บทที่ 395 เหนือฟ้ายังมีฟ้า
ซ่งหม่านซานดีอกดีใจอย่างยิ่ง ไม่มัวสนใจว่าซ่งอิงจะพูดอันใดต่อ ลากนางเดินไปยังลานหลังร้าน ครั้นม้วนแขนเสื้อขึ้นเป็นที่เรียบร้อยก็ตักน้ำในถังราดลงบนแขน จากนั้นนำสบู่ถูลงบนแขนสองสามครั้ง
ซ่งอิงตกใจกับการกระทำของเขาอย่างยิ่ง นางเห็นซ่งหม่านซานยังคงถูแขนไปมาหน้าตาเฉย
“ของดีเหลือเกิน ดูขี้ไคลที่แขนข้าสิ! จุ๊ๆๆ นี่แค่ประเดี๋ยวเดียวก็ถูขี้ไคลหลุดออกมาทั้งแขนแล้ว…” ซ่งหม่านซานพูดพลางหยิบก้อนขี้ไคลน่ารังเกียจนั่นขึ้นมาแสดงต่อหน้าซ่งอิง
“…” ซ่งอิงรีบก้าวถอยทันที
ในตอนนี้ นางเข้าใจแล้วว่าอะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า
หลายวันมานี้ที่บ้านกูลซ่งนางมีปากมีเสียงมากขึ้น ผู้เฒ่าซ่งก็ยอมฟังนางอย่างว่าง่าย คนในตระกูลซ่งแทบเทิดทูนนางไว้เหนือหัว แต่เมื่อมาหาซ่งหม่านซานถึงที่นี่…
ก็ถูกแสดงพฤติกรรมน่ารังเกียจใส่อีกแล้ว
“อาสี่! ท่านไม่ได้อาบน้ำมานานเพียงใดแล้ว” ซ่งอิงถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไป
“ตั้งแต่ตอนที่เจ้าไปครั้งที่แล้ว ข้าก็เก็บส่วนแขนนี่ แล้วยังมี…ผมเผ้าที่ไม่ได้ไปยุ่งกับมัน เสื้อผ้าก็เก็บเอาไว้โดยไม่ซักอีกสองตัว” ซ่งหม่านซานตอบอย่างอารมณ์ดี “เอ้อร์ยา เจ้านี่เป็นคนเรียกทรัพย์จริงๆ! ได้ร่วมงานกับเจ้า แม้ข้ามีส่วนได้แค่หนึ่งส่วน แต่นั่นก็ทำเงินได้มหาศาลแล้ว!”
ดีใจเหลือเกิน!
เพียงเดือนแรก กำไรโดยประมาณของร้านก็เกือบถึงหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเงิน
ตามจริงตัวเลขนี้ไม่นับว่ามาก หลักๆ เพราะเงินลงทุนของเดือนแรกน่าตกใจมากเช่นกัน
เช่นการจ้างคนมาเป็นหน้าม้า ให้บรรดาสหายเร่งผลิตสินค้า สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องใช้เงินตั้งมากมายเท่าใด มีเงินแล้วทุกคนจึงจะยอมทำงานสุดแรงเกิด
เมื่อผ่านเดือนแรกไปได้ กำไรสุทธิหลังจากนี้อาจจะเพิ่มเป็นเท่าตัว!
เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขาก็เคยหารือกับซ่งอิงไว้ว่า จะเช่าร้านไปเรื่อยๆ ย่อมไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน ดังนั้นต้องออมเงินเอาไว้ จ่ายเงินค่าเช่าไปก่อน ภายภาคหน้าหาเงินมาได้มากพอแล้วก็ค่อยซื้อร้านเอาไว้ ร้านในเมืองยงราคาแพงใช่ย่อย โชคดีที่ยาสระชิงสือและสบู่ในตอนนี้นับเป็นสินค้าชั้นยอด และไม่ได้เน้นว่าทำเลร้านต้องดีเป็นพิเศษ
“ตอนนี้อาสี่นึกเสียใจภายหลังแล้วหรือ” ซ่งอิงยิ้มตาหยี “แม้ร้านนี้เป็นของข้า แต่คนที่ยุ่งทำงานคือท่านทั้งหมด อาสี่คงรู้สึกแย่ในใจสินะเจ้าคะ”
ซ่งหม่านซานได้ฟัง ก็แทบอยากยกมือเขกศีรษะนางเดี๋ยวนั้น
“เจ้าอยากถามข้าว่า ข้าอยากยึดร้านนี้หรือไม่อย่างนั้นสิ” ซ่งหม่านซานสบถฮึ “ข้าพูดคำไหนคำนั้น เจ้าเป็นคนออกทั้งเงินและวิธีการ ข้าได้ค่าดำเนินการเล็กน้อยก็พอใจแล้ว สนุกกว่าการคอยคุมประตูเปิดปิดน้ำที่ส่วนงานที่ว่าการอำเภอเป็นไหนๆ อีกทั้งเจ้าก็เป็นหลานสาวข้า ต่อไปพวกเราคงไม่ได้มีแค่ร้านนี้ร้านเดียวหรอกกระมัง”
ซ่งอิงยกยิ้มมุมปาก
“แค่สบู่นี้…ร้านเดียวจะไปพอขายได้อย่างไร เราออมเงินไว้มากหน่อย นอกจากบรรดาสหายของข้า ก็ซื้อหาคนงานมาเพิ่มอีกหน่อย ภายภาคหน้าก็ตั้งร้านไว้ในทุกเมืองของแคว้นต้าติ้งไปเลย ถึงตอนนั้นเจ้าจะไม่ให้เงินข้าไว้ใช้จ่ายมากหน่อยได้อย่างไรอีกหรือ” ซ่งหม่านซานกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้เขาไม่กล้าคิดการใหญ่ถึงเพียงนี้
แต่เมื่อได้เห็นของดีที่ซ่งอิงส่งมา ความทะเยอทะยานในใจก็ปรากฏขึ้น
ของสิ่งนี้ดีงามกว่าจ่าวโต้วมาก อีกทั้งในเมื่อซ่งอิงทำออกมาได้มากเพียงนี้ หมายความว่าต้นทุนคงไม่สูงนัก จึงทำออกมาในปริมาณมากได้!
“ตกลงเจ้าค่ะ! อาสี่จำคำที่พูดวันนี้ไว้ ต่อไปหากเราทำการค้าใหญ่ได้ ถึงตอนนั้นข้าจะตอบแทนท่านเป็นอย่างดีแน่” ซ่งอิงยิ้มกล่าว
ตามจริงซ่งอิงก็ไม่ได้กลัวว่าซ่งหม่านซานจะเสียใจภายหลังแต่อย่างใด
ในเมื่อลงนามในสัญญาไว้แล้ว เสียใจไปจะมีประโยชน์อะไร?
ตอนนี้เลือดในกายซ่งหม่านซานพลุ่งพล่านด้วยความกระตือรือร้น เขารีบสั่งให้คนนำสบู่ไปวางที่ชั้นหน้าสุดของร้านทันที
ร้านนี้เริ่มมีลูกค้าประจำแล้ว ขณะที่คนทั้งสองสนทนากันอยู่ก็มีคนมาซื้อยาสระชิงสือไปหลายกระปุกทีเดียว ตอนนี้ซ่งหม่านซานเดินไปข้างหน้าตามลำพัง หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจตั้งราคาสบู่ก้อนละยี่สิบอีแปะ จากนั้นก็เริ่มนำเสนอกับบรรดาลูกค้า เขาเป็นคนฝีปากดี ไม่นานนักก็ขายออกไปได้ไม่น้อย
บทที่ 396 ของดี
สบู่นี้ต้นทุนไม่สูง วัตถุดิบที่จำเป็นอย่างปูนขาวและเกลือธรรมชาติล้วนหาได้ง่ายดายทั้งสิ้น ใช้เงินเพียงไม่กี่สิบอีแปะก็ซื้อกลับมาได้หลายจินแล้ว
วัตถุดิบที่แพงคือน้ำมันหมู
หลังจากที่นางทำการทดลองซ้ำๆ แล้วค่อยเพิ่มสัดส่วนน้ำลงไปเล็กน้อย พบว่าน้ำมันหมูหนึ่งจินทำสบู่ออกมาได้สองจิน ซึ่งก็เป็นจำนวนสินค้าประมาณเจ็ดก้อน
หากขายสบู่ราคาก้อนละยี่สิบอีแปะ เช่นนั้นน้ำมันหมูหนึ่งจินกับโซดาไฟที่นางกลั่นออกมาก็จะทำให้นางได้เงินประมาณหนึ่งร้อยอีแปะ
นี่ไม่ใช่กำไรระเบิดระเบ้อเลยหรอกหรือ
หากภายภาคหน้าจำนวนสบู่ในท้องตลาดเพิ่มมากขึ้น ก็ลดราคาลงได้เป็นระยะ
ซ่งอิงตั้งใจว่าจะอยู่ที่เมืองยงสักสามวัน ดูว่าผลตอบรับกิจการเป็นอย่างไร
ในวันแรก มีคนจำนวนมากซื้อสบู่กลับไปลองด้วยสีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่วันถัดมากิจการที่ร้านก็คล้ายรุ่งเรืองขึ้นในชั่วพริบตา
สบู่แปดร้อยก้อน ซ่งอิงเก็บไว้ยี่สิบก้อน ซ่งหม่านซานเก็บไว้สองร้อยก้อน ตั้งใจจะมอบให้คนตระกูลร่ำรวยและสูงศักดิ์ในเมืองยงเป็นการเฉพาะ โดยมอบให้ลองใช้ครัวเรือนละสองก้อน แม้ท้ายสุดอาจมีเพียงครัวเรือนเดียวที่ยอมมาซื้อ ก็ย่อมทำเงินได้คุ้มค่ามากกว่าที่เสียไปเป็นแน่
ซ่งหม่านซานคิดว่าในตระกูลของผู้ร่ำรวยสูงศักดิ์ ต้องมีทั้งเจ้านายและข้ารับใช้รวมๆ กันแล้วอย่างน้อยก็เกินกว่าหนึ่งร้อยคน ครอบครัวที่ใหญ่โตเพียงนี้ สิ้นเปลืองของใช้ในชีวิตประจำวันปริมาณมาก อีกทั้งไม่ได้เกี่ยงเงินเพียงยี่สิบอีแปะนี่แต่อย่างใด หากพวกเขาถูกใจจริงและเห็นว่าใช้ดี จะซื้อครั้งละร้อยชิ้นก็ยังเป็นไปได้
ซ่งอิงเก็บไว้ยี่สิบก้อน เพื่อไว้ใช้เป็นของขวัญที่จะมอบให้ในเทศกาลครานี้
ในเมื่อนางนับเขาเป็นอาคนหนึ่ง ตามหลักแล้วก็ควรส่งของขวัญไปสักหน่อย แต่หากแพงเกินไปนางก็เสียดายเงิน ของที่ราคาถูกเกินไปก็ไม่กล้าให้
ถึงอย่างไรสบู่นี้ก็ใช้ดีที่สุด หลังนำไปมอบให้ ไม่แน่ว่าอาจได้ลูกค้าเพิ่มมาอีกเป็นโขยง
นอกจากสบู่แล้ว ซ่งอิงยังซื้อขนมเพิ่มอีกเล็กน้อย ตามหลักปฏิบัติของชาวไร่ชาวนาทั่วไป ก็ควรมีเนื้อแห้ง เป็ด ไก่ ติดมือไปด้วย จากนั้นนางก็จ้างคนมาช่วยนำของเหล่านี้เอาไปส่งถึงหน้าประตูจวนฮั่ว
ฮั่วเจ้ายวนเวลานี้กำลังคิดเรื่องของขวัญที่มอบให้กันในช่วงเทศกาลอยู่พอดีเชียว
เขาถึงขั้นนึกเสียใจภายหลังอยู่ลึกๆ
เดิมทีก็เป็นแค่อาชายปลอมๆ คนหนึ่ง ยังกล้าออกปากขอสิ่งของอีก กลายเป็นเขาละโมบโลภมากเล็กน้อย แต่ก็อยากรู้ว่าซ่งอิงจะส่งของมาให้หรือไม่
สองวันมานี้เขาสั่งให้คนเฝ้าหน้าประตูคอยสังเกตไว้หน่อย
กระทั่งวันถึงวันเทศกาล คนที่อยู่ใต้บัญชาก็เดินแบกของขวัญเข้ามาจริงๆ
มีแม่ไก่ตัวใหญ่สองตัว เป็ดอ้วนสองตัว เนื้อวัวตากแห้งประมาณหกจิน ไข่ไก่หนึ่งตะกร้า หัวไชเท้าและแตงสองกระบุง จากนั้นก็เป็นของหน้าตาประหลาดที่ไม่รู้จัก
“นี่คืออะไรหรือ” ฮั่วเจ้ายวนชี้พลางเอ่ยถาม
คนใต้บังคับบัญชาปรายตามองอยู่ครู่หนึ่ง “คนที่นำของมาให้บอกว่าสิ่งนี้เรียกว่าสบู่ ใช้สำหรับอาบน้ำและซักผ้าขอรับ”
ฮั่วเจ้ายวนได้ยินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะนึกถึงเหลียงผีที่ซ่งอิงคิดค้นขึ้นมา
เมื่อเปิดออกมองดู ก็เห็นว่ารูปลักษณ์ช่างประหลาด แต่กลิ่นของมันอ่อนมาก ฮั่วเจ้ายวนมองดูอยู่ปราดหนึ่ง “เจ้าสิ่งนี้เป็นของที่เพิ่งนิยมในเมืองช่วงระยะนี้ใช่หรือไม่”
“เอ่อ…ข้าน้อยก็ไม่รู้เช่นกันขอรับ” ผู้ใต้บังคับบัญชากล่าวตามจริง
เมืองยงใหญ่โตเพียงนี้ ใครจะไปรู้ว่าของสิ่งนี้ขายที่ร้านไหนกันเล่า
“ไปลองสืบมาที” ฮั่วเจ้ายวนรู้สึกว่าของสิ่งนี้ อาจเป็นของที่ซ่งอิงทำเองก็เป็นได้
หากทำการค้าขึ้นมาจริง เขาก็สมควรอุดหนุนสักหน่อย
ผู้ใต้บังคับบัญชารีบไปสืบเสาะในทันที โชคดีที่ร้านเซียนเส้อมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ปัจจุบันเปิดมาได้เดือนกว่าๆ แล้ว ยาสระผมชิงสือที่ขายก็เป็นของดีเพียงหนึ่งเดียวในเมือง ดังนั้นจึงสืบรู้ความได้ไม่ยาก
เมื่อรู้ว่าเจ้าของกิจการแซ่ซ่งเช่นกัน ฮั่วเจ้ายวนจึงเข้าใจทันทีว่าน่าจะเป็นอาสี่ที่ซ่งอิงให้เงินไปเมื่อครั้งก่อนผู้นั้น
เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า ร้านเซียนเส้อจะเป็นกิจการของซ่งอิง
เพียงแต่ชื่อร้านนี้ออกจะเชยไปหน่อย