บทที่ 397 มรดกตกทอด
ฮั่วเจ้ายวนเรียกพ่อบ้านประจำจวนมาพบ
“สบู่นี้ใช้ดี บอกให้คนซื้อกลับมาอีกหน่อย จากนี้ไปก็ใช้สิ่งนี้ซักเสื้อผ้า ไม่ต้องใช้อย่างอื่นแล้ว” ฮั่วเจ้ายวนกล่าว
พ่อบ้านงุนงงอย่างยิ่ง
นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่เสียหน่อย ใต้เท้าเพียงแค่บอกกล่าวเรื่องนี้กับคนข้างกายก็เป็นอันใช้ได้แล้ว เหตุใจจึงยังต้องเรียกเขามาถึงที่เป็นการเฉพาะด้วยเล่า ทว่าแม้นึกสงสัยในใจ แต่ผู้ดูแลบ้านก็ทำตามคำสั่งในทันที
ฮั่วเจ้ายวนก็พูดเพียงเท่านั้นเช่นกัน
ในเมืองยงแห่งนี้ มีคนจำนวนไม่น้อยอยากสืบหาว่าเขาชอบอะไร เมื่อครั้งวันไหว้บ๊ะจ่าง เขาเพียงกินบ๊ะจ่างเพิ่มไปไม่กี่ชิ้น หลายวันถัดมาก็ได้รับเทียบเชิญเขาไปกินบ๊ะจ่างที่จวน ถึงขั้นมีคนตั้งใจทำบ๊ะจ่างหลากหลายรสส่งมาให้ถึงที่ เรื่องเล็กน้อยนี่ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเช่นกัน มิเช่นนั้นหากเหล่าข้าหลวงในเมืองไม่อาจสืบรู้ถึงความชอบของเขาได้เลย จะกลายเป็นพานให้กระวนกระวายใจเสียเปล่า
ในเมื่อซ่งอิงส่งของขวัญมาแล้ว เขาก็ควรตอบแทนสักหน่อย
…
วันนี้ฮั่วเจ้ายวนเพิ่งสั่งการไป วันถัดมาร้านเซียนเส้อก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คน
ซ่งหม่านซานตกตะลึงเล็กน้อย
“เอ่อ พวกเราขายหมดแล้ว…”
“ไม่รีบ รอได้? เช่นนั้น เช่นนั้นก็ได้ขอรับ ท่านทิ้งที่อยู่ไว้ เมื่อของมาถึงแล้วข้าจะหาคนนำไปส่งให้ท่าน…”
“…”
วันนี้ซ่งหม่านซานพูดประโยคเหล่านี้ซ้ำๆ จนปากคอแทบจะแห้งผาก
ตามจริงยังมีสบู่อยู่อีกหนึ่งร้อยก้อน แต่ในเมื่อของขายดีก็ต้องคิดการสำรองไว้ เพราะหากเจอใครที่ไม่อาจรอมชอมได้ ก็จะได้นำออกมาให้บางส่วน
เพียงแต่…
“วันนี้ช่างประหลาดจริง เอ้อร์ยา เจ้าดูสิ นี่คือตระกูลอู๋ เป็นแม่ทัพที่คอยป้องกันตัวเมือง นี่เป็นตระกูลของจือฝู่นี่คือจือซื่อจากตระกูลเหลียง แล้วยังมีนี่อีก นี่เป็นถึงตระกูลตง ร้านผ้าอันดับหนึ่งของเมืองยง ผ้าจากร้านของตระกูลเขาโด่งดังไปทั่ว นับเป็นหนึ่งในห้าตระกูลร่ำรวยของเมืองยงเลยทีเดียว…พวกเขาตั้งใจมาซื้อสบู่ที่ร้านเราเชียวหรือ แล้วยังยินดีรอของอีกด้วย!?”
ซ่งหม่านซานรู้สึกคล้ายว่าบันทึกเบื้องหน้าตนไม่ใช่เรื่องจริง
แต่ในบันทึกก็ระบุไว้ชัดเจนว่า ตระกูลไหนและครัวเรือนไหนสั่งจองสบู่ไว้หนึ่งร้อยก้อน…
คล้ายว่าผู้มีชื่อเสียงในเมืองยงทั้งหมด แทบจะแห่กันมาถ้วนหน้าแล้ว ทั้งยังสั่งล่วงหน้าครัวเรือนละหนึ่งร้อยก้อน ตระกูลจวนจือฝู่ดูจะมียอดสั่งซื้อมากมายที่สุด เขาต้องการมากถึงห้าร้อยก้อน!
“พวกเขาคงมิใช่ว่า…คิดจะซื้อไปขายต่อในราคาสูงหรอกกระมัง” ซ่งหม่านซานเผลอคิดไปในแง่ร้าย
ในตอนแรกเริ่มซ่งอิงก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน
กระทั้งเมื่อซ่งหม่านซานพูดจบ นางก็พอคาดเดาสถานการณ์ออกแล้ว
แม้สบู่นี้ใช้ดีเพียงใด ก็ไม่น่าดึงดูดความสนใจของคนใหญ่คนโตในเมืองได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน อีกทั้งตระกูลผู้มั่งคั่งเหล่านี้มีของดีที่ใช้อาบน้ำซักผ้าไม่น้อยเช่นกัน ของใช้อย่างสบู่น่าจะเป็นเพียงของใช้สำหรับชาวสามัญชนทั่วไปด้วยซ้ำ!
นอกจากใต้เท้าฮั่วผู้นั้น นางก็ไม่อาจหาคำอธิบายอื่นได้อีก
หากเป็นเช่นนี้จริง ซ่งอิงก็รู้สึกถึงความยุติธรรมขึ้นมากในใจ
ของขวัญที่มอบให้ไปนี้ ไม่เสียเปล่าเลยนี่
หากรู้แต่แรก นางก็จะขอมอบให้เยอะหน่อย
“ในเมื่อพวกเขากล้าซื้อ พวกเราก็ต้องกล้าขาย อาสี่ ท่านเก็บตำรับไว้ให้ดี ไว้ข้ากลับไปจะคิดตำรับที่เพิ่มกลิ่นดอกไม้ลงไป ถึงตอนนั้นข้าจะส่งจดหมายมาบอกกล่าวท่าน” ซ่งอิงเอ่ย
เกลือธรรมชาติทำปฏิกิริยากับปูนขาวจึงได้มาเป็นโซดาไฟ สูตรพิเศษนี้ซ่งอิงเพียงบอกซ่งหม่านซานเท่านั้น ซึ่งเวลาที่ผลิตสบู่ ขั้นตอนนี้ให้เขาลงมือทำด้วยตนเอง ส่วนงานที่ต้องใช้แรงหน่อยก็ให้คนอื่นทำแทน อย่างนี้จะช่วยประหยัดแรงและแน่ใจได้ว่าตำรับวิธีการลับนี้จะไม่เล็ดรอดสู่คนนอก
ในเมื่อคิดค้นสบู่ออกมาได้แล้ว ขั้นตอนการเพิ่มกลิ่นดอกไม้ก็ไม่ถือเป็นเรื่องยากสำหรับซ่งอิงแล้ว
ซ่งหม่านซานรู้เช่นกันว่าตำรับวิธีการทำสำคัญเพียงใด เขาจึงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เอ้อร์ยาเจ้าวางใจเถิด ข้าเอาหัวเป็นประกันว่าตำรับนี้จะไม่เล็ดรอดออกไปอย่างแน่นอน!”
นี่เป็นสูตรที่จะกลายเป็นมรดกตกทอดของตระกูล!
ซ่งอิงอดหัวเราะไม่ได้
ตามจริงนางก็ไม่ได้เคร่งครัดถึงเพียงนั้น แม้สูตรตำรับสำคัญ แต่คนก็ยังมีความสำคัญยิ่งกว่า ทว่าในเมื่อท่านอาสี่แสดงท่าทีจริงจัง นางย่อมต้องให้เกียรติเขาเช่นกัน จึงแสดงออกอย่างใส่ใจเป็นพิเศษ “เช่นนั้นหลานสาวอย่างข้าก็ขอฝากชีวิตไว้ในมือท่านด้วย!”
บทที่ 398 ลักษณะเฉพาะของซ่งหม่านซาน
ซ่งหม่านซานตระหนกตกใจ จากนั้นก็ยิ่งรู้สึกเอาจริงเอาจังมากขึ้นกว่าเดิม
ตอนแรกที่ทำงานกับซ่งอิง เขาย่อมมีความคิดและอารมณ์ชั่ววูบผุดขึ้นมาอยู่บ้างไม่มากก็น้อย และคิดอยู่เช่นกันว่าได้ถือโอกาสดูแลเหล่าพวกพ้องไปด้วยในคราวเดียว อีกทั้งแท้จริงแล้วเขาก็มีเรื่องปิดบังซ่งอิงอยู่บ้างเช่นกัน
งานตำแหน่งขุนนางควบคุมประตูระบายน้ำนั่น เขาเพียงขอลางานเท่านั้นเอง เขามีความสัมพันธ์อันดีกับผู้บังคับบัญชา จึงขอให้คนอื่นมาทำงานแทนเขาสามเดือน หากพ้นสามเดือนไปแล้ว ผลการค้าขายไม่ดีนักค่อยกลับไปทำงานที่ได้รายได้มั่นคงเหมือนเดิม ไม่มีผลกระทบใดๆ เลยสักนิด…
แต่ตอนนี้ ผู้เป็นหลานสาวฝากฝังไว้เพียงนี้ ซ่งหม่านซานกลับรู้สึกว่าตนช่างไม่เอาไหนเสียเลย
ไฉนจึงเลือกใช้วิธีอย่างเหลือทางหนี้ทีไล่เสียได้เล่า
ดูเอ้อร์ยาเข้าสิ สาวน้อยที่บริสุทธิ์เพียงนี้ พอรู้วิธีหาเงินก็นึกถึงเขา แต่ตัวเขากลับไม่ได้ทุ่มเทอย่างสุดกำลังความสามารถ…
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซ่งหม่านซานก็นึกละอายใจอย่างยิ่ง
เขานอนกระสับกระส่ายตลอดทั้งคืน ท้ายที่สุดก็เขียนจดหมายไปทางด้านอำเภอหลี่
เขาจะไม่กลับไปแล้ว
ละโมบโลภมากไม่รู้จักพอ เช่นนั้นมิได้เชียว หากเอ้อร์ยารู้เข้า จะน่าผิดหวังมากเพียงใดกัน
แน่นอนว่า สิ่งที่ซ่งหม่านซานไม่รู้ก็คือ ตามจริงแล้วซ่งอิงเข้าใจสถานการณ์การทำงานของซ่งหม่านซาน และถึงขั้นคาดเดาเรื่องนี้ออกด้วยเช่นกัน!
ทำไมน่ะหรือ เพราะเหยาซื่อสะใภ้เล็กอย่างไรเล่า
ตอนนางไปบ้านซ่ง เหยาซื่อสะใภ้เล็กโน้มน้าวนางอยู่หลายครั้ง คล้ายกลัวว่านางจะสร้างความกดดันในการหาเงินให้อาสี่มากเกินไปก็ไม่ปาน
นางมักรู้สึกว่า เหยาซื่อสะใภ้เล็กไม่ได้กังวลว่าอาสี่จะมีความสูญเสียทางการเงินเลยสักนิด เรื่องนี้ดูผิดปกติ เพราะแม้สามีภรรยามีสัมพันธ์ดีงามต่อกันเพียงใด แต่หากเรื่องเกี่ยวข้องกับเงินมากมายเพียงนี้ ก็น่าจะแสดงความเป็นห่วงเป็นใยบ้าง…
เว้นเสียแต่ว่าแม้ต้องมีความสูญเสียทางการเงิน ก็มีช่องทางหาเงินมาใช้จ่ายทดแทนกันได้ ไม่เช่นนั้นผู้เป็นภรรยาคงไม่เพิกเฉยกับเรื่องนี้ถึงขนาดนี้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ยังจะมีอะไรไม่เข้าใจได้อีกหรือ
ซ่งอิงถึงขั้นไม่รู้สึกเหนือความคาดหมายเลยด้วยซ้ำ อย่างไรเสียนี่ก็คือลักษณะเฉพาะของซ่งหม่านซาน!
ซ่งอิงเองก็ไม่ได้โกรธเพราะเรื่องนี้ ขอเพียงซ่งหม่านซานทำตามคำสั่งนางให้ดีก็เป็นพอ หากเขาไม่ซื่อสัตย์ นางก็หาผู้ดูแลร้านคนใหม่ได้เช่นกัน หรืออย่างมากนางก็ไปคุมงานเองที่เมืองยง ซึ่งก็มิใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
แต่โชคดีที่อาสี่มีความสามารถ ในบัญชีก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ ดังนั้นซ่งอิงจึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
ตอนนี้ เมื่อมอบตำรับให้อาสี่แล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องส่งของจำนวนมากจากไกลๆ มายังเมืองยงอีกแล้ว
เพียงแต่กิจการของทางด้านอำเภอหลี่ นางก็ไม่ได้หมายจะละทิ้งเช่นกัน
นางยังร่วมงานกับโรงอี้จวินอยู่ แม้เป็นการส่งของไปขาย แต่ก็ยังพอทำเงินได้บ้าง
แต่ยังคงต้องรออีกสักระยะ ถึงอย่างไรทางด้านเมืองยงก็เริ่มขายได้แล้ว อีกไม่นานนัก ทางด้านอำเภอหลี่ก็จะรู้ถึงข้อดีของสบู่ ถึงตอนนั้นนางค่อยนำสินค้าออกมาขายจำนวนหนึ่ง ซึ่งคงใช้เวลาไม่นานก็จะขายได้หมดเกลี้ยง
แม้ตอนนี้ยังไม่มีสินค้า แต่ซ่งอิงก็เลือกที่จะไปเยี่ยมเยือนเจ้าของกิจการฮวา
แต่คิดไม่ถึงว่า นางกลับได้เห็นซ่งเสี่ยนโอบเผยซื่อ กำลังซื้อผ้าอยู่หน้าโรงอี้จวิน
เขาดูแลภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ท้องโย้ด้วยความเอาใจใส่ ท่าทีคล้ายคนรักใคร่ลึกซึ้งที่แม้แต่เหล่าสตรีผู้สัญจรผ่านไปมายังต้องเอ่ยชม
“เหม่ยจื่ออิจฉาสตรีนางนั้นหรือ” เจ้าของกิจการฮวาเผยรอยยิ้มเล็กน้อย “ข้าว่าไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่ควรมองเพียงมุมเดียว ข้าจะบอกอะไรให้ เมื่อครู่สามีภรรยาคู่นั้นก็มาที่ร้านข้าเช่นกัน”
ซ่งอิงตะลึงงัน “หญิงที่ตั้งครรภ์ ใช้ชาดทาปากเนื้อขี้ผึ้งไม่ได้มิใช่หรือ”
“ตามหลักก็จริงอย่างที่เจ้าว่า ที่ผ่านมาชายหนุ่มผู้นั้นมักจะมาซื้อชาดทาปากที่เพิ่งวางขายล่าสุด ข้าเห็นว่าไม่เหมาะ จึงแนะนำให้เขาใช้ของที่แม้ผลลัพธ์ด้อยกว่าหน่อย แต่เหมาะกับสตรีตั้งครรภ์ ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มผู้นั้นกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย เพราะคิดว่าชาดทาปากคงไม่มีผลกระทบอะไรนัก เห็นได้ว่าเป็นคนหนึ่งที่ประมาทเลินเล่อนัก” เจ้าของกิจการฮวาเอ่ย
สินค้าในโรงอี้จวินของพวกเขาย่อมไม่มีสารพิษใดอยู่แล้ว และก็ไม่ได้หมายความว่าชาดทาปากเหล่านี้จะทำร้ายเด็กในครรภ์ด้วยเช่นกัน
เพียงแต่ร่างกายของคนเราไม่เหมือนกัน อย่างไรเสียชาดทาปากแบบขี้ผึ้งก็มีรสชาติอยู่เล็กน้อย หากไม่ใช้เลยย่อมดีกว่า