว!
ซ่งหม่านซานยิ้มเจ้าเล่ห์ “หากมีความสามารถ จะจับเสือมือเปล่าแล้วจะเป็นไรไปเล่า?”
“หากเจ้ายินยอมก็ทำตามที่ข้าว่าเมื่อครู่ ภายภาคหน้าไม่ว่าเจ้าทำเงินได้มากน้อยเท่าไร ข้าก็จะเอาแค่สิบส่วน เอ้อร์ยา ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลใจอะไรอยู่ ก็ไม่ใช่ปัญหาลูกมือช่วยงานหรอกหรือ ข้าหาสหายของข้า ไม่มีปัญหาแน่ ดีกว่าเจ้าไปจ้างคนงานไม่รู้ตั้งเท่าไร อีกทั้งผู้ดูแลกิจการที่ว่านี่ก็ยังเป็นคนตระกูลตัวเองอย่างข้าอาสี่ผู้นี้ เจ้าจะได้แบกรับความเสี่ยงน้อยกว่ามาก…”
ซ่งอิงย่อมรู้อยู่แล้วว่าข้อดีของซ่งหม่านซานอยู่ตรงไหน
ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางชักชวนเขา
ซ่งหม่านซาน…มีความสามารถในการเรียกหาคนมาสนับสนุนช่วยเหลือมากมาย สหายของเขานั้นส่วนใหญ่เชื่อฟังเขาแล้วยังทำการทำงานได้ดี ความหวาดกลัวที่มีต่อซ่งหม่านซานก็มาจากบุคลิกนักเลงของซ่งหม่านซานนี่ละ
ซ่งอิงครุ่นคิด สุดท้ายก็พยักหน้าตกลง
พ่อค้าต่างถิ่นเหล่านั้นตอบรับยื้อเวลาออกไปให้อีกหน่อย ต้องรอกระทั่งนางและโรงอี้จวินรับช่วงกิจการที่นอกตัวเมืองได้แล้วจึงจะหยุดขายสินค้าแทนพวกนาง ดังนั้นนางจำเป็นต้องเร่งรีบอย่างถึงที่สุด
หากรอกระทั่งร้านชุ่ยเหยียนไจคิดค้นผลิตสินค้าออกมาแล้ว ทว่าสินค้านอกพื้นที่กลับขาดตลาด เช่นนั้นทั้งหมดที่นางทำมาก่อนหน้านี้ก็เท่ากับเป็นการเบิกทางให้ร้านชุ่ยเหยียนไจไปโดยปริยาย
จะโง่ขนาดนั้นได้ที่ไหนกันเล่า
“เช่นนั้นอาสี่ต้องเร่งรีบแล้ว เจ้าของกิจการฮวากล่าวว่าพ่อค้าต่างถิ่นทั้งสี่คนยังยินดีขายสินค้าแทนพวกเราอย่างมากก็อีกสองเดือนเท่านั้น ภายในช่วงเวลานี้จะต้องเปิดร้านขึ้นมาให้ได้จึงจะสำเร็จ” ซ่งอิงกล่าว
“สองเดือน? ค่อนข้างกระชั้นชิดไปหน่อยจริงๆ แต่น่าจะไม่มีปัญหา” ซ่งหม่านซานกล่าว “ใช่แล้ว เจ้ามีเงินเท่าไร”
“สองร้อยตำลึงเงิน…” ซ่งอิงรู้สึกอับอายเล็กน้อย
“สองร้อยตำลึงเงินเลยหรือ ไม่น้อยแล้ว ช่วงแรกยังไม่ต้องซื้อห้อง เช่าสถานที่สักแห่งก็ได้แล้ว ข้าเคยไปทางด้านตัวเมืองยงนั่น พอรู้เช่นกันว่าจะเช่าตรงไหนจึงเหมาะสม ยาสระผมชิงซือของเจ้านี่ขายไม่แพง วัตถุดิบที่ใช้ก็คงไม่ใช่ของที่ราคาสูงเป็นพิเศษแน่ เงินเหล่านี้เพียงพอสำหรับใช้จ่ายแล้วละ” ซ่งหม่านซานบอก
หลานสาวเขาผู้นี้ช่างมากความสามารถจริงๆ เลย!
นี่เพิ่งเป็นผ่านมาเท่าไรเอง? คิดไม่ถึงว่าจะเก็บเงินได้มากขนาดนี้!
นางยังมีที่ดินอีกยี่สิบกว่าหมู่และบ้านหลังใหญ่อีกหนึ่งหลัง!
เก่งกาจจริงๆ!
ดังนั้นต้องทำกิจการยาสระชิงซือนี้ให้จงได้!
ซ่งหม่านซานตื่นเต้นดีใจ พาซ่งอิงเดินไปยังหน้าประตูร้านชุ่ยเหยียนไจ ในมือถือสินค้าของโรงอี้จวิน เดินผ่านไปผ่านมาวางมาดยกใหญ่
“…” ซ่งอิงรู้สึกไม่รู้จะสรรหาคำใดมาพูด
สี่ปีแล้ว!
เรื่องที่เล็กน้อยขี้ปะติ๋ว ยังจำไม่ลืมมาสี่ปี!
“เอ้อร์ยา นี่ก็เพราะเจ้าไม่เข้าใจลูกผู้ชายอย่างไรเล่า” ซ่งหม่านซานคลี่ยิ้มและมองนางแวบหนึ่ง “ลูกผู้ชายศักดิ์ศรีคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ร้านค้านี้เยียบย่ำศักดิ์ศรีของข้า ข้าจะจดจำไปชั่วชีวิต! ข้าก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรหรอก แค่แวะเวียนมาสร้างความรำคาญใจให้พวกเขาเป็นครั้งคราวก็พอแล้ว”
“…” ดูมีเหตุมีผลดี
แต่ถึงอย่างไรนางก็ไม่เข้าใจ นางไม่ใช่ผู้ชายสักหน่อย
“ไปกัน อาสี่จะพาเจ้าไปดื่มที่ภัตตาคารเย่ว์เฟิงกันสักมื้อ” ซ่งหม่านซานกล่าว
ซ่งอิงยังจะพูดอะไรได้อีกหรือ มีของกินทั้งทีย่อมต้องตอบตกลงอยู่แล้วสิ!
เพียงแต่เมื่อไปถึงภัตตาคารเย่ว์เฟิง ซ่งอิงมองเห็นใต้เท้าฮั่วคนเมื่อตอนนั้น เขานั่งอยู่ที่โถงชั้นหนึ่งอย่างสุขุม กินอาหาร…สองอย่างตรงหน้า อย่างหนึ่งเป็นไก่ตุ๋นหัวไชเท้า อีกอย่างคือผักป่าผัดไข่?
รายการอาหาร…ค่อนข้างคุ้นตาเล็กน้อย
อาสี่ก็บังเอิญนั่งลงโต๊ะข้างๆ พอดิบพอดี แล้วยังปรายตามองไปบนโต๊ะของใต้เท้าฮั่วผู้นั้นแวบหนึ่ง ก่อนจะกล่าวกับนาง “เอ้อร์ยา เราก็กินแบบนี้บ้างแล้วกัน ดูไม่เลวทีเดียว แล้วก็เอาสุราชั้นดีอีกสักไห…”
ตอนที่ 254 ดื่มสุราระบายความกลัดกลุ้ม
ซ่งอิงพยักหน้า จากนั้นซ่งหม่านซานก็เรียกเสี่ยวเอ้อร์ให้นำอาหารมาขึ้นโต๊ะทันที
“เจ้าก็ถอดหมวกเถอะ แม้จะอัปลักษณ์ไปหน่อย แต่ไม่เกี่ยวอะไรกับคนอื่น อีกอย่าง อาหารของภัตตาคารเย่ว์เฟิงน่ากินทั้งนั้น แต่ละคนล้วนกินข้าวกันอยู่ ใครจะว่างมามองดูเจ้า?” ซ่งหม่านซานพูดอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
เขาเป็นผู้อาวุโส อีกทั้งคอยหยอกเด็กๆ ในครอบครัวตั้งแต่ยังเล็ก นางจึงเคยชินแล้วกับการพูดจาตรงไปตรงมาเช่นนี้
แต่เวลานี้ ใต้เท้าฮั่วผู้นั้นหันมา ครั้นมองเห็นซ่งอิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เหตุที่ซ่งอิงใส่หมวกไม่ใช่เพราะคิดว่าตัวเองไม่มีหน้าไปเจอผู้คน ความจริงเพียงแค่ต้องการหลีกเลี่ยงความยุ่งยากบางอย่างเท่านั้นเอง ยามนี้นางจึงถอดหมวกออกอย่างเชื่อฟัง
“จะเอาเงินให้ข้าเมื่อใดล่ะ” ซ่งหม่านซานกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ข้าพกติดตัวเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เอาส่วนนี้ให้ท่านก่อนแล้วกัน ส่วนที่เหลือนั้นไว้เดี๋ยวเรากลับบ้านแล้วค่อยว่ากันอีกที” ซ่งอิงกล่าว
ซ่งหม่านซานจำเป็นต้องใช้เงินเลี้ยงดูปูเสื่อบรรดาสหายด้วยอยู่แล้ว นางเองก็เข้าใจนิสัยใจคอของซ่งหม่านซานอาสี่ครอบครัวตนเช่นกันจึงไม่กลัวว่าจะถูกเขาเชิดเงินหนี ส่วนที่เหลือไว้กลับไปหาคนเขียนสัญญาแล้วค่อยให้
ซ่งอิงควักตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงออกมา ณ ตรงนั้นแล้วยื่นให้
ฮั่วเจ้ายวนที่อยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น
ไม่ทันไรอาหารก็ยกมาวางบนโต๊ะ ซ่งหม่านซานชอบแหย่ผู้คนมาแต่ไหนแต่ไร รู้เช่นกันว่าซ่งอิงไม่ขาดเหลืออาหารดีๆ เหล่านี้ ด้วยเหตุนี้ตอนกินข้าวจึงไม่สนใจซ่งอิงแม้แต่น้อย เนื้อในชามแทบจะยัดใส่ท้องของตัวเองทั้งหมด
นี่ยังไม่เท่าไร ขณะกินไปได้หลายคำยังรินสุราให้ซ่งอิงอีกด้วย “เจ้าก็ดื่มหน่อยสิ ดื่มเมาแล้วก็ยังมีข้าอยู่ทั้งคน”
เขาคิดว่าหลานสาวคนรองตระกูลตนต้องมีเรื่องราวไม่น้อยเก็บซ่อนไว้ในใจเป็นแน่
ดื่มสุราระบายความกลัดกลุ้มหลายๆ อึกหน่อยจะได้รู้สึกสบายใจขึ้น
แต่ในสายตาคนอื่นไม่เป็นเช่นนั้น
ฮั่วเจ้ายวนคิดเพียงว่าคนที่ทำหน้าทำตาดูเจ้าเล่ห์นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ผู้นี้รังเกียจรูปลักษณ์ของซ่งอิงไม่ว่า ยังหลอกเอาทรัพย์สินนางอีกด้วย ตอนแรกคุณหนูซ่งผู้นี้น่าสงสารถึงขั้นต้องไปเด็ดดอกไม้ดึกๆ ดื่นๆ เงินหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงนี้…เกรงว่าจะเป็นทรัพย์สินทั้งหมดในบ้านของนางแล้วกระมัง
คิดไม่ถึงว่าจะถูกคนเจ้าเล่ห์ผู้นี้เอาไปเสียแล้ว
เรื่องส่วนตัวของผู้อื่นเขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวเช่นกัน
แต่กระนั้น…
คนผู้นี้เหิมเกริมไปหน่อยแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังเกลี้ยกล่อมให้ดื่มสุราอีกด้วย
คุณหนูใหญ่ตระกูลซ่งผู้มาจากตระกูลบรรดาศักดิ์และเป็นถึงบุตรสาวของผู้มีความสามารถ แม้ตกมาอยู่ในชนบทป่าเขา แต่ก็เป็นคนที่สง่างามและสงบเงียบเรียบร้อย หากดื่มสุราชิงเหมยที่มีส่วนประกอบสุราน้อยนิดไม่กี่อึกก็แล้วไป แต่ที่บุรุษผู้นี้ยื่นให้เป็นสุราอย่างแรง…
ฮั่วเจ้ายวนไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก
โดยเฉพาะมองดูไก่ตุ๋นหัวไชเถ้าตรงหน้านี้ ยิ่งรู้สึกไร้ความอยากไปโดยปริยาย
คิดไม่ถึงว่าแม่นางซ่งจะแต่งกับคนที่ไม่เอาไหนเช่นนี้ ช่างน่าสงสารจริงๆ
“ข้าจะไปหาบรรดาสหายพูดคุยกันก่อน ของนี่เจ้าช่วยข้าเอากลับไปมอบให้เย่ว์เหนียงทีนะ” ซ่งหม่านซานนำสิ่งของที่ซื้อมาผลักไปตรงหน้าซ่งอิง
เย่ว์เหนียงก็คือเหยาซื่อสะใภ้เล็กนั่นเอง
ซ่งอิงรับเอาไว้อย่างว่าง่าย
ฮั่วเจ้ายวนรู้สึกถึงความอึดอัดคับข้องใจที่หน้าอก
“แม่นางซ่ง” ฮั่วเจ้ายวนเอ่ยปากขึ้นในที่สุด
ซ่งอิงและซ่งหม่านซานต่างตะลึงงัน หันขวับไปมอง ซ่งหม่านซานกล่าวด้วยความสงสัย “เอ้อร์ยา เจ้ารู้จักด้วยหรือ ไยจึงไม่บอกแต่แรกเล่า รู้แต่แรกเราก็นั่งโต๊ะเดียวกันเสียก็สิ้นเรื่อง!”
จะต้องสั่งกับข้าวแบบเดียวกันทำไมอีก เขาสั่งอาหารอื่นอีกสองสามอย่างแล้วนั่งร่วมโต๊ะกินด้วยกัน เช่นนั้นจึงจะครื้นเครงดี!
“แม่นางซ่ง…ต้องรู้จักระมัดระวังเอาไว้หน่อยจึงจะดี เกรงว่าความห่วงใยเอาใจใส่ของคนเราจะสู้ความน่าพึ่งพิงของเงินตราไม่ได้อยู่ดี” ฮั่วเจ้ายวนกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งอิงพยักหน้า ก็จริงอย่างว่า
ทว่า แล้วอย่างไรหรือ
“ขอบคุณฮั่วต้าเหรินที่เอ่ยเตือนกันเจ้าค่ะ” ซ่งอิงดูว่าง่ายอย่างยิ่ง
แต่ฮั่วเจ้ายวนคิดว่านางไม่เข้าใจ
หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเงิน ตั๋วเงินซึ่งเป็นจำนวนเงินมากขนาดนี้เอาให้เขาไปง่ายๆ ได้อย่างไร
ต่อให้คนผู้นี้เป็นสามีของนาง นั่นก็ไม่ได้เช่นกัน อย่างไรเสียคนผู้นี้มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นคนไม่เอาการเอางาน ตอนนี้เอาเงินไป เกรงว่าเดี๋ยวเดียวก็เอาไปใช้เล่นการพนัน หากชายผู้นี้ดีต่อนางก็แล้วไป แต่เขากลับให้คุณหนูซ่งเอาเครื่องประทินโฉมไปมอบให้หญิงอื่นแทนเขาอีกด้วย…
ไยจึงไม่เอาไหนเช่นนี้
“แม่นางซ่ง แม้เจ้าหน้าเสียโฉมแต่ไม่ไร้ซึ่งคุณธรรมอันดีงาม ใต้หล้ามีชายที่ไม่สนใจเพียงแค่หน้าตาอยู่มากมาย อย่าได้ยินยอมทนอยู่กับความไม่เป็นธรรม ทำดีต่อตัวเองให้มากหน่อยจึงจะถูก” ฮั่วเจ้ายวนกล่าวขึ้นอีกครั้ง