ตอนที่ 433 ตกใจจนมึนงงแล้วกระมัง
ในเวลานี้เอง มีเด็กน้อยยืนอยู่หน้าประตูกันห้าคน
ภูตโสม ซ่งต๋าและซ่งอู่ ต่างก็เป็นเด็กน้อยแก่แดด มาที่บ้านซ่งกันทีก็ยังรู้ว่าต้องพาซานยา แล้วยังมีหลานคังของบ้านสี่ซึ่งเป็นน้องเล็กสุดมาเล่นด้วยกัน
หากเป็นเมื่อก่อน ที่ว่าพวกเขาไม่เคยลิ้มรสขนมเหล่านี้มาก่อนคงเป็นความจริง
แต่หลังจากซ่งอิงพอมีเงินแล้ว ในบ้านก็มีขนมไม่เคยขาด
ทางด้านบ้านซ่งนี้ ซ่งอิงก็สรรหาของมาแสดงความกตัญญูไม่หยุดหย่อนเช่นกัน ผู้เฒ่าซ่งอย่างน้อยๆ ก็อายุมากแล้ว จึงรู้สึกไม่ดีหากตนจะเก็บของกินไว้กินคนเดียว และด้วยความที่หลานในบ้านนี้มีเพียงซานยาและหลานคังที่อยู่ในสายตาตลอดทั้งวัน ดังนั้นเด็กน้อยทั้งสองคนนี้ จึงได้กินขนมเป็นครั้งคราวเช่นกัน
ดังนั้นในเวลานี้มองเห็นขนมนั่น จึงไม่ได้เผยท่าทีอย่างตะกละตะกลามอยากกินออกมาแต่อย่างใด
ซ่งต๋าและฮั่วหลินมองเห็นผู้ดูแลร้านหยวนมาพักใหญ่แล้ว ไม่รู้เช่นกันว่าผู้ดูแลร้านคนนี้เป็นคนดีหรือเลวกันแน่ ดังนั้นตอนนี้อยากจะลองทดสอบดูเสียหน่อย
ผู้ดูแลร้านหยวนแต่งแต้มรอยยิ้มไว้บนใบหน้า “ขนมที่มาจากทางด้านตัวอำเภอย่อมไม่ใช่ราคาถูกๆ อยู่แล้ว ก็อยากเช่นขนมโก๋ถั่วเขียวชิ้นนี้ ชิ้นเล็กๆ ชิ้นเดียวก็ตั้งสิบกว่าอีแปะแล้ว ทว่ารสชาติอร่อยเหลือเกินจริงๆ ทั้งหวานทั้งเนื้อเนียนนุ่ม พวกเจ้าลองชิมดูหน่อยเป็นเช่นไร”
“ไม่ดีกว่า ไม่ใช่ของที่เอาให้พวกเรา เป็นของสำหรับพี่สาวคนรองข้า” ซ่งต๋าชักสีหน้าผิดหวัง
ผู้เฒ่าซ่งตกตะลึง ไม่รู้เลยว่าเจ้าเด็กแสบเหล่านี้กำลังทำอะไรกัน
ผู้ดูแลร้านหยวนคนนั้นกลับเข้าใจผิดในสีหน้าของผู้เฒ่าซ่ง นึกว่าผู้เฒ่าเกิดสงสารหลานๆ ขึ้นมาเล็กน้อยเสียแล้ว
“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง แม้ว่าแม่นางฮั่วออกเรือนแล้ว แต่ก็คือหลานสาวของตระกูลซ่งมิใช่หรือ สิ่งของนี้ก็ถือเสียว่าข้าเอามามอบให้พวกเจ้าเป็นการเฉพาะ กินอย่างสบายใจเถอะ” ผู้ดูแลร้านหยวนยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพูดกับซ่งเหล่าเกินอีกครั้ง “ท่านลุง ท่านวางใจเถิด หากครั้งนี้แม่นางซ่งตกปากรับคำร่วมกิจการด้วย เช่นนั้นในครอบครัวอย่างน้อยๆ ก็จะได้…หลายร้อยตำลึงเงินเชียวละ! นางเป็นเด็กๆ ของตระกูลซ่ง แล้วมีหรือจะไม่ตอบแทนคุณท่านด้วย”
“ถึงเวลา อาหารอันโอชะอันใดบ้างจะไม่ได้กินกัน และหลังจากนั้นขนมไม่กี่ชิ้นนี้ เกรงว่าเด็กๆ เหล่านี้ในตระกูลท่านจะไม่แยแสแล้วด้วยซ้ำ!” ผู้ดูแลร้านหยวนกล่าวเสริมอีกประโยค
ดังนั้น จะเฆี่ยนตีก็ดีจะด่าทอก็ได้ ทำให้ซ่งอิงนำวิธีการทำของนั่นมอบให้ร้านชุ่ยเหยียนไจพวกเขาเสียเถอะ!
ซ่งเหล่าเกินขมวดคิ้วแน่น “ห้าร้อยตำลึงเงิน?”
กิจการอะไรกันจึงเอ่ยออกมาได้ในคราวเดียวว่าจะให้เงินเหล่านี้
“ใช่แล้ว นอกจากเงินห้าร้อยตำลึงเงิน ผู้จัดการร้านพวกข้ายังกล่าวไว้ว่า ต้องการจ้างแม่นางฮั่วมาเป็นอาจารย์ในการทำเครื่องประทินโฉมให้พวกเราด้วย ซึ่งจะให้ค่าแรงเดือนละห้าสิบตำลึงเงิน! เงินค่าแรงนี้ ขนาดข้า…ยังเทียบไม่ได้เลย” ผู้ดูแลร้านหยวนกล่าวขึ้นอีกครั้ง
จะกล่าวว่าอิจฉา? นั่นแน่นอนว่า…ไม่ใช่
เงินค่าแรงห้าสิบตำลึงเงิน ก็ไม่ได้บอกว่าจะให้นางได้รับไปนานเท่าไรเสียหน่อย
หากนางยังคิดค้นสูตรสบู่หอมลักษณะนี้ออกมาได้อีก เช่นั้นยอมจ่ายให้มากหน่อยก็หนึ่งถึงสองเดือน แต่หากคิดค้นออกมาไม่ได้…
ผู้ดูแลร้านหยวนยิ้มเล็กน้อย
ร้านชุ่ยเหยียนไจของพวกเขาเคยพบเจอคนอย่างซ่งอิงมามากมายเหลือเกิน บ้างก็โดดเด่นขึ้นมาในชั่วข้ามคืนแต่เด่นดังอยู่ได้ไม่นาน บ้างก็มากความสามารถโดยแท้จริง ซึ่งคนที่ลักษณะเช่นนี้ จำเป็นต้องทำให้ติดอยู่กับร้านชุ่ยเหยียนไจของพวกเขา ต้องทำงานกับพวกเขา เพื่อที่จะได้ไม่ถูกผู้อื่นเกลี้ยกล่อมชิงเอาตัวไป
“ห้าสิบตำลึงเงิน!?” ผู้เฒ่าซ่งตกอกตกใจ แต่เมื่อคิดดูอีกครั้ง ร้านค้าของบุตรชายลำดับที่สอง ทุกวันมีรายรับสามถึงสี่ตำลึงเงิน ต่อให้ไม่รวมวันที่สภาพอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน อย่างน้อยๆ ก็ได้เดือนละเจ็ดแปดสิบตำลึงเงินกระมัง
ห้าสิบตำลึงเงินก็ไม่ถือว่ามากมายเช่นกัน ถึงขั้นว่าสำหรับเอ้อร์ยาแล้ว ดูเหมือนยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ?
ซ่งเหล่าเกินชักรู้สึกว่าความนึกคิดของตนเองนี้ช่างน่ากลัวมาก
เฮ้อ คนทั่วไปมีรายรับห้าตำลึงเงินต่อเดือนก็ยิ้มหน้าบานแล้ว แต่เมื่อเป็นเอ้อร์ยา กลับรู้สึกว่าน้อยนิดจนรู้สึกน่าเวทนา…
เป็นเพราะเขารู้สึกกลัวใน…ความสามารถของเอ้อร์ยาจนเกิดนิสัยเสียๆ เช่นนี้ขึ้นมาแล้วจริงๆ
ผู้เฒ่าซ่งถอนหายใจ “ผู้ดูแลร้านหยวนมาไกล ข้าก็ไม่อยากให้ท่านมาเสียเที่ยวเช่นกัน ดังนั้นมีคำพูดใดก็กล่าวมาตามตรงเถิด…”
“แน่นอน ท่านผู้เฒ่าซ่งไม่ต้องเกรงใจกันหรอก” ผู้ดูแลร้านหยวนยิ้มเล็กน้อย
จะต้องตกใจจนมึนงงไปกับจำนวนเงินที่มากเพียงนี้แล้วเป็นแน่กระมัง
“ห้าร้อยตำลึงเงินนั่นอย่าเพิ่งไปพูดถึงเลย…” ผู้เฒ่าซ่งไม่เข้าใจสถานการณ์ ไม่อยากลงความเห็นตัดสินใจ ด้วยเหตุนี้ทำได้เพียงกล่าว “เอ้อร์ยาเป็นคนมากความสามารถคนหนึ่ง เดือนหนึ่งเงินค่าแรงห้าสิบตำลึงเงิน ข้ารู้สึกว่า…น้อยไปหน่อย”
ตอนที่ 434 คนโกหก
รอยยิ้มกว้างของผู้ดูแลร้านหยวนแข็งทื่อไปทันทีทันใด จากนั้นค่อยๆ เลือนหายไป “น้อย? ท่าน ท่านผู้เฒ่าซ่ง ท่านมิได้พูดผิดไปแล้วใช่หรือไม่…นี่ นี่น่ามากมายเลยต่างหากจึงจะถูก”
“เจ้าจะร่วมงานกับหลานสาวที่ไม่เอาใครผู้นั้นของตระกูลข้า ก็น่าจะรู้เช่นกันว่า…เอ้อร์ยามีความสามารถในการหาเงิน ปัจจุบันเสนอเงินค่าแรงให้ห้าสิบตำลึงเงิน ช่างไม่ดูมีความจริงใจอะไรเลยจริงๆ น่ะสิ” ผู้เฒ่ากล่าวขึ้นอีกครั้ง
อีกทั้ง คำพูดที่ผู้ดูแลร้านหยวนคนนี้เพิ่งเอ่ยออกมาก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน
อะไรหรือที่เรียกว่าเอ้อร์ยาหาเงินมาได้ก็จะเอามาตอบแทนคุณพวกเขา
นั่นไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย คำพูดนี้พูดเหมือนเป็นการมอบผลประโยชน์ให้ตัวเขา ฟังแล้วไม่สบายใจเอาเสียเลย
ใช่ เอ้อร์ยาเป็นคนกตัญญูรู้จักตอบแทนคุณ แต่ว่ากันตามจริง ปกติแล้วเขาก็แค่กล้ากินขนมเล็กๆ น้อยๆ ที่เอ้อร์ยาเอามาให้ ผลประโยชน์ที่มากไปกว่านี้ไม่กล้ารับเอาไว้หรอก อย่างไรเสียบุตรชายในครอบครัวทางด้านนี้ต่างก็ได้รับสิ่งดีๆ จากนางกันอยู่ทั้งนั้น!
ผู้ดูแลร้านหยวนยังคงรู้สึกว่าตนฟังผิดไปแล้ว
“ผู้เฒ่าซ่ง ที่ข้าพูดคือ…ห้าสิบตำลึงเงิน มิใช่ห้าตำลึงเงิน ท่านฟังผิดแล้วใช่หรือไม่” ผู้ดูแลร้านหยวนเอ่ยถาม
ชายชราผู้นี้คาดว่าเพราะอายุมากแล้วจึงหูใช้การได้ไม่ดีเสียแล้ว
“ไม่! ปู่ทวดข้าไม่ได้ฟังผิดไป!” ฮั่วหลินเชิดดวงหน้าน้อยๆ ขึ้น “ท่านผู้นี้ก็ช่างขี้เหนียวเกินไปแล้ว คิดจะจ้างท่านแม่ข้าทำงาน ท่านก็ควรให้เงินมากๆ หน่อยสิ? เงินแค่นี้ ไม่พอให้ท่านแม่ข้าซื้อขนมให้พวกเรากินเลยด้วยซ้ำ!”
ซ่งต๋ากลอกตามองบน พี่สาวคนรองของเขาแม้ว่าใจกว้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นใช้ง่ายเงินในหนึ่งเดือนมากขนาดนี้เพื่อซื้อขนมให้หรอก
แต่ทว่าเพื่อข่มคนเขา ย่อมต้องการกล่าวเกินจริงไว้หน่อย!
“น้องหลิน ผู้ดูแลร้านท่านนี้อ่อนต่อโลก เจ้าดูเขาสิ แม้แต่ขนมชิ้นหนึ่งสิบกว่าอีแปะก็ยังรู้สึกว่าเป็นของที่หายาก ย่อมต้องรู้สึกว่าเงินห้าสิบตำลึงเงินนั้นมากมายเป็นธรรมดา!” ซ่งต๋ากล่าวขึ้นอีกครั้ง “เราเป็นเด็กดี จะรังเกียจคนเขาไม่ได้”
“เช่นนั้นก็ได้ ข้าขอเป็นเด็กที่ไม่รู้จักมารยาทแล้วกัน” ฮั่วหลินถอนหายใจ “ไหนท่านลองพูดมาสิว่า จ่ายห้าร้อยตำลึงเงินเพราะอยากจะซื้ออะไร หรือว่าจะซื้อตำรับอาหารที่ท่านแม่ข้าทำ”
“…” เขายอมจ่ายเงินมากมายขนาดนี้เพื่อซื้อตำรับอาหารอย่างหนึ่ง เช่นนั้นก็บ้าแล้ว!
“เหลนหลินพูดถูก ยังไม่ได้ถามผู้ดูแลร้านหยวนเลยว่าสรุปแล้วคิดจะทำกิจการอะไรหรือ” ผู้เฒ่าซ่งกล่าวขึ้นมาเช่นกัน
“ข้าเป็นผู้ดูแลร้านที่ขายเครื่องประทินโฉม ที่อยากทำแน่นอนว่าก็คือกิจการสบู่หอมฝีมือแม่นางฮั่วอย่างไรล่ะ” ผู้ดูแลร้านหยวนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
แน่นอนว่าฮั่วหลินก็รู้ดีอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงยิ้มเล็กน้อย “ได้สิ! ท่านจ่ายห้าร้อยตำลึงเงินเพราะอยากจะซื้อสบู่หอมกี่ก้อนหรือ ระยะนี้แม่ข้าอาจยุ่งเล็กน้อย แต่ข้าก็ทำได้เช่นกัน ท่านเอาเงินให้ข้า เดี๋ยวข้าทำเสร็จแล้วจะให้แม่ข้าเอาไปส่งให้”
“…” ผู้ดูแลร้านหยวนเบิกตาเล็กน้อย
เจ้าเด็กนี่ทำเป็นด้วยหรือ ผู้ดูแลร้านหยวนไม่เชื่อเลยสักนิด
ความเป็นจริงคือ ฮั่วหลินทำเป็นจริงๆ แต่ซ่งต๋าและซ่งอู่ทำไม่เป็น ซ่งอิงดีต่อซ่งต๋าและซ่งอู่สักเพียงใด ก็ไม่อาจให้พวกเขารู้เห็นสูตรลับเฉาะของตนได้
“หนูน้อยพูดเป็นเล่นไปได้ เงินห้าร้อยตำลึงเงิน จะซื้อแค่สบู่หอมเท่านั้นได้อย่างไร…ร้านชุ่ยเหยียนไจพวกเรา แน่นอนว่าอยากจะซื้อ…วิธีการทำสบู่หอมต่างหากเล่า…” ผู้ดูแลร้านหยวนพยายามฝืนคลี่ยิ้ม “หนูน้อยยังเยาว์วัยยิ่งนัก อาจยังไม่รู้ว่าเงินห้าร้อยตำลึงเงินเป็นจำนวนมากน้อยเท่าใด…เอาแบบนี้แล้วกัน เงินห้าร้อยตำลึงเงินนี้ ซื้อที่ดินดอนเขตดินแห้งได้เกือบๆ หนึ่งร้อยหมู่”
“เกือบร้อยหมู่? ท่านคนโกหก” ฮั่วหลินหน้านิ่วคิ้วขมวด “ที่ดินของหมู่บ้านซิ่งฮวาค่อนข้างแพง ต่อให้เป็นที่ดินดอนธรรมดาๆ ก็ตั้งเจ็ดแปดตำลึงเงินต่อหมึ่งหมู่ หากเป็นที่ดินอุดมสมบูรณ์ดีงาม ก็ซื้อได้เพียงสามสิบกว่าหมู่เท่านั้น ท่านคิดว่าที่ดินของพวกเราหมู่บ้านซิ่งฮวาไร้มูลค่าเหมือนกับหมู่บ้านสือโถวหรือไร”
ที่ดินประเภทหมู่บ้านสือโถว สี่ห้าตำลึงเงินก็ซื้อได้หนึ่งหมู่แล้ว เทียบกันได้ที่ไหนเล่า?
หมู่บ้านซิ่งฮวาทำเลดี การคมนาคมสะดวก ห่างจากตัวอำเภอไม่ไกลนัก นอกจากธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ผู้คนก็ยังซื่อสัตย์จริงใจ ราคาที่ดินจึงสูงมากเป็นธรรมดา!
ผู้ดูแลร้านหยวนหนังตากระตุก รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีเล็กน้อย
ส่วนซ่งเหล่าเกินประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คาดคิดเลยว่าเหลนหลินอายุน้อยขนาดนี้ ยังรู้อะไรเหล่านี้ด้วย!