ตอนที่ 381 สมทบเงิน
หมอผู้เฒ่ามองเขาแวบสายตาหนึ่ง “จำเป็นต้องใช้ยาดีหลายตัว ราคาก็ไม่ธรรมดาเลย…”
เขาช่วยเขียนตำรับยาให้ ซึ่งในรายการตำรับยานี้ มีทั้งชะมดที่ไม่ใช่ราคาถูกๆ อำพันก็แสนแพง โสมค่อนข้างแพงเช่นกัน ที่แพงสุด…คือการบูร ร้านยาที่ใหญ่ที่สุดทางด้านตัวอำเภอนั้นอาจมีขาย แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตา
ซ่งอิ๋นซานรับตำรับยานั้นมา ถึงกับมือไม้สั่นเทาเล็กน้อย
“ท่านหมอ นี่…นี่จำเป็นต้องใช้เงินเท่าไรหรือ” หม่าซื่ออดเอ่ยถามไม่ได้
หม่าซื่อ แต่ไหนแต่ไรมาอยู่ในตระกูลซ่งอย่างราวกับไร้ตัวตน บัดนี้พลันเอ่ยปากขึ้นมา แม้แต่ซ่งอิงก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้ จึงหันขวับไปมองนาง
หญิงชราผู้นี้มองดูตามจริงก็มีลักษณะท่าทีอย่างผู้มั่งคั่งอยู่เล็กน้อย เพราะโดยปกติแล้วไม่ต้องกังวลใจเรื่องลูกหลานและเรื่องในบ้าน ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีเรื่องอะไรให้กลัดกลุ้ม เมื่อเพ่งมองอย่างละเอียดกลับดูเหมือนคนอายุประมาณห้าสิบปีเท่านั้น
“ยาชุดนี้รวมๆ กันแล้วอย่างน้อยก็ต้องหนึ่งร้อยยี่สิบสามสิบตำลึงเงิน” หมอผู้เฒ่าบอกกล่าว
“แพงขนาดนี้เชียวหรือ” ซ่งอิ๋นซานอดส่งเสียงเอ่ยด้วยความตกใจไม่ได้
ก็แม้แต่เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ยังหยุดร้องไห้แล้วจ้องมองอย่างอึ้งทึ่งเช่นกัน รู้สึกไม่กล้าเชื่อ ส่วนเจียวซื่อก็คอยจับจ้องตลอดเวลา ด้วยกลัวว่าสามีของตนจะต้องจ่ายค่ายาดังกล่าว ดังนั้นก็คอยตั้งใจฟังเช่นกัน
“จะบอกกล่าวกับเจ้าเยี่ยงนี้แล้วกัน ยานี้จะใช้ก็ได้ ไม่ใช้ก็ได้เช่นกัน หากใช้ ก็จะช่วยให้ได้สติกลับคืนมาโดยไม่ต้องห่วง หลังได้สติแล้วก็ค่อยบำรุงอย่างละเอียดถี่ถ้วน อีกสักปีครึ่งร่างกายก็จะกลับมาเป็นเหมือนตอนแรกได้ ก่อนหน้านี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกเท่าไหร่ หลังจากนี้ก็ยังจะได้มีชีวิตยืนยาวอีกเท่านั้น แต่หากไม่ใช้…”
“ข้าได้ใช้ยายับยั้งลมโกรธอันเป็นต้นเหตุของอาการเอาไว้แล้ว ไอ้เรื่องตายน่ะไม่ตายหรอก เพียงแต่… หลังจากนี้คงเลี่ยงมิได้ที่จะต้องนอนติดเตียง จะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่และหลังฟื้นขึ้นมาแล้วจะเป็นสภาพเช่นไร นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่อาจบอกกล่าวได้ คนที่อายุมากแล้ว ไม่ควรได้รับการกระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรง เหล่าเกอเดิมทีร่างกายไม่เลว ยามนี้ก็เพราะโกรธจัดจึงเลือดลมขึ้นไปหล่อเลี้ยงหัวใจไม่ทัน มีเพียงต้องกินยาที่ปกป้องลมปราณหัวใจจึงจะไม่เป็นอะไร…” หมอผู้เฒ่ากล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งอิ๋นซานถึงขั้นเหงื่อตก
“แต่ แต่ยานี้ไยจึงแพงเสียขนาดนี้?” เจียวซื่ออดกล่าวไม่ได้
ซ่งอิ๋นซานตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยเช่นกัน มองหมออย่างไม่เข้าใจ
ปกติแล้วตรวจรักษาอาการป่วย บางครั้งแค่ไม่กี่อีแปะ และบางครั้งไม่กี่สิบอีแปะก็ซื้อยาได้แล้ว หากแพงหน่อยก็แค่หนึ่งร้อยกว่าอีแปะเท่านั้นเองนี่ื
ไม่เคยได้ยินยาสมุนไพรที่ราคาตั้งหนึ่งร้อยกว่าตำลึงเงินมาก่อน!
“ยานี้ถือได้ว่าเป็นยาราคาแพง ยาสมุนไพรตัวก่อนหน้าพวกเจ้าเองก็น่าจะเคยได้ยินมาก่อนเช่นกันว่ามันไม่ใช่ยาธรรมดาทั่วไป ส่วนการบูร…การบูรนี้เรียกอีกอย่างว่าหลงเหน่า เป็นสิ่งที่สกัดออกมาจากต้นการบูร ซึ่งต้นการบูรที่ว่านี้แคว้นต้าติ้งเราไม่มี นอกจากเครื่องราชบรรณาการที่ต่างแดนส่งมอบให้ราชสำนัก ก็ทำได้เพียงอาศัยพ่อค้าต่างถิ่นต่างแดนพวกนั้นขนส่งเข้ามา การบูรจึงเป็นของที่หาได้ยากยิ่ง เป็นธรรมดาที่จะราคาแพง…” หมอผู้เฒ่ากล่าวขึ้นอีกครั้ง เมื่อบอกกล่าวเช่นนี้ ทุกคนก็เป็นอันเข้าใจได้
ต่างถิ่นแดนไกลขนาดนั้น เครื่องหอมทั่วไปที่ขนย้ายเข้ามาโดยปกติก็ยังราคาแพงกว่าหน่อย แล้วนับประสาอะไรกับของที่ช่วยชีวิตคนได้ประเภทนี้
“ซื้อ!” หลังซ่งอิ๋นซานฟังจบ กัดฟันแน่นแล้วกล่าวกับหม่าซื่อ “ท่านแม่ หีบของท่านพ่อใบนั้นน่าจะยังพอมีเงินอยู่บ้างกระมัง ท่านลองหากุญแจแล้วเปิดดูสิว่ามีเงินจำนวนเท่าไหร่ หากไม่พอพวกเราพี่น้องก็ค่อยสมทบเงินกัน!”
พี่น้องอีกสามคนล้วนไม่อยู่บ้าน เขาจึงจำเป็นต้องเป็นผู้ตัดสินใจ
“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน…ลองดูเช่นกันว่าพอจะเอาเงินให้ได้เท่าไหร่ พวกเราบ้านสามทางด้านนี้คาดว่ามีประมาณสิบตำลึงเงิน ไว้เดี๋ยวจะไปหยิบออกมา…” ซ่งอิ๋นซานกล่าวขึ้นอีกครั้ง
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ตะลึงงันอย่างยิ่งเช่นกัน จากนั้นก็พยักหน้ารัว “ข้า ข้าจะไปหยิบมาเดี๋ยวนี้ละ!”
เจียวซื่อกำหมัดแน่น ในใจเต็มไปด้วยคำว่าไม่ยินยอม แต่นางรู้เช่นกันว่า นางรู้สึกไม่ยินยอมในตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ นี่เป็นบิดาแท้ๆ ของสามีตน หากนางแสดงออกว่าไม่ยินยอม สามีนางผู้นี้จะต้องโกรธเคืองนางไปชั่วชีวิต เจียวซื่อรู้ขีดจำกัดขั้นต่ำสุดของสามีตัวเองอย่างกระจ่างแจ้ง นางย่อมไม่กล้าแตะต้องโดยง่ายเป็นธรรมดา
ตอนที่ 382 ไปตายด้วยกันเลยเถอะ
เพียงแต่เงินที่ว่านี้จะให้เพียงบ้านใหญ่และบ้านสามออกไม่ได้
เจียวซื่อมองไปยังซ่งอิงแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองไปยังเหยาซื่อสะใภ้เล็กที่แอบมองดูจากในห้อง
“ส่วนของท่านพ่อกับท่านแม่ข้าจะเป็นคนออกให้เอง อาสะใภ้สามออกเท่าใดพวกเราก็ออกเท่านั้น” ซ่งอิงกล่าว
ต่อให้นางสงสารผู้เฒ่าซ่งจับใจ แต่ยามนี้ก็จะทำเกินหน้าเกินตาบรรดาบุตรชายของผู้เฒ่าซึ่งเป็นผู้ตัดสินใจไม่ได้ จะกล่าวว่าขอเป็นผู้จ่ายค่ายาทั้งหมดก็ยิ่งไม่ได้ไปกันใหญ่
นางพูดถึงขนาดนี้แล้ว เจียวซื่อสะใภ้เล็กที่อยู่ไม่ไกลออกไปจึงกล่าวขึ้นมาเช่นกัน “ข้าก็เช่นเดียวกับเอ้อร์ยา”
เจียวซื่อถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เช่นนี้ ส่วนที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของบ้านใหญ่ เดิมทีที่ทำให้ผู้เฒ่าหมดสติไปครานี้ก็เป็นเพราะความชั่วร้ายของหลานชายคนโต ก็สมควรให้บ้านใหญ่เป็นผู้ออกเงินมากหน่อยจึงจะถูก!
เพียงแต่พวกเขารู้เช่นกันว่าต่อให้บ้านใหญ่มีเงินมากสักเพียงใด ก็ไม่ถึงขั้นออกเงินได้มากถึงหนึ่งร้อยตำลึงเงินเช่นกัน
“ช้าก่อน” หม่าซื่อกลับเอ่ยปากกระทันหัน “ค่ายาแพงเกินไป ทางด้านพ่อเจ้านั้นก็ไม่มีเงินแล้วเช่นกัน”
ซ่งอิ๋นซานตะลึงงันไปชั่วครู่ ก็แม้แต่เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ที่ย่างก้าวพ้นประตูไปแล้วหนึ่งฝีก้าวก็ชะโงกกลับเข้ามา มองหม่าซื่ออย่างไม่เข้าใจ “แต่เมื่อก่อนท่านพ่อเคยเอ่ยกับฝูซานเอาไว้นะเจ้าคะ กล่าวว่าเขายังมีเงินอยู่อีกยี่สิบตำลึงเงิน…”
สามีของนางในฐานะบุตรชายคนโตของตระกูลซ่ง ผู้เฒ่าจึงบอกกล่าวเขาอย่างหมดเปลือกมาโดยตลอด ไม่ได้โกหกอย่างแน่นอน
“ไม่พอหรอก จริงอยู่ที่ว่ามียี่สิบตำลึงเงิน ว่าแต่ทางด้านฝูซานจะออกเงินเท่าไหร่หรือ” หม่าซื่อกล่าว
“ในบ้านมี…ห้าสิบกว่าตำลึงเงินเจ้าค่ะ…” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กล่าว
นอกจากส่วนหนึ่งที่ชายชราเคยให้ไว้เมื่อตอนแยกครอบครัว ก็ยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่นางแอบเก็บหอมรอมริบมาตลอดหลายปีนี้ น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ส่งเงินค้ำจุนบุตรชายคนโต ใช้จ่ายไปอีกไม่น้อย มิเช่นนั้นยังพอเหลือมากกว่านี้อีกหน่อย
“ใช่แล้ว พอคำนวณเช่นนี้ ก็มีเพียงหนึ่งร้อยตำลึงเงินเท่านั้นเอง ยังขาดอีกสามสิบตำลึงเงิน” หม่าซื่อกล่าว
“ข้าจะไปขอยืมเงินจากครอบครัวมารดาอีกจำนวนหนึ่งเจ้าค่ะ…” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เอ่ยทันควัน
ผู้เฒ่าซ่งถูกบุตรชายของนางทำให้โมโหจนล้มป่วย เกิดเขามีอันเป็นไปจริง บ้านใหญ่อย่างพวกเขาไม่เป็นอันต้องเป็นผู้เป็นคนกันพอดี ตายไปด้วยกันเสียเลยยังดีกว่า!
หม่าซื่อมองนางภายใต้สีหน้าเรียบเฉย “ยืมเงินตั้งมากมายขนาดนี้แล้วภายภาคหน้าจะใช้คืนอย่างไร เอาเช่นนี้แล้วกัน พวกเจ้าแต่ละบ้านออกเงินกันสิบตำลึงเงิน ซื้อยาธรรมดามาจำนวนหนึ่ง เงินที่มากมายขนาดนี้ก็เพียงพอให้รักษาไปนานเน ภายภาคหน้าหากฟื้นขึ้นมาได้ กินของดีๆ ให้มากหน่อยก็เป็นอันใช้ได้แล้ว อีกอย่าง อย่าได้พูดจาเหลวไหลสู่ภายนอก พ่อเฒ่าอายุปูนนี้แล้วจึงได้หกล้มไปเอง”
“ท่านแม่!?” ซ่งอิ๋นซานคิดว่าตนฟังผิดไปแล้ว “ท่านหมายความว่าจะไม่รักษาแล้วหรือ!”
“รักษาสิ! แต่จะใช้ยาที่แพงขนาดนี้ไม่ได้! เกิดรักษาให้หายดีไม่ได้ เช่นนั้นเงินนั่นไม่เท่ากับเอาไปละลายน้ำแล้วหรือ! ทั้งครอบครัวมีสมาชิกตั้งมากมายขนาดนี้ ก็เป็นอันต้องอดอยากปากแห้งกันพอดี!” หม่าซื่อเอ่ยพูดยืนกรานเสียงแข็งเป็นครั้งแรก
ซ่งอิงมองหม่าซื่อด้วยแววตาเย็นชาขึ้นมาก
เมื่อก่อนนางคิดเพียงว่าหม่าซื่อแค่เป็นคนหน้าตาบูดบึ้ง ตอนนี้มองดูแล้ว จิตใจชั่วร้ายไม่น้อยเช่นกันทีเดียว
แต่ละบ้านเอาเงินมาให้สิบตำลึงเงิน เงินที่ว่านี้จะเอามาใช้รักษาอาการป่วยชายชราจริงหรือ เกรงว่าตัวนางเองคิดจะเก็บเงินเอาไว้เสียมากกว่า และจะได้ถือโอกาสเอาเงินนี้มาเอาใจบรรดาบุตรหลานของแต่ละบ้านกระมัง
“ท่านแม่ ท่านพ่อข้ายังไม่ตายนะขอรับ เราสมทบเงินกันก็รักษาเขาให้หายได้!” ซ่งอิ๋นซานตระหนกตกใจในตัวมารดาเขาจริงๆ
ซ่งต๋าดึงชายเสื้อของเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ “ข้าไม่อยากให้ท่านปู่เป็นอะไรไป…”
เหยาซื่อพยายามปลุกสติของตนเองให้ตื่นตัว “ท่านแม่ พวกเราบ้านใหญ่ยินดีออกเงินเจ้าค่ะ พวกข้าทำเรื่องน่าละอายใจประเภทนั้น สวรรค์มองดูอยู่นะเจ้าคะ หากไม่รักษาจริงๆ จากนี้ฝูซานต้องนอนไม่หลับแน่…”
เสียดายเงินก็เสียดาย แต่เงินกับบุตรชายอันไหนสำคัญกว่าเล่า
ลูกต๋ายืนมองอยู่ตรงนี้ หากนางไม่กตัญญูต่อชายชรา ภายภาคหน้าลูกต๋าเอาเป็นแบบอย่างก็จะไม่กตัญญูต่อนางบ้างเช่นกัน
เมื่อครู่นางได้ยินคำพูดของบุตรชายคนโตแล้วเช่นกัน ตอนนี้สมองเวิ้งว้างไปหมด เกี่ยวกับบุตรชายคนโต นางไม่กล้าคิดอะไรอีกแล้ว เพราะนั่นทำให้เจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน!
“หากพวกเจ้ายังเห็นข้าเป็นแม่ของพวกเจ้า เช่นนั้นก็เชื่อฟังข้า พ่อเจ้ามีชีวิตอยู่มาปูนนี้แล้วยังต้องไปกินยาอะไรพวกนั้นเสียที่ไหนกัน ต่อให้ตื่นขึ้นมาก็คงนอนหลับไม่สนิทเช่นกัน” หม่าซื่อปรายตาขึ้นในทันทีทันใด ยังคงยืนกรานเด็ดขาด