ตอนที่ 409 ผู้คนรับรู้กันถ้วนหน้า
ซ่งเสี่ยนที่นั่งอยู่ในเกี้ยวตะลึงงันโดยแท้จริง
แรกเริ่มเขาคิดว่าผู้เฒ่าซ่งแค่ขู่เขา แต่เมื่อเกี้ยวพ้นประตูบ้านออกมา หลังได้ยินเสียงดนตรีเครื่องเป่า ซ่งเสี่ยนก็ไม่คิดอย่างนั้นแล้ว
ปู่ของเขาเป็นคนที่พูดจริงทำจริงมาแต่ไหนแต่ไร ให้อารองและอาสามพูดจาเรื่อยเปื่อยต่อหน้าผู้คนจำนวนมากขนาดนี้ นั่นก็เป็นเครื่องยืนยันว่า เขาถูกขับออกไปแล้วจริงๆ?!
ด้วยจิตใต้สำนึกของซ่งเสี่ยน รู้สึกว่านี่ไม่น่าเป็นไปได้…
แต่อย่างไรก็ตามเกี้ยวโคลงเคลงไปมาแล้ว
ด้วยเกรงว่าคนอื่นจะเห็นว่าซ่งเสี่ยนถูกมัดอยู่ จึงเร่งรีบเดินทางข้ามคืนไปทางด้านอำเภอหลี่ คาดว่าเมื่อถึงยามเช้าท้องฟ้าสว่างโร่ เขาก็น่าจะไปถึงบ้านเผยแล้ว
ซ่งเสี่ยนส่งเสียงอู้อี้อยู่ในเกี้ยว
ซ่งจินซานและซ่งอิ๋นซานทำใจแข็งแสร้งเป็นไม่ได้ยิน
ปรากฏว่าหลังโยกเยกมาตลอดหนึ่งคืน ท้ายที่สุดก็มาหยุดลงตรงหน้าประตูบ้านตระกูลเผย
ในตรอกขนาดเล็กแห่งนี้ เพื่อนบ้านซ้ายขวาต่างก็อดชะโงกหน้ามามองดูไม่ได้ ซ่งจินซานจนปัญญา จึงหยิบเอาหนังสืออย่างเป็นทางการออกมาให้ทุกคนได้ดู “พ่อข้าได้ข่าวว่าบุตรชายคนเล็กของเผยเหล่าเอ้อร์ใกล้ตายแล้ว เผยเหล่าเอ้อร์ก็เลยอยากให้เด็กในครอบครัวพวกเราแต่งเข้ามาอยู่ในตระกูล หวังว่าตระกูลดองจะใจกว้างและมีเมตตา นับจากนี้ไป…หลานซ่งตระกูลข้าก็ถือเป็นคนของตระกูลเผย ตะ…ตายก็เป็นวิญญาณตระกูลเผย!”
เพื่อนบ้านซ้ายขวาตกตะลึงเช่นกัน
ไม่เคยได้ยินเลยนี่ว่าบุตรชายคนเล็กของเผยเหล่าเอ้อร์จะตายแล้ว?
เพียงแต่ว่า ตระกูลดองถึงขั้นเอาหลานชายคนโปรดมาส่งถึงหน้าประตูบ้านแล้ว นี่ยังจะเป็นเรื่องโกหกอีกหรือ
เผยเหล่าเอ้อร์ไม่ใช่เจ้าของกิจการลำดับแรกของร้านขนม ดังนั้นจึงเอาแต่นอนจนถึงตอนเที่ยงแล้วจึงตื่นเป็นประจำ เวลานี้ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวตั้งแต่เช้าตรู่ จึงออกมานอกบ้านด้วยความรำคาญ ครั้นมองเห็นเกี้ยว เขาเกือบเป็นลมล้มพับ
“นี่มัน…”
ซ่งจินซานเอาหนังสือบอกกล่าวอย่างเป็นทางการใบนั้นส่ายไปมา
หนังสืออย่างเป็นทางการนี้เขาเอาแสดงให้ผู้อื่นดูมาตลอดทาง ตอนนี้ก็ถือว่าคุ้นเคยแล้ว “พี่เผยเหล่าเอ้อร์ หลังพ่อเฒ่าได้รับรู้ถึงความนึกคิดของท่าน เห็นแก่ความสัมพันธ์ของสองตระกูลเราที่ผ่านมา จึงยอมตกลง… ตระกูลข้ามอบหลานชายออกมาให้คนหนึ่ง แม้พ่อเฒ่าเจ็บปวดรวดร้าวใจแทบทนไม่ไหว แต่เพื่อให้ตระกูลท่านสบายใจ จากนี้ท่านก็ดูแลเด็กคนนี้ให้ดีแล้วกัน ตระกูลซ่งจะไม่ให้เขากลับไปโดยเด็ดขาด ท่านใช้เด็กคนนี้ได้อย่างสบายใจ!”
ตามจริงซ่งจินซานก็กลัวความแตกอยู่เล็กน้อยเช่นกัน
คำพูดเหล่านี้ที่บุตรสาวสอนเขาไว้ช่างร้ายกาจเหลือเกิน แทบจะทำให้คนอึดอัดใจตายได้
เผยเหล่าเอ้อร์ขมวดคิ้ว จากนั้นไม่ทันไรก็เป็นอันเข้าใจความหมายได้และเกือบกระโดดโหยงขึ้นมา “พวก พวกเจ้าเอาคนกลับไปเลย! พวกเราจะให้เขาเป็นเขยแต่งเข้าตระกูลฝ่ายหญิงได้เสียที่ไหนกันเล่า!”
“รู้ว่าตระกูลดองทำใจไม่ได้ที่ทำให้พ่อข้าเสียใจ แต่พ่อข้าก็พูดไว้แล้วเช่นกันว่า เผยซื่อตั้งท้องอยู่ จะให้สองสามีภรรยาพลัดพรากจากกันมิได้ อีกทั้งครอบครัวเราก็ลูกหลานมากมาย หายไปคนหนึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาอันใด… เมื่อวานก็นำเรื่องนี้ป่าวประกาศทั่วหมู่บ้านแล้ว ผู้คนต่างรับรู้กันถ้วนหน้า วันนี้ทางวงศ์ตระกูลก็จะนำเรื่องที่ซ่งเสี่ยนแต่งเข้าตระกูลฝ่ายหญิงบันทึกลงไปด้วยเช่นกัน เพียงปลายพู่กันเดียวก็ตัดเขาออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นไม่มีทางเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน” ซ่งจินซานกล่าวอีกครั้ง
มีหนังสือบอกกล่าวอย่างเป็นทางการอยู่ตรงนี้ หากเผยเหล่าเอ้อร์เสียใจภายหลัง…
เช่นนั้นเดี๋ยวทางด้านตระกูลซ่งก็จะเอามาเป็นเรื่องเป็นราวได้
ชื่อเสียงของตระกูลซ่งและหลานชาย ต่างก็สำคัญทั้งสิ้น หากกลับคำ จะกลายเป็นว่าจงใจใช้หนังสือทางการมาปั่นหัวพวกเขา แล้วหากเป็นเรื่องเป็นราวไปถึงที่ทำการขุนนาง ต่อให้ตระกูลเผยมีเหตุผลก็ไม่อาจชี้แจงให้กระจ่างได้
ผลสุดท้ายอย่างเบาที่สุด นั่นก็คือสองตระกูลตัดขาดกัน เป็นตายร้ายดีไม่ต้องไปมาหาสู่กันอีก และไม่แน่ว่ายังจะต้องจ่ายเงินชดใช้ให้อีกด้วย
อีกทั้ง เผยเหล่าเอ้อร์ไม่อาจไม่รับคนเข้าไปได้
เพราะตอนนี้ตระกูลซ่งกล่าวอ้างคำที่ว่าสัมพันธ์ญาติมิตรที่มีต่อกัน บีบบังคับให้ตระกูลเผยรับเอาไว้ หากตระกูลเผยไม่รับ เรื่องนี้ก็จะถูกผู้คนด่าทอไปเป็นสิบๆ ปี!
ตระกูลซ่งคิดว่าตระกูลเขาขาดลูกไร้หลาน จึงยอมสละหลานชายคนโตที่ใสสะอาดในตระกูลให้เป็นบุตรชายคนโตของเขา แต่ผลสุดท้ายกลายเป็นเขาหันไปยิ้มแล้วเอ่ยบอกว่านี่เป็นการล้อเล่น เช่นนั้นผลที่ตามมาจะเป็นอะไรเล่า
ต่อให้เผยเหล่าเอ้อร์ใจกล้าเพียงใด ก็ไม่กล้าลองทำเช่นนี้หรอก
ซ่งจินซานถอนหายใจในใจ หลักการและเหตุผลเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่บุตรสาวพูดไว้
บุตรสาวเขา…ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ ทำให้คนเขาไร้ซึ่งทางโต้ตอบ ทำให้เขาผู้เป็นบิดาผู้นี้…ปวดใจ
หากไม่มีสองปีนั้นที่ได้รับความทุกข์ระทม บุตรสาวเขาจะกลายเป็นคนรู้และเข้าใจจิตใจผู้คนได้เช่นนี้หรือ
ตอนที่ 410 สาปแช่ง
ผลปรากฏว่า ยามนี้เผยเหล่าเอ้อร์ตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ตระกูลซ่งนำเรื่องนี้ป่าวประกาศแล้ว ดังนั้นไม่มีทางให้ถอยแล้ว ยามนี้ นอกจากเขารับซ่งเสี่ยนเข้าตระกูล ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังต้องรับเข้าไปอย่างดีอกดีใจ รับเข้าไปอย่างซาบซึ้งในบุญคุณ!
เผยเหล่าเอ้อร์เกือบเดือดดาลจนขาดใจตาย
“เหล่าเอ้อร์ ได้ยินว่าบุตรชายคนเล็กตระกูลเจ้าป่วยใกล้ตายแล้วหรือ เป็นอันใดไปเสียล่ะ ก่อนหน้านี้ข้ายังเห็นเขาออกมาเที่ยวเล่นอยู่เลยนี่” มีคนอดเอ่ยถามไม่ได้
เผยเหล่าเอ้อร์ถลึงตาเขม็ง ใครกล้าสาปแช่งลูกชายเขา!
“ตระกูลเผยก็อย่าได้เศร้าเสียใจไปเลย จากนี้หลานเสี่ยนก็เป็นลูกชายแท้ๆ ของเจ้าแล้ว หากเขาไม่เชื่อฟัง ควรเฆี่ยนตี ควรต่อว่า ก็อย่าได้เกรงใจไป” ซ่งจินซานกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“…” เผยเหล่าเอ้อร์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธจัด
ตระกูลซ่งช่างต่ำทรามจริงๆ เอาลูกเขยมาส่งให้เขาถึงที่ก็ว่าแย่แล้ว แต่นี่ยังสาปแช่งบุตรชายเขาอีก?!
แต่ทว่า ยามนี้ ณ บัดนี้ เขาทำได้เพียงกลืนความโกรธจัดนี้ลงไปในท้อง ถึงอย่างไรก็ไม่อาจพูดกับคนอื่นได้ว่า เพื่อให้ซ่งเสี่ยนเอาเงินของตระกูลซ่งมา เขาจึงเขียนหนังสือบอกกล่าวอย่างเป็นทางการเช่นนี้…
ตาเฒ่าตายยากของตระกูลซ่งผู้นั้น หลานชายแท้ๆ ก็ไม่ต้องการแล้วรึ!
ใจกล้าดีนี่!
เผยเหล่าเอ้อร์โกรธเกรี้ยวขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังต้องเผชิญสายตาที่เป็นห่วงเป็นใยของบรรดาเพื่อนบ้าน จึงทำได้เพียงกัดฟันกรอดแล้วกล่าว “อาจเพราะไปชนเข้ากับของที่สกปรกเข้าแล้ว ตอนนี้เลย…อาการไม่ค่อยดี ยังต้องหาหมอรักษาอีกหน่อย”
เพื่อนบ้านทอดถอนใจ นี่ถึงขั้นหวังให้ตระกูลดองส่งลูกเขยมาดูแลครอบครัวแล้ว ยังจะไม่ค่อยดีที่ไหนกัน ต้องใกล้หมดลมหายใจแล้วมากกว่ากระมัง
เผยเหล่าเอ้อร์ผู้นี้น่ะ ปกติก็มักทำเรื่องไม่เหมาะสม ไม่รู้จักสั่งสมบุญให้ลูกตัวเองเสียบ้าง
“เช่นนั้นเจ้าก็อย่าได้คิดสั้นไปเชียว มีตระกูลดองที่ดีงามเพียงนี้ เชื่อว่าเด็กคนนี้จะต้องกตัญญูต่อเจ้าเช่นกันแน่…” บรรดาเพื่อนบ้านอดกล่าวขึ้นมาไม่ได้
เผยเหล่าเอ้อร์รู้สึกเพียงมึนงงตาลายไปหมด
บุตรชายเป็นแก้วตาดวงใจของเขา เขามีบุตรชายแค่คนเดียว บัดนี้ต้องมาสาปแช่งลูกของตัวเอง แล้วยังต้อง…
อยากจะไปบ้านซ่งเสียเดียวนี้ แล้วสับชายชราผู้นั้นให้ตายไปเสีย
แต่ในความเป็นจริงคือ เขาต้องรู้สึกขอบคุณแล้วต้อนรับคนเข้าสู่ตระกูล
“ลำบากเหล่าตี้ทั้งสองท่านช่วยกลับไปขอบคุณท่านลุงแทนข้าด้วย…หลังจากลูกเสี่ยนเข้าสู่ตระกูล ข้าจะดีต่อเขาอย่างแน่นอน” เผยเหล่าเอ้อร์พูดอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก
พวกซ่งจินซานถอนหายใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกข้าก็วางใจแล้ว เมื่อวานหลานเสี่ยนร่ำลาพ่อแม่เขาก็ร้องไห้จนเป็นลมไปกันเลยทีเดียว ฉะนั้นแบกเข้าไปด้านในเลยเถอะ”
เผยเหล่าเอ้อร์ทำได้เพียงกลั้นใจตอบตกลง
กระทั่งเกี้ยวพ้นประตูเข้าไป
บุตรชายของเผยเหล่าเอ้อร์อาการย่ำแย่แทบไม่ไหวแล้ว ดังนั้นงานมงคลนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นงานมงคล และด้วยความที่ไม่มีกินเลี้ยง คนอื่นก็ไม่สะดวกมองดูเป็นเรื่องครึกครื้นด้วยเช่นกัน
หลังปิดประตูเป็นที่เรียบร้อย เผยเหล่าเอ้อร์จึงได้กล้าเอะอะ
“ครอบครัวพวกเจ้าหมายความว่าอันใด” เผยเหล่าเอ้อร์อยากจะม้วนแขนเสื้อแล้วเล่นงานคนจริงๆ
“นี่ก็ทำตามความคิดของพี่เผยเอ้อร์อย่างไรเล่า! พ่อข้าบอกว่า ในเมื่อเด็กคนนี้เข้าข้างครอบครัวพวกท่าน ครอบครัวพวกท่านก็อยากได้หนักหนา เช่นนั้นก็ได้ ก็ยกให้พวกท่านเลยแล้วกัน จากนี้จะเฆี่ยนตีจะด่าทอ ครอบครัวพวกข้าไม่สนใจทั้งนั้น เพียงแต่หลานเสี่ยนของตระกูลพวกข้าบัดนี้แบกคำว่าบุญคุณเข้ามาสู่ตระกูลเผย ในท้องของเผยซื่อตระกูลท่านก็ยังมีเด็กอยู่ด้วย ทางที่ดี ตระกูลเผยพวกท่านอย่าได้ข่มเหงเขา ยิ่งไปกว่านั้นเลิกคิดที่จะขับไล่เขาออกไปได้เลย มิเช่นนั้นตระกูลซ่งทางด้านนี้จะไม่ยอมวางมือแน่!” ซ่งจินซานแสร้งทำทีดุดันขึงขัง
คำพูดเหล่านี้เป็นคำสั่งของผู้เฒ่าซ่ง
ซ่งจินซานปาดเหงื่อ
เขาก็ลำบากเช่นกัน เพื่อท่องจำคำพูดเหล่านี้ เมื่อวานถูกบิดาและบุตรสาวบ่นรำคาญไปตั้งหลายครั้ง
แม้ว่าซ่งเหล่าเกินโกรธเคืองที่ซ่งเสี่ยนไม่รู้ความ แต่ถึงอย่างไร นั่นก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขตระกูลซ่ง แม้ว่าขับไล่เขาออกไป แต่ก็หวังให้เขาได้ใช้ชีวิตสุขสบายหน่อยเช่นกัน
ดังนั้นฉวยโอกาสนี้พูดคำเหล่านี้ออกมา เป็นการย้ำเตือนตระกูลเผยเสียหน่อย
หากตระกูลเผยรู้ประสีประสา หลังจากนี้ก็จะไม่กล้าข่มเหงทารุณซ่งเสี่ยน ซ่งเสี่ยนก็ถือว่าได้มีที่พึ่งพิงเช่นกัน
กล่าวในอีกมุมหนึ่ง เมื่อก่อนตระกูลเผยก็ดูถูกตระกูลซ่ง จึงได้นำบุตรสาวที่ไร้ราคามาแต่งด้วยมิใช่หรือ บัดนี้ในทางกลับกัน ตระกูลซ่งก็แค่เอาคืนเสียบ้าง