ตอนที่ 341 ข่มขู่
หากเผยซื่อเป็นคนดีคนหนึ่ง เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ย่อมเข้าข้างลูกสะใภ้ของตัวเองเป็นแน่ แต่ความเป็นจริงคือ เผยซื่ออยากทำให้นางโกรธแทบขาดใจตาย
ดังนั้นขณะนี้ เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่จึงไม่ให้ความเกรงใจต่อนางเลยแม้แต่น้อย “ตระกูลซ่งพวกเราช่างซวยแปดชั่วโคตรจริงๆ ที่ได้เจอตระกูลดองอย่างตระกูลเผยเยี่ยงนี้! พวกท่านดูลูกสะใภ้ข้าผู้นี้สิ ตอนที่เพิ่งแต่งเข้ามาก็ถือว่าไม่เลว แต่ตอนนี้เล่า!”
“พวกท่านไม่รู้อะไร สองวันมานี้พ่อเฒ่าโกรธจนล้มหมอนนอนเสื่อ เผยซื่อถูกตระกูลเผยบีบบังคับ จึงเอาแต่ยื่นมือขอเงินจากพวกเรา ยังไม่เพียงเท่านี้นะ นางคิดจะให้พวกเราเอาของขวัญไปมอบให้ตระกูลเผยอีกด้วย!”
“หากเป็นช่วงฉลองเทศกาล การมอบของขวัญให้ก็เป็นสิ่งที่สมควรอยู่หรอก แต่ตอนนี้…” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่แสดงสีหน้าราวกับว่าไม่รู้จะพูดอย่างไร
เจียวซื่อนึกถึงไข่ไก่สองฟองนั้นที่ตนเองถูกเผยซื่อใช้เล่ห์เพทุบายเอาไป “จำเป็นต้องให้ตระกูลเผยชี้แจงแก่พวกเรา!”
เหยาซื่อสะใภ้เล็กบ้านสี่ก็ยื่นศีรษะชะโงกออกมาเช่นกัน นางอายุค่อนข้างน้อย จะเสียงดังโหวกเหวกเช่นเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ผู้นั้นก็คงไม่ดีนัก จึงจงใจกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล “ เมื่อวาน… ลูกของครอบครัวข้ากินขนมอยู่ คิดไม่ถึงว่าจะถูกเผยซื่อแย่งเอาไป ตอนที่ลูกข้าบอกกับข้า ข้ายังไม่กล้าเชื่อเลย…จะร้ายจะดีนางก็เป็นพี่สะใภ้ มีที่ไหนรังแกน้องชายสามีตัวเองอย่างนี้…”
ครั้นทุกคนเอ่ยพูด เผยซื่อสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“พวกท่านพูดจาเหลวไหลรังแกข้า! ข้าไม่เอาเด็กคนนี้ไว้แล้ว!” เผยซื่อร้องไห้ด้วยความโกรธจัด “สามีข้าไม่อยู่บ้าน พวกท่านก็เลยเหยียบหน้าข้า! พวกท่านล้วนเข้าข้างซ่งอิง นางเด็กนอกคอกคนนี้”
ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย “พี่สะใภ้ใหญ่ หมอก็พูดแล้วเช่นกันว่า ตอนนี้เจ้าป่วยแล้ว ดังนั้นคำพูดของเจ้าข้าก็จะถือเสียว่าไม่ได้เห็นไม่ได้ยิน แต่ทว่า…ช่วยคิดให้ได้หน่อยเถอะ เด็กที่อยู่ในท้องสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด หากเด็กคนนี้ตายไปเพราะเจ้าเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ ป้าสะใภ้ใหญ่จะไม่ปล่อยตระกูลเผยให้ลอยนวลเป็นแน่”
“ใช่!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กัดฟันแน่น!
ไม่ใช่ว่าเอาเด็กมาข่มขู่นางดีนักหรือ ตลอดทั้งวันเอาแต่ยื่นท้อง จะขู่ใครนักเล่า!
ตอนนี้ไม่ว่าความผิดอะไรล้วนตกไปอยู่ที่ตระกูลเผย มีปัญญาก็ร้องไห้ต่อไปสิ!
หากทำให้หลานของนางไม่อยู่แล้ว นางก็จะถือมีดไปถึงบ้านตระกูลเผย ให้ตระกูลเผยชดใช้จนสิ้นเนื้อประดาตัว และลูกสะใภ้คนนี้นางก็ไม่เอาแล้วเช่นกัน!
เผยซื่อนิ่งอึ้งไป “ข้าไม่ได้ป่วย แม่ของข้า…”
“พี่สะใภ้ใหญ่กตัญญู ได้รับความไม่เป็นธรรมแล้วก็ไม่คิดจะเอามาพูดสู่ภายนอก แต่ก็เพราะเช่นนี้จึงได้เก็บกดแล้วเกิดเป็นอาการป่วยขึ้นมา” ซ่งอิงถอนหายใจ
เผยซื่อกัดฟัน คิดอยู่ว่าควรอธิบายอย่างไร
ยามนี้นางก็สงบลงแล้วเช่นกัน รู้ว่าจะโมโหอีกไม่ได้โดยเด็ดขาด ยิ่งโมโห หมอที่ไม่เอาไหนผู้นี้ก็จะยิ่งคิดว่านางป่วย!
เพียงแต่เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ให้โอกาสนี้แก่นางเสียที่ไหนเล่า
“เลิกพูดดีกว่า ไม่เป็นมงคลต่อครอบครัวเอาเสียเลย” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ยกมือโบกๆ “ลูกสะใภ้ข้าคนนี้ร่างกายไม่ค่อยดี จำเป็นต้องกลับห้องไปพักผ่อนแล้ว จะต้องบำรุงดูแลให้ดีๆ เสียหน่อย!”
เพื่อนบ้านก็คิดว่าเผยซื่ออารมณ์ร้ายอย่างยิ่งเช่นกัน
อีกทั้งหากมีเพียงคนเดียวที่กล่าวว่าเผยซื่อทำไม่ถูก เช่นนั้นพวกนางยังพอคิดได้ว่าบางทีเผยซื่ออาจถูกใส่ร้าย แต่ตอนนี้สะใภ้ที่ค่อนข้างไม่ลงรอยกันของตระกูลซ่งล้วนพูดเช่นนี้ แม้แต่ซ่งอิงก็เช่นกัน นั่นจึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเผยซื่อป่วยแล้วจริงๆ
“ใช่แล้ว ต้องไปพักผ่อน รีบเข้าห้องไปเถอะ!” ทันใดนั้นก็มีหญิงวัยกลางคนอดเอ่ยปากขึ้นมาไม่ได้
หญิงตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อย จะปล่อยให้นางมัวแต่ยืนอยู่ในลานบ้านตลอดได้อย่างไรล่ะ
ก่อนหน้านี้เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ไม่กล้าแตะต้องลูกสะใภ้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้แตกต่างออกไปแล้ว ตระกูลเผยเป็นตัวรับบาป นางย่อมไม่เกรงใจอยู่แล้ว ลงมือกระชากลากถูราวกับต้องการบังคับให้คนเขาเข้าไปในห้อง นอกจากนั้นยังแอบบิดเนื้อทีสองทีอีกด้วย
บิดตรงเนื้อหนังสักหน่อยจะกระทบถึงท้องได้หรือ
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เดิมทีก็ไม่ใช่คนที่มีเล่ห์เพทุบายประเภทนี้ แต่หลังถูกเผยซื่อทำให้เดือดดาล ขืนไม่ได้ระบายออกมานางก็จะรู้สึกแย่ในใจ ถึงขั้นที่ว่าหลังบิดจนเป็นเนื้อแล้วสองวงจึงได้รู้สึกสบายใจขึ้นมามากจริงๆ
บัดนี้ ไม่มีใครขวางทางซ่งอิงแล้วเช่นกัน นางเดินออกมาจากบ้านซ่งอย่างสง่าผ่าเผย
ตอนที่ 342 ทำเงินได้ก้อนโต!
ตอนนี้ฐานะในหมู่บ้านของซ่งอิงแตกต่างจากเมื่อก่อนแล้ว คนรอบข้างมองเห็นนาง แต่ละคนล้วนให้ความเกรงอกเกรงใจอย่างยิ่ง
“ฮั่วเหนียงจื่อ ข้าได้ยินว่าเจ้ากับซ่งเหล่าซื่อไปหาเงินที่ทางด้านเมืองยงสถานที่ใหญ่โตแห่งนั้นด้วยกันแล้ว! เมืองยงที่ว่านี้เป็นเช่นไรหรือ ผู้คนทางด้านนั้นแตกต่างกับเรามากหรือไม่” มีคนที่อยากรู้อยากเห็นประเภทนั้นเดินเข้ามาเอ่ยถาม
ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย “แม้กล่าวได้ว่าเป็นการหาเงิน แต่ก็แค่การทำร่วมกับอาสี่เพื่อความสนุกเท่านั้นเอง เมืองยงแห่งนี้…เจริญรุ่งเรืองจริงๆ ช่วงเวลาที่ข้าอยู่ทางด้านนั้นไม่อาจละสายตาได้เลย แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายก็สูงด้วยเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะมีความยากลำบากทางการเงิน ก็อยากจะอยู่ใช้ชีวิตที่นั่นสักปีครึ่งปีเจ้าค่ะ”
ถึงอย่างไรนางก็ไม่อาจพูดออกไปได้ว่า ตอนนี้ตนมีเงินไม่มากเท่าใด แต่หลังจากนี้จะต้องทำเงินได้ก้อนโตเป็นแน่
จะดีแต่พูดอย่างเดียวเกินไปไม่ได้
“ข้าคิดเช่นกันว่าพวกเจ้าแค่ทำเล่นๆ กันเท่านั้น ซ่งเหล่าซื่อ…ทำเรื่องที่ผู้ใหญ่เขาทำกันเป็นที่ไหนเล่า เจ้าเองจะต้องเตรียมตัวให้ดีๆ ด้วย เงินนี่ไม่ช้าก็เร็วคงได้ละลายไปกับน้ำ” อีกฝ่ายกล่าวขึ้นอีกครั้ง
เพื่อนบ้านคนอื่นที่อยู่ข้างๆ ล้วนอดพยักหน้าเชิงเห็นด้วยไม่ได้
ซ่งอิงเม้มปากยิ้มเล็กน้อย
อย่าว่าแต่คนตระกูลซ่งไม่เชื่อในตัวซ่งหม่านซานเลย แม้แต่คนนอกก็ไม่เชื่อ
แต่ทว่านางไม่ช่วยอธิบายแทนซ่งหม่านซานเช่นกัน พูดมากไปกว่านี้คนอื่นก็มีแต่จะคิดว่าซ่งหม่านซานเข้าใจหลอกคนอื่น เป่าหูหลานสาวคนรองอย่างนางผู้นี้ให้หน้ามืดตามัว
เพื่อนบ้านซ้ายขวาก็แค่ทักทาย จากนั้นเอ่ยถามทัศนียภาพของเมืองยงก่อนจะพากันแยกย้ายไป
วันรุ่งขึ้น ซ่งอิงจับจ่ายซื้อหาเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร
ซ่งอิงเดิมทีคิดว่าจำเป็นต้องรออีกสักระยะ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าในโรงเครื่องปั้นดินเผามีแบบ ‘เป็นชุด’ ที่ทำสำเร็จแล้วอยู่ด้วย มีชามจานหลากรูปร่างหลากสีสัน ซ่งอิงเพียงแค่ต้องเลือกสีสันที่ต้องการก็ใช้ได้แล้ว ประหยัดเวลาไปได้ไม่น้อยเลย
เพียงแต่ชามจานลักษณะที่ทำออกมาเป็นแบบเดียวกันและมีรูปทรงสวยงามเช่นนี้ราคาออกจะแพงไปหน่อย ซ่งอิงใช้จ่ายเงินไปถึงสามสี่ตำลึงเงิน
สินค้าจะถูกขนส่งไปยังร้านที่เมืองท่าเล็กๆ แห่งนั้น
หร่วนซื่อและซ่งจินซานเพิ่งซื้อโต๊ะเก้าอี้และจัดวางเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย ยามนี้มองเห็นถ้วยชามที่ซ่งอิงซื้อมา เกือบหายใจไม่ออกขึ้นมาทันที
มองแวบเดียวก็รู้ว่าต้องใช้เงินไม่น้อย
เดิมทียังอยากจะบ่นซ่งอิงสักหน่อย แต่เห็นสีหน้าท่าทางนางเต็มไปด้วยความปลื้มอกปลื้มใจ หร่วนซื่อจึงทำได้เพียงกลืนคำพูดกลับลงไป!
หาเงิน! จำเป็นต้องหาเงินก้อนโตให้ได้!
มิเช่นนั้นต่อให้ค้ำจุนมากเท่าใดก็ไม่เพียงพอให้บุตรสาวใช้จ่ายอยู่ดี?!
หร่วนซื่อเกิดประกายไฟแห่งการต่อสู้ขึ้นมาเล็กน้อยเช่นกัน มองดูร้านค้านี้ด้วยแววตาที่กระตือรือร้นยิ่งขึ้น
เปิดร้านค้าไม่ใช่เรื่องง่าย ตั้งแต่ป้ายร้านถึงแสงสว่าง ความสะอาด อุปกรณ์ห้องครัว ข้าวของในร้าน รวมไปถึงพนักงานก็ต้องใส่ใจอย่างละเอียด ดังนั้นซ่งอิงจึงได้นับถือในตัวซ่งหม่านซานที่ทำให้ร้านเซียนเส้อออกมาเป็นระเบียบร้อยร้อยดีขนาดนี้ได้ภายในเวลาอันสั้นขนาดนั้น
นางจึงยิ่งเอาใจใส่กับ ‘ร้านอาหารตระกูลซ่ง’ มากหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกเรื่องล้วนมีตัวนางเป็นผู้ลงมือ
ถึงขั้นว่าเรื่องสำคัญๆ ส่วนใหญ่นางมอบให้บิดานางซ่งจินซานเป็นผู้จัดการ
บิดานางเป็นคนซื่อตรงเสียเหลือเกิน เดิมทีก็จำเป็นต้องฝึกฝนให้มากๆ ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง จะให้เขาอยู่แต่ในร้านทำงานอย่างเก็บเงินและเดินไปเดินมาก็คงไม่เหมาะสมนัก แต่ก็พอจะเป็น ‘หัวหน้าผู้ดูแลร้าน’ รับผิดชอบเจรจากับคนส่งสินค้าได้อยู่บ้าง
เรื่องนี้สำคัญยิ่ง
ก็อยากเช่นภัตตาคารเย่ว์เฟิงในตัวอำเภอหลี่แห่งนั้น ภัตตาคารนั้นให้ความสำคัญกับวัตถุดิบอาหารมาก ดังนั้นกิจการจึงดีงามเพียงนี้
แน่นอนว่ากิจการของครอบครัวนางไม่ซับซ้อนเทียบเท่ากับภัตตาคารเย่ว์เฟิงแห่งนั้น วัตถุดิบที่ต้องการก็ค่อนข้างเรียบง่าย แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะถูกคนต้มตุ๋น ดังนั้นจำเป็นต้องมีคนคอยดูแลในส่วนนี้
หลายวันจากนั้น ซ่งอิ๋นซานนำถาดที่ทำเสร็จแล้วมาส่งให้เป็นการเฉพาะ
เห็นร้านแห่งนี้ของครอบครัวพี่รอง ก็อดอิจฉาขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน
ร้านลักษณะนี้ ไม่มีหลายสิบตำลึงเงินคงไม่มีทางเช่าได้แน่…
แต่ทว่าซ่งอิ๋นซานในฐานะบุตรลำดับที่สามของตระกูลซ่ง ตั้งแต่เล็กก็ผ่านการเลี้ยงดูให้ซื่อตรงไม่ชอบการแข่งขัน ดังนั้นก็แค่อิจฉา แต่ลึกๆ ในใจก็ดีใจแทนซ่งจินซาน ซ่งจินซานกับซ่งอิ๋นซานทั้งสองคนเดิมทีก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน สองพี่น้องได้เจอะเจอกันจึงพูดคุยกันมากมาย
ซ่งอิงมองดูถาดเหล่านี้ รู้สึกพึงพอใจจริงๆ